ช่วงนี้อ่านหนังสือเตรียมสอบ TU-GET อยู่....ไม่แน่ใจว่าเราเป็นโรคนี้อยู่คนเดียวหรือคนอื่นก็เป็น คือ พอฝึกทำพวก Error Defining (หาคำผิด) ก็จะ....ไม่ผิดหมดก็ถูกหมด เอ ข้อนี้ก็ใช่ ข้อนั้นก็น่าจะใช่
อย่ากระนั้นเลย อ่านตั้งแต่แรกแล้วกันว่าเขาเรียงประโยคกันยังไง เอาล่ะ Da Vinci Code กันเลย แกะประโยคที่ลอกมาจากหนังสือพิมพ์ ทีละคำ เปิด dictionary หากันเลยว่ามันเป็น noun เป็น adjective หรือเป็นอะไร โอ!้ จอร์จ แล้วนี่มันภาษาอังกฤษหรือภาษา่ต่างดาวกันแน่เนี่ย? Present Perfect Continuous ยัง ยังไม่พอ เธอมีชื่อให้เลือกใช้อีกว่า Present Perfect Progressive โอย จะบ้าตาย
ไปถามเจ้าของภาษา เอ ใครว่า Native Speaker ใช้ภาษาอังกฤษถูกไวยากรณ์กันนะ? ฝรั่งยังไม่รู้เลยว่า clause กับ phrase ต่างกันยังไง โอย จะบ้าตาย อ่านต่อไปก็ยิ่งงง
ตอนนี้กำลังฮัมเพลง "พระคุณที่สาม" อยู่ ภาพอาจารย์สอน grammar ผุดมาในห้วงสำนึกพร้อมคำเยาะเย้ย "ฉันบอกเธอแล้วไงกฤษณา ว่าเธอน่ะต้องตั้งใจเรียน grammar ให้มากกว่านี้" ....ค่า อาจารย์ หนูซาบซึ้งมากเลยค่า ซึ้งจริง ๆ ค่ะ ฮือ ๆ ๆ
เคยสอบแล้ว ตอนทำก็รู้สึกมั่นใจนะแต่ไหนได้คะแนนน้อย อยากได้วิธีแนะแนวทางให้หน่อยนะคะ หนูอยากได้ สัก 350 ก็พอ ใครมีเทคนิคดีๆ ส่ง เมล มาหาหนูได้นะ
อยากติดต่อคุณอ้อมค่ะ ....จากที่ติวตัวเองก็จะบอกวิธีเตรียมสอบนะคะ
ขอให้โชคดีค่ะ
อยากแบ่งปันประสบการณ์ค่ะ
สอบ TU ครั้งที่ 8/2010 ได้ 480 คะแนน
สอบ ครั้งที่ 9/2010 ได้ 420 คะแนน
สอบ ครั้งที่ 10/2010 ได้ 580 คะแนน (ตรงตามต้องการขั้นต่ำ 550)
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่ไม่ใช่การเตรียมตัวสอบคือ การบริหารจัดการในตอนสอบ --- 2 ครั้งแรกที่เราสอบ เราทำแกรมม่าก่อน 50 ข้อ
ใช้เวลา ชั่วโมงครึ่ง ส่วน reading อีก ชั่วโมงครึ่ง ผลก็เป็นอย่างที่เห็น
----- ข้อสอบ Reading มี 6 เรื่อง เรื่องที่ 3-4-5-6 จะง่ายมาก แต่คนทำไม่ทัน เราก็เลยเปลี่ยนแผนทำตรงนี้ก่อน แล้วทิ้ง Reading ข้อที่ 1-2 ไว้ก่อน จากนั้นทำแกรมม่าอีก 50 นาที ห้ามทำเกินนี้นะ ข้อไหนคิดนานมันก็เหมือนเดิมแหละ จากนั้นมาทำ Reading
ข้อ 1-2 ต่อเลย เน้นข้อที่ถาม Fact มันจะชัวร์กว่าพวก Infer
------ ตรงนี้ เราบอกได้ว่า เราอ่านหนังสือน้อยมาก แต่ท่องศัพท์ เพื่อไปทำ Reading โดยเฉพาะ ไม่ใช่เทคนิคอะไร ในการทำ แต่ใช้การแปลให้ได้หมด และตอบที่มันถาม จบ..
หนูจะเอ็นปีนี้แล้วอยากเข้า BMJ มากกอ่ะ อยากลองทำข้อสอบเก่าๆมากเลยหาได้จากที่ไหนอ่ะค่ะ