ยามสี่นาฬิกาเช้าวันนี้ยูมิตื่นขึ้นมาพร้อมกับได้ยินเสียงกบเขียดร้องเบาบางต่อมาเป็นเสียงนกนานาชนิดเมื่อใกล้ตีห้า...
ยูมินึกถึงการคุยกันเมื่อวานนี้เกี่ยวกับภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นการสังเกตเรียนรู้ของชาวนาเป็นศาสตร์ชาวบ้านที่นครศรีธรรมราชเราคุยกันในห้องเรียนภาษาอังกฤษตามหลักฐานงานวิจัยที่อ้างอิงมาจาก รศ. วิมล ดำศรี มีความว่า...
กลุ่มชาวนามีการสังเกตปริมาณน้ำฝนว่าจะตกมากหรือน้อย เช่น สังเกตจากใบหญ้าครุน ถ้าปีใดที่ใบกิ่ว 2 กิ่ว น้ำจะท่วม 2 ครั้ง ...
ถ้าหอยโขงขึ้นวางไข่ตามลำต้นและใบของใบจากหรือสาคู สูงระดับใดน้ำก็จะท่วมสูงถึงระดับนั้นในปีนั้น ...
ถ้าดอกไม้ชื่อชุมเห็ดบานตลอดทั้งช่อแสดงว่าฝนจะหยุดตกหรือฤดูแร้งจะมาถึงแต่ถ้าดอกไม้นี้ยังบานไม่ตลอดแสดงว่าจะยังมีฝนต่อไป ...
แม้แต่เสียงนกบางชนิดร้อง เช่นนกแมงค่าส่งเสียงร้องแสดงว่าฤดูฝนจะมาถึงแล้ว แต่เมื่อนกดุเหว่าร้องแสดงว่าฝนจะหยุดตกฤดูแล้งจะมาถึง ...
และอีกอย่างหนึ่งถ้าพบว่าพวกปูคลานออกจากรูไปท่องเที่ยวแสดงว่าจะเข้าสู่ฤดูฝนในไม่ช้า...
สิ่งเหล่านี้เป็นการสังเกตขั้นพื้นฐานไม่ทดลองด้วยวิทยาศาสตร์ใด ๆเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นอยู่ในวิถีชาวนาล้วน ๆ นะครับ ฮา ๆ เอิก ๆ
สวัสดีค่ะอาจารย์ ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาชาวบ้านเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ และ/หรือสาวกวิทยาศาสตร์น่าจะเปิดใจรับฟังโดยไม่ไปตัดสินด้วยหลักการชุดเดียวกัน เพราะเป็นความรู้ที่มีที่เกิดต่างกันและมาจากการสังเกตธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่อยู่ในห้องแล็บ ที่จริงเป็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ทั้งคู่ อยู่ที่เราจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันแล้วบูรณาการให้เกิดปรธโยชน์ที่สุด
ขอบคุณค่ะที่นำเรื่องที่ไม่เป็นที่รู้จักให้ได้รู้กัน
สวัสดีครับ คุณ
ยังมีหลายอย่างที่ควรนำมาถ่ายทอดอันเกิดจากการสังเกตเรียนรู้ของชาวบ้านนะครับผม...
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ
ที่จริงเป็นความรู้ที่เป็นประโยชน์ทั้งคู่ อยู่ที่เราจะเรียนรู้ซึ่งกันและกันแล้วบูรณาการ...เห็นด้วยครับ
ดูเหมือนว่า...คนมีความรู้สมัยใหม่ไม่ยอมรับความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น...เช่นยาผีบอกมีการท่องคาถาด้วยนะครับ ฮา ๆ เอิก ๆ...
ขอบคุณครับ