มีบางคนที่มาคราวนี้ได้ทำ voice dialogue ไปครั้งหนึ่งที่บ้านพี่แอะ (monthly mini-dialogue ของชุมชนจิตไร้สำนึก หาดใหญ่) แต่กระนั้นก็ตาม แม้แต่ตัวผมเองก็รู้สึกว่าน่าจะมีความแตกต่าง ครั้งแรกที่ทำคือที่อิงดอย โดย Yoda himself เป็นกระบวนกร ครั้งที่สองผมถอดมาทำที่บ้านพี่แอะ แค่สองวงๆละ 6 คน ครั้งที่สามผมไปทำงานปฐมนิเทศแพทย์ใช้ทุนปีที่หนึ่งที่หาดแก้ว (45 คน) แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทำ (หรือร่วมทำ) หลังจากได้อ่าน Embracing OurSelves ของคนคิด คือ Dr Hal & Sidra Stone และคู่มือ Voice Dialogue Facilitator ของ Miriam Dyak หนังสือของ Dr Stones ทั้งสองทำให้เติมคำในช่องว่างและก่อให้เกิด "ประเด็น" ในใจขึ้นหลายประเด็น และประสบการณ์ของ Miriam Dyak ก็เพิ่มแง่มุมของกระบวนกรมาไม่น้อย
ผมกำลังนึกว่าจะเขียนอย่างไรดี จึงจะไม่ซ้ำกับที่เขียนไปแล้วสองครั้ง ต่างกรรม ต่างวาระ เอาเป้นอย่างนี้ดีกว่า หลังการทำ voice dialogue ครั้งนี้ที่สวนสัตว์สงขลา ใน session กลางคืน เราได้ทำ workshop สีทุ่มสแควร์ และผมถูกเชิญขึ้นไปในฐานะผู้ชายคนเดียว (ของผู้เข้าร่วม ไม่นับกระบวนกรคือ อ.มนตรี) คิดว่ามีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ผม "ถอด" ออกมาตอนนั้น จะเอามา share ณ ที่นี้
ประการแรก Voice dialogue น่าจะนำด้วยกิจกรรมผู้นำสี่ทิศ (หรือ คิดๆดูอีกที กิจกรรมอะไรก็ได้ ที่มีส่วนแสดง "นัย" ของ subpersonalities หรือ hidden self หรือ ดีกว่านั้น "demonic energies")
ประการที่สอง Voice dialogue น่าจะทำหลังจากผู้เข้าร่วมมี "ประสบการณ์" สุนทรียสนทนามาบ้างแล้ว เพื่อจะ "ลดคม" ของการเสียดสีที่อาจจะเกิดขึ้น ผมเขียนรายละเอียดเรื่อง When not to do Voice Dialogue ไว้ในอีก blog หนึ่ง มีรายละเอียดที่ guru กระบวนกรเพิ่มเติม (ตาม link)
When "not" to do Voice Dialogue
ในทางการแพทย์สำหรับเรื่องหัตถการต่างๆนั้น มีคนพูดเสมอว่า "ข้อห้าม หรือข้อพึงระวัง" นั้นสำคัญกว่า "ข้อบ่งชี้" เสียอีก ดังที่ Hippocrates บิดาแห่ง modern medicine กล่าวไว้ว่า "primum, non nocere" หรือ "First, Do No Harm" น้นเอง
บางครั้งเราก็รู้สึกกระตือรือร้นอยากจะช่วย อยากจะทำ มากกว่านิ่งเฉย จนกว่าเป็น over-enthusiastic ไป ศัลยแพทย์ผู้ยิ่งใหญ่หลายท่านจึงได้กล่าวเตือนน้องๆว่า "To know when not to do is sometimes a good indicator you are a great surgeon" มนุษยเรานั้นมี healing mechanism ที่มหัศจรรย์ในตนเองอยู่ แต่กิจกรรมที่เราหยอดใส่ลงไปเป็น aritificial นั้น more or less มีผลข้างเคียงเสมอที่เราพึงชั่งน้ำหนัก
ในหนังสือของ Miriam Dyak's The Voice Dialogue Facilitator's Handbook p.47-48 ได้เขียนคำเตือนไว้ ในกรณีที่เราอาจจะเผลอใช้ voice dialogue ไปในบางสถานการณ์ที่อาจจะเกิดผลร้ายมากกว่าผลดี (หรือไม่เกิดผลดีเลย) ไว้ดังนี้
- ถ้าคนรับไม่พร้อมจะรับ สำคัญมาก เพราะ concept ที่ว่ามี awareness, มี self, มี Aware Ego เริ่มต้นแบบนี้สำหรับบางคนก็รับไม่ได้เลย อย่าฝืน
- ถ้า primary selves หรือ self ไม่ยอมรับการมีอยู่ของ self ที่เหลือ พูดง่ายๆแบบของเราก็คือ ยังไงๆก็ไม่ยอมเก็บไพ่ที่ทิ้งไปคืนแน่นอน ฉันฉีก เผา ฝัง ไปหมดแล้ว ยังไงๆก็จะไม่ยอมเอา disowned cards เหล่านี้มาใช้อีก
- ถ้าคนๆนี้ไม่มี operating ego เช่นในผป. multiple personality ที่ทุกๆ personality takes over ร่างกายหมดเป็นช่วงๆ เหมือนในภาพยนต์เรื่อง Identity ที่มีหลาย personalities ฆ่ากันไป ฆ่ากันมา ตลอดเรื่อง
- ถ้าคนๆนั้นอยู่ในสภาวะโกรธ เกลียด เศร้า เสียใจอย่างรุนแรง ในตอนที่คนอยู่ใน vulnerable state แบบนั้น เป็นสภาวะที่ insecure และผลสรุปมักจะเพือ serve primary self ก่อน เพราะselves ทั้งหมดกำลังจะกระจัดกระจาย ต้อง empower primary self จะเป็นความสำคัญต้นๆ
- คนไข้จิตเวช severe depression หรือ psychosis การทำ voice dialogue อาศัยความร่วมมือของคนเอง และสุขภาพที่ดีพอสมควร เป็นพื้นฐานเบื้อนต้นที่สำคัญ
Enjoy your facilitator class and your exploration of LIFE!!
ประการที่สาม คนทำควรจะ "เชื่อ และ ปฏิบัติ" ทำ voice dialogue กับตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพราะกระบวนกร ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์ ก็ไม่ได้แปลว่าจะพัฒนา Aware Ego ได้ร้อยเปอร์เซนต์ และยังมีโอกาสที่ตกเป็นเหยื่อของ pusher, controller, perfectionist, etc ของตนเองได้เหมือนกัน การทำ voice dialogue ให้ผู้อื่นนั้น เราก็ควรจะ exercise Aware Ego ไว้ตลอดเวลา
ในกระบวนการ voice dialogue นั้น วิธีก็เหมือนกับที่เคยบรรยายไปแล้วครั้งหนึ่ง ในกระทู้ อ่าน เขียน แปล กระบวนทัศน์ใหม่ แต่ผมขอเพิ่มเติม ข้อสังเกต ดังนี้
เอกสารเต็มๆก็แนะนำให้ซื้อหนังสือ Embracing OurSelves ของ Dr Hal & Sidra Stone ครับ เป็นต้นกำเนิดวิ voice dialogue และเขียนไว้ค่อนข้างละเอียด ถ้าติดใจก้ search Amazon หาหนังสือของทั้งสอง Drs ใน series นี้ได้อีกสามสี่เล่ม คงจะพอ whet appetite ได้ครับ
เนื้อหาและหนังสือที่แนะนำหน้าสนใจมากเลยค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์หมอ ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยอธิบายคำว่า "primum, non nocere" หรือ "First, Do No Harm" ให้ผมฟังหน่อยครับ ผมจะเอาไปเขียนเป็นบมความอธิบายให้คนธรรมดา และอาสาสมัครกู้ชีพ กู้ภัยเข้าใจกันครับ
เป็นหนึ่งในสี่หลักทางจริยธรรม อันมี principle of autonomy (หลักสิทธิส่วนบุคคล) principle of non-maleficence (หลักแห่งการไม่ทำร้าย) principle of beneficence (หลักแห่งประโยชน์) และ principle of justice (หลักแห่งความยุติธรรม)
First,do no harm คือหลักแห่งการไม่ทำร้าย ไม่กระทำการใดๆที่จะก่อมห้เกิดความทุกข์ต่อผู้คน