ใครกันนะ


น้ำท่วม น้องว่าดีกว่าฝนแล้ง พี่ว่าน้ำแห้งให้ฝนแล้งนั้นยังดีกว่า... เพลงของศรคีรี ศรีประจวบดังขึ้นมาในใจ เมื่อทราบจากทางบ้านว่าน้ำท่วมอีกแล้ว ท่วมน่ะท่วมได้ แต่อย่าให้มันมากนัก เหมือนกับทุกๆอย่าง มีน่ะมีได้ แต่อย่าให้มันมากนัก พูดน่ะพูดได้ แต่อย่าให้มันมากนัก เขียนน่ะเขียนได้แต่อย่าให้มันมากนัก ตกลงก็คือ ให้พอประมาณ

ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์และคนทางบ้านว่า ขณะนี้บ้านเราน้ำท่วมอีกระลอกหนึ่งแล้ว เป็นเรื่องน่าประหลาดใจ จากที่ข้าพเจ้าได้เคยอยู่ที่บ้าน น้ำจะท่วมเพียงปีละหนึ่งครั้ง หรือบางปีก็ไม่ท่วม อาจจะมีปีพิเศษที่ท่วมมากกว่าปกติ ก่อนที่น้ำจะท่วมจะมีฝนตกหนักตลอด ๒-๓ วัน พอน้ำทะเลหนุน และน้ำเหนือไหลหลาก น้ำจึงเอ่อท่วมบ้าน เหตุการณ์ดังกล่าวมิได้เป็นปัญหาอะไร เราผู้เป็นชาวบ้านจะเตรียมตัวต้อนรับสิ่งนี้ทุกปี  แต่ทว่าปีนี้ทำไมน้ำจึงท่วมถึงสองครั้ง บางแห่งเข้ารอบที่สามแล้ว

คนได้ทำอะไรกับโลกหรือไม่ จากที่คนพยายามเข้าใจธรรมชาติ และนำสิ่งต่างๆที่อยู่คู่กับคนไปใช้ คนบางคน นำธรรมชาติออกมาจากที่เดิมเกินกว่าความจำเป็นที่มนุษย์มี บางคนใช้สอยเพียงพอแค่การยังอัตภาพให้อยู่ได้ บางคนมิได้นำไปใช้อะไร ขอเพียงให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของธรรมชาติ

คนกับธรรมชาติรอบกาย เราคงโทษคนไม่ได้ใช่หรือไม่ หากเราเข้าใจว่า คนคือผู้ที่ยังไม่เข้าใจสิ่งรอบข้าง อย่าว่าแต่สิ่งรอบข้างเลย ความที่ตนเป็นคน คนยังไม่เข้าใจตนเลย จะให้เข้าใจสิ่งรอบข้างได้อย่างไร หรือว่าผลกระทบดังกล่าว มิใช่การกระทำของคน

เหตุการณ์นี้ ทำให้หวนคิดถึงเนื้อหาในถ้อยคำของเหลาจื้อ ผู้ที่สานุศิษย์ให้การยกย่องว่าเป็นศาสดาของศาสนาเต๋า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปเอง  อันนี้ใช่ไหม ที่ธรรมชาติลงโทษ เมื่อคนทำร้ายธรรมชาติรอบกายได้ ธรรมชาติรอบกายก็ขอทำร้ายคนด้วยเช่นกัน ในทัศนะของข้าพเจ้า “มันไม่ยุติธรรม” กับการกระของคนจำนวนหนึ่ง แต่คนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งทำไร่ ไถนา ปลูกพืชผักปลอดสารเคมี เขาต้องได้รับผลกระทบนั้นด้วย หรือว่า สิ่งนี้คือสิ่งยุติธรรมแล้ว กล่าวคือ ยุติด้วยธรรมชาติ

มิใช่เฉพาะบ้านเกิดของข้าพเจ้า สงขลาวันนี้ ฝนตกหนักตลอดหลายวันที่ผ่านมา โครงการเพื่อการบรรเทาน้ำท่วม จะช่วยบรรเทาได้มากน้อยแค่ไหนกัน แต่ก็ดี ดีกว่าที่เราไม่ได้ทำอะไรไว้เลย อย่างน้อยต้องช่วยได้บ้าง ข้าพเจ้ายอมรับตัวเองว่า ข้าพเจ้าไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อว่าวิทยาศาสตร์จะช่วยชีวิตคนให้รอดจริง ผลของวิทยาศาสตร์จะทำลายทุกอย่างแม้แต่ตัวของมนุษย์เอง ความคิดนี้อาจจะส่วนทางกับความคิดของยุคนี้ แต่ก็เป็นข้อหนึ่งที่น่าคิด ยกตัวอย่าง ถ้าไม่มีรถยนต์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคน น้ำมันซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลกก็ไม่ถูกขุดขึ้นมาใช้ ไอเสียจากรถยนต์ก็จะไม่มี คนก็จะได้อากาศที่บริสุทธิ์ ถ้าไม่มีการเผาไหม้สิ่งปฏิกูลจากผลของวิทยาศาสตร์ บรรยากาศโลกก็จะไม่ถูกทำลาย โลกก็จะไม่ร้อนเกินไป ไอความร้อนจากโลกก็จะไม่ระเหย กลายเป็นเมฆและฝนเกินกว่าความจำเป็น หรือว่าผลที่เกิดขึ้นไม่ใช่ผลกระทบจากการกระทำของคน หากแต่ธรรมชาติเป็นไปเอง

ให้หวนคิดถึงสมัยเป็นเด็ก ยามเย็นของหน้าฝน ข้าพเจ้านั่งอยู่นอกชานซึ่งเป็นฟากไม้ใฝ่ หลังคามุงจาก สายตาที่มองออกไปท่ามกลางสวนมะพร้าวจะมีสายฝนโปรยปรายคราคร่ำ บางครั้งห่าใหญ่ บางครั้งห่าน้อยๆ บางคราวโปรยเพียงละออง ในยามที่ฝนตกห่าใหญ่ ข้าพเจ้าจะได้ยินเสียงเม็ดฝนที่ตกกระทบหลังคาจาก เสียงนั้นไพเราะ เป็นท่วงทำนองของธรรมชาติ สายฝนที่ไหลจากจากหลังคา และร่วงลงสู่พื้นดังเปาะแปะ และกระเซ็นเข้าไปใต้ถุนบ้าน นั้นคือหน้าฝน ส่วนหน้าหนาว ข้าพเจ้าพร้อมเพื่อนจะชวนกันไปก่อไฟผิง นำกาบมะพร้าว ทางมะพร้าว และเศษไม้มากองจุดไฟผิงก่อนไปโรงเรียน ยามหน้าร้อน เราก็ร่มเงาของต้นไม้ให้พักผ่อนยามว่าง

อยากให้สิ่งนั้นหวนกลับมา แต่เป็นได้แค่ความอยาก ไอ้ความอยากของคนนี่เอง น่าจะเป็นชนวนสำคัญที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องเข้าไปจับกุมในฐานะตัวการใหญ่ที่น่าจะทำให้น้ำท่วมในวันนี้ คน เดือดร้อนกันทั่วทุกหัวระแหง

ปล่อยฉันไป..จากโลกใบ...นี้เสียเถิด
อย่าให้ฉัน..ต้องเกิด..มาบนโลก..ใบนี้เลย
ไม่ใช่โลก..โหดร้าย..ต่อฉันอย่างไรหรอก
สิ่งที่อยาก..จะบอก..ฉันไม่อยาก..เป็นส่วนหนึ่ง..ในการทำลายโลกใบนี้เลย
๐๘.๑๖ น. :
๙-๑๒-๔๗

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 9248เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2005 11:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 ตุลาคม 2015 10:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ.คะ ทำอย่างไรจึงจะได้เขียนแล้วเห็นภาพเหมือนอย่าง อ.คะ

ขอคำแนะนำหน่อย
ได้บรรยากาศจริง จิ๊ง

ค่อยๆ เขียนตามที่อยากเขียน จะเห็นภาพเอง (โม้ให้ฟัง คึคึ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท