ในวันที่ ๒๐ เม.ย. ๕๐ คณบดีท่านใหม่ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ เข้านำเสนอวิสัยทัศน์ในการบริหารคณะต่อสภามหาวิทยาลัยมหิดล เราตกลงกันว่าต้องเสนอประเด็นเชิงนโยบายให้สภาฯได้มีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ
คณะสัตวแพทยศาสตร์ ตั้งมา ๑๐ ปี มีฐานะเป็นหน่วยงานนอกระบบราชการ คือ ตั้งขึ้นโดยมติของสภามหาวิทยาลัย เป็นหน่วยงานในกำกับของสภามหาวิทยาลัยตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน
อาจารย์ สัตวแพทย์หญิงวันทนีย์ รัตนศักดิ์ คณบดีท่านใหม่ นำเสนอวิสัยทัศน์อย่างครบถ้วน ๗ ด้าน โดยมีเป้าหมายคือสร้างความเข้มแข็งให้แก่คณะสัตวแพทยศาสตร์เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ประเด็นที่ต้องการให้สภามหาวิทยาลัยสนับสนุน คือ การเพิ่มจำนวนอาจารย์ เพราะเป็นคณะที่เน้นสัตว์ป่า มีชนิดสัตว์มาก และเนื่องจากการผลิตอาจารย์ด้านสัตวแพทย์ในประเทศไทยยังไม่มีระบบ จึงไม่สามารถหาอาจารย์ระดับปริญญาเอก-โทได้ จึงขอมติจากสภาฯ ให้รับอาจารย์ปริญญาตรีได้ แล้วจึงสนับสนุนให้เรียนปริญญาโท-เอกต่อไป
สภามหาวิทยาลัยมีความเห็นว่าระบบการผลิตหรือพัฒนาสัตวแพทย์ของไทย พัฒนาไม่ทันความต้องการของสังคม มีความล้าหลังอย่างรุนแรงมาก จึงมอบหมายให้ท่านคณบดีกลับไปดำเนินการทบทวนศึกษาภาพใหญ่ด้านอุปสงค์-อุปทานของสัตวแพทย์ของประเทศไทย โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นของประเทศ เช่น
กรมปศุสัตว์ กรมควบคุมโรค หากต้องการความช่วยเหลือในการศึกษาภาพใหญ่ดังกล่าว ให้ปรึกษาท่านอธิการบดี
ผมเพิ่งเข้าใจว่าวงการสัตวแพทย์ไทยมีโอกาสสูงมากในการขยายตัวทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ เพราะความต้องการของสังคมมันล้นความสามารถของวงการสัตวแพทย์ เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เป็นความท้าทายของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แต่เป็นความท้าทายต่อวงการสัตวแพทย์ในภาพรวมทั้งประเทศทีเดียว
แล้วผมเห็นด้วยกับอาจารย์วันทนีย์ ที่เสนอให้มี "พยาบาลสัตว์" เป็นบุคลากรประเภทใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่บริบาลสัตว์ แบ่งเบาภาระของสัตวแพทย์
วิจารณ์ พานิช
๒๓ เม.ย. ๕๐
ไม่มีความเห็น