การจัดการความหลากหลาย(Divergence Management)
ความหลากหลาย(Divergence) ทางความคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่ในหลายๆ กรณีนำไปสู่ความขัดแย้ง(Conflict) ถึงขั้นแตกแยกได้(มีเหตุการณ์ร่วมสมัยให้ได้เห็นมากมาย) ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วความสมดุล(Balance) จะก่อให้เกิดความดีความงามได้เสมอ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการจัดการความหลากหลายสู่ความสมดุลเพื่อความดีและความงามตามหลักธรรมชาติ
การจัดการความหลากหลาย(Divergence Management)ให้ได้ผลดี ต้องให้เกียรติตนเอง ลดอัตตา ให้เกียรติคนอื่นที่คิดต่างจากตน อ่อนน้อมเหมือนรวงข้าวเต็มเมล็ดที่จะน้อมต่ำลงเสมอ เปิดใจ(Open Mind)ให้มากขึ้นทุกขณะ เรียนรู้เพื่อเติมเต็ม(full fill)ความรู้เดิมให้งอกงามขึ้น และที่สำคัญที่สุดต้องให้เกิดลักษณะนิสัยแห่งการใฝ่รู้(Insight Habit) เพื่อจัดการความหลากหลายที่เกิดขึ้นตลอดเวลาให้เกิดความสมดุลได้อย่างจีรังยั่งยืน
ประเภทของความหลากหลาย
1. ธรรมชาติเป็นความหลากหลายที่จัดการได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นอาจไม่จำเป็นต้องเข้าไปจัดการ
2.วัฒนธรรม เป็นความหลากหลายที่เกิดจากมนุษย์ เป็นความหลากหลายที่เข้าไปจัดการได้
แนวทางการจัดการความหลากหลาย
1. มองภาพรวมทั้งระบบ
2. เลือกสรรสิ่งที่มีคุณค่า
3. ตัดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน
โดยทั้งสามขั้นตอนนั้นจะทำให้ได้ “ความรู้ใหม่” จากความหลากหลายที่นำ (Percieve) ไปทำปฎิสัมพันธ์กับ “ความรู้เดิม” ในคนหรือในองค์กร (Self-interaction) ก่อให้เกิดการ “พัฒนา” ดังภาพ
วิธีการจัดการความหลากหลาย
ความสามารถในการจัดการตนเอง (Self - Management) โดย
1. การจัดการโดยความสามารถในการชี้นำตนเอง (Self Directed) ตามหลักครองตน ครองคน ครองงานและครองเงิน
2. ระเบิดออกไปจากภายใน (Intrinsic explosion) โดยอาศัยอิทธิบาท 4
3. ฝึกความยืดหยุ่นโดย
3.1. เปิดใจและเปิดรับผ่านการฝึกไว้ใจ วางใจ เกรงใจ มั่นใจ
3.2. การให้เกียรติผู้อื่น โดยผ่านการฝึกกาลเทศะ การฟังเป็นและพูดเป็น การให้คุณค่าต่อเพื่อนร่วมงาน
4. เทคนิคการสร้างความร่วมมือ
4.1. หาจุดร่วมที่ต้องใจของผู้ร่วมงาน เพื่อจะได้กำหนดจุดหมายปลายทางร่วมกัน
4.2. มั่นใจว่ายังมีความรู้มากมายที่คนอื่นรู้แต่เราไม่รู้
5. ต้องมีความรักต่อสถาบัน หัวหน้างานละเพื่อร่วมงาน
วิธีการจัดการความหลากหลาย เริ่มที่ตนเองและขยายไปสู่เพื่อนร่วมงานเพื่อทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำไปสู่การให้คุณค่าในความเป็นมนุษย์ ทำให้รู้สึกมีศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับ เกิดความร่วมมือ เกิดพลัง และที่สำคัญความสามารถในการจัดการความหลากหลาย ทำให้เกิด “มูลค่าและคุณค่า”เพิ่มอย่างน่าสนใจ ตัวอย่าง โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันนำเอาสินค้าที่หลากหลายสายพันธุ์มาใช้ร่วมกัน (Convergence Product) หรือนาฬิกาข้อมือที่บันทึกเพลงได้ถึง 40 เพลง เป็นต้น คำถามสำหรับนักวิชาการ คือ ทำอย่างไรที่จะสร้างผลงานที่เป็น Convergence Product ออกมาบ้าง เพื่อจะทำให้บัณฑิตที่จบออกไปนั้นมีคุณภาพที่ตอบสนองการทำงานที่ทั้งประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไม่มีความเห็น