แต่เดิมชุมชนชนบททางใต้ มีวิถีชีวิตอยู่กับการทำการเกษตรพึ่งตนเอง อาทิ สวนดูซง ตามภาษาชาวมุสลิม หรือสวนสมรม ตามภาษาคนใต้ (สวนผสมผสาน) และการเก็บหาอาหาร พืชผักพื้นบ้าน สมุนไพรจากพรุ หรือที่ชาวมุสลิมเรียกว่า “บาโระ” แต่ 30 ปี ที่ผ่านมา วิถีชีวิตของชุมชนได้ประสบกระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านการเกษตรสมัยใหม่ กระแสบริโภคนิยม ยึดถือวัตถุนิยม จนทำให้ชุมชนอ่อนแอลง ทั้งทางด้านแหล่งอาหารตามธรรมชาติ สุขภาพอนามัยจากการใช้สารเคมี ระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม และชุมชน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ไม่มีความรู้ในภูมิปัญญา และวิถีชีวิตพื้นบ้านดั้งเดิมหลายปีที่ผ่านมาสาเหตุสำคัญที่ทำให้ สวนดูซง หรือ สวนสมรมล้มหายตายจากไปจากทางใต้ สาเหตุสำคัญเพราะการปลูกสร้างสวนยางพาราพันธุ์ดี สวนกาแฟ และ สวนปาล์มน้ำมัน โดยการเน้นการปลูกพืชเชิงเดี่ยว แล้วทำลายป่ายางพาราสมัยก่อนทิ้งไป แต่วันดีคืนดีการผลิตสินค้าเกษตรเชิงเดี่ยวมีข้อ จำกัด เป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญคล้ายๆ กัน ทำให้การใช้นโยบายของรัฐที่ผ่านมาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหรือคนจนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะผลของนโยบายมักจะตกแก่ผู้ทำธุรกิจทางการเกษตรและเกษตรกรผู้มีฐานะดีกว่า ดังนั้น การแก้ไขปัญหาต้องเน้นกระบวนการพัฒนาที่ก่อให้เกิดความมั่นคงและพึ่งตนเองได้แก่เกษตรกร ซึ่งต้องใช้วิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม ในรูปแบบการเกษตรที่มีความหลากหลาย รวมถึงการให้ประชาชนและชุมชนมีบทบาทในด้านการตลาดและอุตสาหกรรม ควบคู่กับการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีการผลิต การแปรรูป ปัจจัยการผลิต ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และการจัดตั้งตลาดกลางสินค้าเกษตรที่มีข้อมูลเชื่อมโยงเป็นระบบเครือข่ายฉะนั้นเพื่อไม่ให้ชุมชนเกษตรของทางอีสานซึ่งเป็นชุมชนที่คนสามารถอยู่ร่วมกับป่าได้แบบกลมกลืนผสมผสานกัน ต้องมามลายหายสิ้นภายหลังจากสวนยางพาราเข้ามา จึงมีแนวคิดในการอนุรักษ์พันธุ์พืชป่าให้คงไว้ และการสร้างความหลากหลาย เพื่อคงไว้ซึ่งความมั่นคงทางด้านอาหารในสวนยางพารา และเป็นการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ ควบคู่กับการผลิตพืชเชิงอุตสาหกรรมให้คงอยู่กับทางภาคอีสานต่อไป
ไม่มีความเห็น