ไทยในอีก 50 ปีและ 100 ปีข้างหน้า - คุณคิดอย่างไร


มีเรื่องหนึ่งที่ติดอยู่ในใจผมมาหลายปี คืออยากรู้ว่าคนอื่นมองไปข้างหน้าสัก 50 ปี หรือสัก 100 ปี ว่าอย่างไรบ้าง

ดูเผิน ๆ เหมือนไกล แต่จริง ๆ แล้วก็เดี๋ยวเดียวครับ ป้าผมอายุ 80 ปีกว่าเล่าประสบการณ์เรื่อง time perception ให้ฟัง

  • เวลาน่ะ ผ่านไปเร็วหรอก...
  • มืด-แจ้ง-มืด-แจ้ง 
เรื่องแก่ตัวนี่ อย่าได้คิดว่าเป็นอื่นเป็นไกลเลยครับ

ด้วยความที่สายตายาว  ผมต้องใช้แวนและเพ่งหน้าจอเครื่องที่ไม่คุ้น..ชิน อย่างยากลำบาก นักศึกษาหัวเราะคิกขุ-คิกขุ ว่าอาจารย์แก่ซะแล้ว ผมก็จะบอกเขาไปว่า คุณ ๆ อย่าได้หัวเราะไป ชีวิตคุณเองมีสองทางเลือกเท่านั้นแหละ คือ หนึ่ง วันหนึ่งคุณจะแก่เท่าผมตอนนี้ หรือ สอง คุณไม่มีโอกาสแก่เท่าผมในตอนนี้

ไม่ได้แช่งครับ ..เล่าข้อเท็จจริง..ให้สะดุ้งใจเล่น

ต่อให้ผมเองอยู่ไม่ถึง แต่ก็ยังอยากรู้อยู่ดีละครับ ว่าเอ๊..คนอื่นเขามองว่ายังไงกันมั่งน๊า

ผมไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องนี้ พราะไม่มีลูก เล่าให้ผมฟังได้ครับ 

ลองเล่าดูนะครับ อยากฟัง

ถ้าเขิน ก็ไม่ต้อง login ก็ได้ครับ

เชิญครับ... 

 

คำสำคัญ (Tags): #การพยากรณ์
หมายเลขบันทึก: 91513เขียนเมื่อ 20 เมษายน 2007 20:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 20:52 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

อีกห้าสิบปีข้างหน้า ผมคงจากโลกนี้ไปแล้วและคงไม่มีภาระใดๆ ที่ต้องเป็นห่วง ดังนั้นคงพูดได้ว่าไม่มีส่วนได้เสีย จึงขอเดามั่วเพื่อความมันอย่างนี้ครับ (ขออาจารย์อย่าถือสา)...

ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศรุนแรงมาก โลกร้อนขึ้น จนเมืองไทยอยู่อาศัยไม่ได้ ผมจะคิดอย่างไรก็คงไม่สำคัญแล้วครับ (บันทึกเก่า: ปัญหาโลกร้อน ร้ายแรง+รุนแรงกว่าที่คิด)

แต่หากสภาวะอากาศไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เมืองไทยก็ยังมีปัญหาใหญ่อีกหลายเรื่องที่ต้องเผชิญครับ

  • ปัญหาประชากร จะเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ การจัดสวัสดิการสังคม จะเป็นเรื่องเหลือวิสัยของรัฐ
  • กำลังหลักของสังคมในอีกห้าสิบปีข้างหน้าคือ New Silent Generation (เกิด 1990-2000s)
    • สถานการณ์ปัจจุบัน ที่ Baby Boomer เชื่อว่าตนมีประสบการณ์สูง จึงกระทำการด้วย "ความปรารถนาดี" เพื่อรักษาสิ่งที่เชื่อว่าดีงามเอาไว้ โดยไม่ไว้ใจ Generation X ทำให้ Generation X ขาดประสบการณ์ในการจัดการปัญหาที่ซับซ้อน
    • ปัญหา generation gap นี้รุนแรงในช่วงรอยต่อระหว่าง Baby Boomer กับ Generation X แต่จะบรรเทาลงในรอยต่อของรุ่นถัดๆ ไป เนื่องจาก Baby Boomer มีอัตราการเกิดสูงกว่าในรุ่นหลังๆ จึงเกษียณอายุพร้อมๆ กันเป็นจำนวนมาก -- แต่ด้วยความไม่ไว้วางใจกันนี้ ได้สร้างรอยร้าวในสังคม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกนาน กว่าจะสมานได้ (หากว่าสามารถสมานรอยร้าว-แบ่งฝักแบ่งฝ่ายได้จริง)
  • ก่อนหน้านั้น คนรุ่น Generation Y (เกิด 1970-1990) เป็นกลุ่มคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ค่อยฟังใคร มีโลกของตนเอง มีความต้องการของตนเองเป็นใหญ่ โตมากับเพื่อน โทรทัศน์ และวิดีโอเกมส์; คนใน Generation Y เป็นผลผลิตของคนรุ่นปลายยุค Baby Boomer และ Generation X ซึ่งทำงานหนัก แต่กลับให้ความสำคัญกับครอบครัวน้อยกว่า "ความมั่งคั่ง" คุณภาพของเด็ก ความคิดความอ่าน พัฒนาไปได้แค่คุณภาพของพี่เลี้ยง และรายการทีวี ซึ่งน่าเป็นห่วงด้วยกันทั้งคู่
  • ตามบันทึก อนาคตประเทศไทย ของท่านคณบดีมาลินี (ตอน 1 ตอน 2 ตอน 3 ตอน 4) บางทีอนาคตของเมืองไทย อาจจะขึ้นกับการปรับตัวเข้าสู่สังคมแห่งมนุษยชาติ; เมื่อไม่กี่วันมานี้ มีตัวอย่างที่น่าตกใจในความไม่ใส่ใจในสังคมรอบข้างครับ วงร๊อคจากลาวเดินทางมากรุงเทพเพื่อโปรโมทวง และได้แวะเวียนไปตามสถานีวิทยุ เจอดีเจเข้า เขาก็ทักว่า "สบายดี" ดีเจ (Gen Y) ทำหน้างงๆ แล้วถามว่าแปลว่าอะไร! เรื่องพื้นฐานที่สุด ในวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับเราที่สุดอย่างคำทักทายนี้ กลับไม่เข้าใจ
คืนนี้ขอเพ้อเจ้อแค่นี้ก่อนครับ

ขอบคุณครับ คุณ

P
  • ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อหรอกครับ
  • ถือเป็นการเล่ามุมมอง ถ้ามีต่อก็เชิญนะครับ
  • ผมเองก็มองว่า เรื่องประชากรศาสตร์ เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ แต่เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ผมเห็นเสี้ยวเล็กมาก ๆ ยังไม่พร้อมออกความเห็นครับ
  • ท่านอื่นสนใจก็เชิญด้วยนะครับ...

 

 

  • โครงสร้างพลังงานจะเปลี่ยนแปลงอย่างมโหฬารครับ
    • ในตอนนั้น เชื้อเพลิงที่มีองค์ประกอบของคาร์บอนอาจหมดไปแล้ว หรือว่าสร้างมลภาวะเกินกว่าสังคมโลกจะรับได้
    • ความต้องการพลังงานจะสูงขึ้น ทั้งเนื่องจากปัญหาประชากร และ "งาน"
    • พลังงานหลักน่าจะเป็นไฟฟ้า โดยมีแหล่งกำเนิดเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
    • ช่องว่างทางสังคมจะยิ่งแตกต่างกัน ด้วยความสามารถในการเข้าถึงแหล่งพลังงานที่ไม่เท่ากัน

  • น้ำคือชีวิต ไม่มีน้ำ ไม่มีชีวิตครับ ตอนนี้เราได้พยายามขนาดไหนเพื่อลูกหลานรุ่นต่อๆ ไป
    น้ำคือชีวิต เพราะน้ำคือชีวิต
    ทั้งเกิดก่อและหล่อเลี้ยง ทำลายและเยียวยา

    รักน้ำรักชีวิต รู้น้ำรู้ชีวิต
    มองลำธารผ่านความคิด มองชีวิตอย่างพอเพียง

    ตราบใดที่ฟ้ายังมีเมฆ ตราบใดที่น้ำยังรินไหล
    ตราบใดผืนดินมีหมอกไอ ตราบนั้นชีวิตจะกลับมา

    พ่อจึงสอนเราให้ทำฝน เก็บกักน้ำไว้บนภูบนผา
    ชะลอน้ำไม่ให้ไหลบ่า ให้ดินชุ่มชื้นทั้งผืนป่า

    เมือแหล่งน้ำสมบูรณ์ก็เกื้อกูลป่า หลากชีวิตนานา จึงมารวมกัน

    เมื่อพายุมาพาลมฝน ตกหนักเสียจนน้ำท่วมเมือง
    ทะเลก็ขึ้นมาหนุนเนื่อง ชีวิตที่ครบจึงขาดหาย

    พ่อจึงสอนเราให้กั้นน้ำ ขุดบ่อให้มันมารวมไว้
    ต้องยอมเสียนาและเสียไร่ เพื่อจะรักษาบ้านเมืองไว้

    และเมื่อฝนร้างลงพ่อคงตั้งใจ เรามีน้ำเก็บไว้ ในยามแร้นแค้น

    น้ำคือชีวิต เพราะน้ำคือชีวิต
    ทั้งเกิดก่อและหล่อเลี้ยง ทำลายและเยียวยา

    รักน้ำรักชีวิต รู้น้ำรู้ชีวิต
    มองลำธารผ่านความคิด มองชีวิตอย่างพอเพียง

    หนึ่งคนใช้น้ำเพียงหนึ่งถัง หนึ่งถังน้ำดึกลายเป็นเน่า
    หมื่นแสนน้ำเสียรวมกันเข้า ชีวิตในน้ำจึงจากไป

    พ่อจึงสอนเราให้กรองน้ำ ก่อนปล่อยไหลลงทะเลใหญ่
    ให้ลมฟ้าฟื้นคืนน้ำใส ให้ต้นไม้ฟื้นคืนน้ำใหม่

    ป่าชายเลนสมบูรณ์และเพิ่มพูนได้ กุ้งปูหอยที่หาย หวนคืนดังเดิม

    จากฟ้าสู่เขา จากเขาสู่เมือง
    จากเมืองสู่เมือง และจากเมืองสู่ทะเล

    พ่อเฝ้ามอง พ่อเฝ้าทำ
    ให้ทุกหยดน้ำ เป็นทุกหยาดของชีวิต

    หากมองเห็นฟ้ายังมีเมฆ นั่นคืนผืนดินไม่สิ้นหวัง
    หากมองเห็นน้ำยังไหลหลั่ง อีกครั้งชีวิตจะสืบสาน

    พ่อจึงสอนเราให้มองน้ำ และลองย้อนมองถึงคืนวัน
    ตักตวงผู้เดียวหรือแบ่งปัน ทำลายต้นน้ำหรือป้องกัน

    หลากชีวิตสมบูรณ์ต้องเกื้อกูลกัน คนกับน้ำผูกพัน รวมเป็นหนึ่งเดียว

    น้ำคือชีวิต เพราะน้ำคือชีวิต
    ทั้งเกิดก่อและหล่อเลี้ยง ทำลายและเยียวยา

    รักน้ำรักชีวิต รู้น้ำรู้ชีวิต
    มองลำธารผ่านความคิด มองชีวิตอย่างพอเพียง

    มองลำธารผ่านความคิด มองชีวิตอย่างพอเพียง
  • อย่าเพิ่งไปหวังอะไรกับ Star Trek: Where No Man Has Gone Before ครับ เพราะ Star Trek เป็นเรื่องในศตวรรษที่ 23 ;-)

ขอขอบคุณอาจารย์ wwibul...

  • อีก 50-100 ปีข้างหน้า....
  1. เราอาจจะได้เห็นหิมาลัย (Everest) เหือดแห้ง ไม่มีหิมะ... หิมาลัยคงต้องอำลาอาลัยหิมะ (อาลัย - บาลี = ที่อยู่ ไม่ใช่โหยหา)
  2. เราอาจจะไม่มีปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ เพราะน้ำท่วมโลก... คงจะท่วมกรุงเทพฯ ก่อน (อยู่ต่ำกว่าเขาเพื่อน) ต่อไปคงจะท่วมลามไปเรื่อย
  3. แม่น้ำโขงคงจะแห้ง ตนเลสาบในเขมรคงจะแห้งเช่นเดียวกัน... บางทีน้ำเค็มอาจจะเข้าไปแทนที่แม่น้ำ หรือทะเลสาบ เช่น ตนเลสาบ ฯลฯ

ดีอย่าง...

  • ดีที่ผมคงจะไม่มีโอกาสอยู่ไปถึงวันนั้น
  • เพราะวันนี้หัวหงอกหมดแล้ว...

 

สวัสดีครับ คุณหมอ

P

และคุณ

P
  • น่าหนักใจนะครับ.. 
  • ในวิกฤติ จะมีโอกาสไหมครับ ?

สวัสดีครับ...

ผมว่าโลกอนาคต อาจจะเป็นโลกที่น่าอยู่ก็ได้ครับ เพราะไม่มีอะไรแน่นอน แต่วันนี้ดูเหมือนจะมีแต่ความน่ากลัว...จนไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว...

โอกาสก็น้อยๆๆๆ มาก สำหรับผมส่วนตัวคิดว่าไม่อยากจะอยู่ถึงอีก 50 ปีครับ ไม่อยากให้ใครต้องมาดูแล วันนี้เลยคิดว่า พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง ทำปัจจุบันให้ดีและวางแผนให้ดีเพื่อโลกที่น่าอยู่ในวันพรุ่งนี้ ส่วนตัวแล้วเห็นว่าปัญหาเรื่องคนนี่สำคัญ มุมมองหนึ่งคือการพยายามทำให้คนรุ่นใหม่รู้จักตัวตนของตัวเองมากๆ คือหน้าที่ของผมส่วนตัวที่พยายามทำ ทำได้สัก 100 ถึง 200 คน รอบๆ ตัว ผมก็ภูมิใจแล้วครับ...เพราะความรู้วันนี้มันมีมากมาย...มีสิ่งดึงดูดคนมากมาย

คิดว่าต้องติด Filter ให้คนน่าจะประเด็นหนึ่งที่อาจทำให้โลกวันพรุ่งนี้น่าอยู่ขึ้นได้ครับ

ตามบันทึก อนาคตประเทศไทย ของท่านคณบดีมาลินี (ตอน 1 ตอน 2 ตอน 3 ตอน 4) บางทีอนาคตของเมืองไทย อาจจะขึ้นกับการปรับตัวเข้าสู่สังคมแห่งมนุษยชาติ

                     ผมเชื่อว่าวิกฤตที่สุด จะนำมนุษย์ให้กลับมาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ดูหนัง The day after tomorrow   น่ะครับ

                     แต่ผมก็เชื่อว่ามนุษย์จะใช้ปัญญาเข้าพูดคุยกันเพื่อยับยั้งวิกฤตที่ว่า...ไว้ได้

                     อย่างไรก็ตามหากโลกได้รับผลกระทบจากระบบสุริยะจักรวาล  มนุษย์ก็คงไม่สามารถยับยั้งอะไรได้ 

                     แต่เมื่อถึงวันนั้น 50 ปีจากนี้ ผมอายุ 80 (หากยังทนสังขารอยู่ได้) ถึงโลกยังไม่วิกฤต ที่แน่ ๆ ชีวิตผมวิกฤตแน่

                     ผมจึงเพียรพยายามศึกษาธรรมให้มากพอที่จะรับการเปลี่ยนแปลง โดยหมั่นใคร่ครวญเรื่องการตาย  ก่อนที่จะตายจริง ( ท่านพุทธทาส )

ในวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอครับ แต่ต้องทำแตกต่างออกไป ขืนคิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม ผลก็คงไม่แตกต่างออกไปเท่าไหร่หรอกครับ

อยากรู้ว่า อีก 100 ปีข้างหน้า

มนุษย์โลกเราจะเป็นอย่างไร

อ่าค่ะ ???

สงสัยมานาน เระ

ก็คงจะมีแต่คนหล่อๆสวยๆกันหมด...คนขี้แหล่คงไม่มีแล้ว

555

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท