เล่าได้ละเอียดมากเลยค่ะ พี่หนิงอ่านแล้วได้ทบทวนและเพิ่มเติมความรู้เยอะเลยค่ะคุณปรีดา พี่หนิงเคยอุบัติเหตุต้องผ่าเข่า หมอห้ามลงน้ำหนักอยู่ 10 wks และทำกายภาพบำบัดทั้ง passive และactive ค่ะ
ขอบพระคุณนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
สวัสดีค่ะคุณปรีดา
ตามมาให้กำลังใจค่ะ ราณีก็เห็นความสำคัญของกายภาพบำบัดค่ะ เพราะในชีวิตต้องทำกายภาพบำบัด 2 ครั้ง
ครั้งแรก กล้ามเนื้อคออักเสบ ทานอาหารอะไรไม่ได้เลยอาเจียนออกหมด น้ำหนักลดไปห้ากิโล แทบตาย ไข้ขึ้นเป็นอาทิตย์เลยค่ะ ต้องทำกายภาพเกือบ สองอาทิตย์
ครั้งที่สอง กระดูกแขนแตก ก่อนรับปริญญา 1 เดือน กับอีก1 อาทิตย์ ต้องใส่เฝือก หนึ่งเดือน ทำกายภาพอีก 1 อาทิตย์ และรับปริญญาด้วยความทราน อิ อิ เล่าให้ฟ้ง คนเราต้องสู้ค่ะ และราณีก็รู้ว่าคนอย่างคุณต้องไม่ยอมแพ้แล้วค่ะ
ชื่นชมคนไข้แบบคุณปรีดาจังค่ะ ที่รู้จักรักษาสิทธิของตัวเอง นี่แหละที่จะมีส่วนช่วยให้โรงพยาบาลต้องปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และเรื่องราวเหล่านี้ควรได้รับการบอกเล่าจริงๆนะคะ เพราะนอกจากจะได้ช่วยยกระดับการเอาใจใส่ให้ถูกต้องเป็นธรรมแล้ว ยังทำให้คนอื่นระมัดระวังและรู้จักดูแลสิทธิตัวเองด้วย
ขอบคุณคุณปรีดาที่นำมาเล่าอีกครั้งค่ะ และเล่าได้ดีเยี่ยม เรียกว่าเป็นกลางได้อย่างน่านับถือจริงๆค่ะ
คือ หนูผ่าตัดตรงข้อเข่าแล้วตอนนี้คุณหมดก็บอกว่าให้หัดงอเข่าแต่ไม่ได้บอกวิธีอะไรเลย และหนูก็อย่างทราบวิธีการทำกายภาพบำบัดของคนที่เพิ่งผ่าตัดเข่าค่ะว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะรู้สึกว่าเส็นแอ็นที่เข่าหนูตึงมากเลยทำให้งอเข่าได้อยากมากเลยอยากทราบวิธีที่ถูกต้องค่ะ ใครทราบช่วยบอกหน่อยนะค่้ะ หนูอยากกลับมาเดินได้อย่างปกติค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะสำหรับคุณผู้ให้คำตอบ ขอบคุณค่ะ
พี่คับผมก็มีย่าที่เป็นอัทพาฒไม่นานมานี้
ผมอยากคุยกับพี่มาก เพราะอยากช่วยคุณย่า
ผมรู็ว่ามันทรมานมาก ไม่รู็จะทำไงดี ผมเป็นกำลังใจให้พี่
และหวังว่าคงจะได้คุยกันทางเมล์
ผมมีเรื่องมากมายอยากจะถาม เพราะย่าผมพูดไม่ได้
เป็นกำลังใจให้พี่เต็ฒที่ครับสู็ๆๆๆๆๆ
ครับ ยินดีครับ
ผมเปลี่ยนเบอร์มือถือเป็น 086-314-7866
และเบอร์บ้านเป็น 02-924-2726 ครับ
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
หนูเป็นนิสิตกายภาพบำบัดปีหนึ่งนะคะ รุสึกดีใจมากที่ได้อ่านบทความของคุณ
เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้หนูมีกำลังใจและภาคภูมิใจในอาชีพนี้ค่ะ
สู้ๆนะคะ
ได้อ่านบทความของคุณปรีดาแล้วนะค่ะ รู้สึกดีใจมากที่มีคนเห็นความสำคัญของการทำกายภาพบำบัด และคุณปรีดาเป็นคนที่เข็มแข็งมาก ดีแล้วค่ะเราต้องไม่ท้อ สู้ สู้ นะค่ะ ในฐานะนักกายภาพบำบัดคนหนึ่ง จะเป็นกำลังใจให้
ดิฉันเคยเห็นคนที่มีปัญหา ตั้งแต่ตำแหน่ง C5 - C6 แต่เดินได้มีแล้วนะค่ะ OK นะค่ะ
เป็นกำลังใจให้ ขอให้สู้ต่อไป
นักกายภาพบำบัดที่ดีเมื่อสัมผัสกับตัวเรา เราจะรู้ได้ว่าเขามี attitude ต่อเราดีขนาดไหน
เราเชื่อว่าส่วนใหญ่เมื่อเขาเลือกมาทำอาชีพนี้แล้ว ต้องมีความรักในงาน และค่วามตั้งใจดีต่อผู้ป่วยขนาดไหน
ขอให้หายไวๆๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ
มีน้องชายเป็น spinal cord injury C5-6 คะ ยิ่งต้องขยันเป็นพิเศษ ดูแลเรื่องโภชนาการให้ได้รับโปรตีนเพียงพอไม่ให้เป็นแผลกดทับได้ง่าย หมั่นให้ฝึกหายใจ ร่วมกับดูด Tri-Flow บ่อยๆ และให้มีประสิทธิภาพ ทำกายภาพบำบัดไม่ให้ขาด ฟอกและสวนปัสสาวะแบบ clean และต้องดูปริมาณน้ำเข้า(ดื่ม)-ออก(ฉี่) ส่วนเรื่องแผลกดทับเคยเป็นระดับสองอยู่สามวันคะ เลยขอพยาบาลเอาไฟฟ้ามาฉายแสงก่อนทำแผล จะทำให้แผลหายเร็วขึ้น ซึ่งได้ผลมากคะ สามวันก็ดีขึ้นเยอะเลย แล้วทำแผลต่ออีกสองวัน ก็ไม่ต้องทำแผลแล้ว แต่ตอนนั้นแผลเป็นแค่ Grade2 คือยาวประมาณ 1 นิ้วและถลอกมีเลือดออกคะ เป็นแผลนี่เครียดมากเพราะกลัวน้องกังวล หลังจากนั้นก็จะดูแลคือไม่ยอมให้ผิวเปียกชื้นคะ ฟอกเสร็จจะเป่าพัดลมให้แห้งๆ หน่อย แล้วก็นวดวาสลีนที่ก้นตลอด (3 เวลา)
ถ่ายตอนนี้ยังมีปัญหาต้องให้สวนให้ทุกวัน แต่วันนี้เป็นต้นไปจะให้ส้มโอทุกมื้ออาหาร พรุ่งนี้คิดว่าน่าจะ work
นอกจากนี้ C5-6 กระบังลมก็ไม่แข็งแรงด้วย ต้องหมั่นให้นั่งบ่อยๆ แต่นั่งสักพักเค้าก็จะหายใจไม่สะดวก
.... โรคอุบัติเหตุน่ากลัวจิงๆ