การทำ"บัญชีครัวเรือน" ของบ้านสามขานั้น เท่าที่ผู้วิจัยได้พูดคุยและอ่านจากเอกสารของบ้านสามขา ทำให้ได้ทราบว่า "บัญชีครัวเรือน" เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยทำให้ชาวบ้านได้รู้จักตัวเอง รู้ที่มา-ที่ไปของเงิน
จากการสำรวจภาวะหนี้สินในช่วงปี พ.ศ.2544-2547 พบว่า บ้านสามขามีหนี้สินประมาณ 18 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงมากและชาวบ้านไม่คาดคิดมาก่อนว่าหมู่บ้านจะมีหนี้สินมากถึงขนาดนี้
ต่อมาชาวบ้านสามขาได้ประชุมปรึกษาหารือกันและมีมติร่วมกันว่าทุกครัวเรือนจะต้องทำบัญชีครัวเรือนของตนเองทุกวัน โดยในบ้านสามขาจะมีแบ่งผู้รับผิดชอบในการเก็บรวบรวมข้อมูลบัญชีครัวเรือนออกเป็นกลุ่มๆ (จำไม่ได้ชัดเจนว่าเรียกเป็นหมวด , กลุ่ม หรือ.......) กลุ่มหนึ่งจะมีแกนนำดูแล 2-3 คน แกนนำจะคอยเก็บบัญชีที่แต่ละครัวเรือนทำไว้มาตรวจสอบว่าลงบัญชีครบหรือไม่ รวมทั้งรวบรวมข้อมูลรายรับ-รายจ่ายของหมู่บ้าน จากนั้นก็จะนำข้อมูลมารวมกันทั้งหมด และประกาศให้คนในหมู่บ้านทราบว่าขณะนี้สถานการณ์ของหมู่บ้านเป็นอย่างไร
สำหรับผลที่เกิดขึ้นจากการทำบัญชีครัวเรือนนั้น พบว่า
1. มีชาวบ้าน (จำนวนหนึ่ง) ที่สามารถวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาของตัวเองได้จากการทำบัญชีครัวเรือน ทำให้มีหนี้สินลดลง มีวินัยทางการเงิน และสามารถพัฒนาตัวเองให้ขึ้นมาเป็นแกนนำทางความคิดและการปฏิบัติของหมู่บ้านได้
2. มีชาวบ้าน (จำนวนหนึ่ง) ที่ทำบัญชีครัวเรือนบ้าง ไม่ทำบ้าง ซึ่งแกนนำก็พยายามที่จะกระตุ้นให้คนเหล่านี้ทำอย่างสมำเสมอ
3. มีชาวบ้าน (จำนวนหนึ่ง) ที่ไม่ทำเลย ซึ่งแกนนำก็พยายามที่จะชักชวนให้ชาวบ้านเหล่านั้นเข้าร่วมกิจกรรมนี้ พร้อมๆไปกับการวิเคราะห์สาเหตุของการที่ชาวบ้านไม่ทำบัญชีครัวเรือนหรือทำไม่สมำเสมอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านสามขาจะมีการทำบัญชีครัวเรือนสมำเสมอพอสมควร รวมทั้งพยายามวิเคราะห์หนี้สินของตัวเองเป็นระยะ แต่ก็พบว่าปัญหาเรื่องหนี้สินหากพิจารณาในด้านตัวเลขแล้ว บ้านสามขามีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นจาก 18 ล้านบาท เป็น 20 ล้านบาท ซึ่งคงต้องลงไปดูในรายละเอียดว่าหนี้สินที่เพิ่มขึ้นมามาจากหมวดใด คนแต่ละกลุ่มมีหนี้สินเพิ่มขึ้น-ลดลงอย่างไร ฯลฯ
สวัสดีค่ะคุณวิไลลักษณ์ เรื่องของชุมชนหมู่บ้านสามขาเคยได้ยินมาระยะหนึ่งแล้ว น่าประหลาดใจว่าเมื่อมีเครื่องมือ (บัญชีครัวเรือน) ทำไมเครื่องมือนี้จึงได้ผลไม่เหมือนกัน ในหมู่บ้านเดียวกัน แถมยอดหนี้ยังเพิ่มขึ้นมาอีก
บางทีนักพัฒนาที่เป็นคนนอกชุมชนอาจมีความเชื่อมั่นในเครื่องมือมาก ในตัวเลขที่วัดได้ จนสนใจคนและบริบทน้อยไปนิดหรือเปล่าคะ