ประสบการณ์การส่งจิตออกนอก.. เมื่อคำหยาบเลื้อยเข้าหู


ระหว่างที่เสียงมากระทบหู (รูป) หูเราก็รับเสียงเข้าสมอง สมองเปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นความเข้าใจ...เกิดอารมณ์ (นาม) ตอนนี้แหละค่ะ ดิฉันส่งจิตออกไปแล้ว ไปอยู่กับชายหนุ่มและเพื่อนเขานี้แหละค่ะ..

ขออนุญาตบอกกันก่อนว่า เรื่องที่เขียนนี้เป็นเรื่องจริงที่ประสบด้วยตนเอง ในเรื่องที่จะเล่ามีคำหยาบและตัวอย่างไม่ดีค่อนข้างมาก  ต้องขออภัยถ้าทำให้ผู้อ่านรู้สึกแย่ คิดเสียว่าเรามาเจริญสติไปด้วยกันก็แล้วกันนะคะ 

เมื่อตอนบ่าย ๔ โมงเย็นกว่าๆ ดิฉันออกไปซื้อของที่ห้างสะดวกซื้อแถวๆ บ้าน   เอ...  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเจริญสติล่ะนี่   ก็ระหว่างที่ขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อเข้าห้างที่ชั้น ๒ ดิฉันขึ้นมาไล่เลี่ย ก่อนชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งตามมาติดๆ ดูแล้วอายุประมาณ ๒๐ นิดๆ กำลังคุยกับเพื่อนผ่านมือถือด้วยน้ำเสียงที่เป็นสุข รื่นเริง และดังชนิดที่ว่าดิฉันได้ยินสิ่งที่หนุ่มคนนี้พูดทุกประโยค ระหว่างที่ขึ้นบันไดเลื่อนไปพร้อมๆ กัน .... 

ชายหนุ่ม:   เฮ้ย...มึง กูเพิ่งติดเน็ทเว้ย... ๑ เม็ก วันหยุดกูไม่ได้ทำห่..อะไรเลย เล่นเน็ทมันส์ ฉิ..ห.. โปรเจคก็ไม่ได้ทำ หนังสือก็ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ทำเหี้.. อะไรเลย นอนแม่.. ทั้งวัน ๒๔ ชั่วโมง

เพื่อนชายหนุ่มในโทรศัพท์: ..................

ชายหนุ่ม: ก็จริงสิวะ..... ไม่ได้ทำห่.. อะไรเลย

เพื่อนชายหนุ่มในโทรศัพท์: ..................

ชายหนุ่ม: ไอ้ห่... เรียนโทเหรอ... มึงก็ไปที่ ยูเค (หมายถึงอังกฤษ) สิวะ เรียนแค่ปีเดียว แล้วบอกแม่มึงว่าเรียน ๒ ปีสิ จะได้อยู่เล่นๆ ปีนึง......

ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่เกิน ๑๐-๑๕ วินาที ถึงตรงนี้ก็ถึงชั้น ๒ พอดี ดิฉันก็เดินแยกออกมา ชายหนุ่มก็เดินแยกไปอีกทาง...

หลังจากนั้น ดิฉันก็ได้ idea คิดว่าน่าจะเอาเรื่องนี้เขียนบันทึกเรื่องการส่งจิตออกนอก แต่คราวนี้ไม่ได้ส่งไปในอดีต หรืออนาคต ตามที่เคยเขียนไว้ในบันทึกเก่า แต่ส่งจิตออกนอกอยู่กับปัจจุบันขณะที่กำลังได้ยินการสนทนาของชายหนุ่มคนนี้แหละค่ะ

ระหว่างที่เสียงมากระทบหู (รูป) หูเราก็รับเสียงเข้าสมอง สมองเปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นความเข้าใจ...เกิดอารมณ์ (นาม)   ตอนนี้แหละค่ะ ดิฉันส่งจิตออกไปแล้ว ไปอยู่กับชายหนุ่มและเพื่อนเขานี้แหละค่ะ

ดิฉันก็ไวพอควรค่ะ เกิดความรำคาญและทุกข์ใจแป็บเดียว เพราะจิตถูกรบกวนด้วยเสียงและเนื้อหาการสนทนา

แล้วสติก็คืนมา ได้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายหนุ่มคนนั้น เพราะระหว่างที่เขากำลังคุยกับเพื่อนนั้น นอกจากชายหนุ่มจะเสียงดัง น้ำเสียงยังแสดงอาการรื่นเริง มีความภาคภูมิใจกับสิ่งที่ตนกระทำและเล่าให้เพื่อนฟังเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากแยกออกมาแล้ว ก็สอบอารมณ์ตัวเองค่ะ ว่ารู้สึกอย่างไร ก็พบว่ามีกระทบบ้าง แต่ไม่มาก เพราะคำหยาบเลื้อยเข้าหูเยอะมาก แถมไม่ชอบและไม่สนับสนุนพฤติกรรมทุกประการที่ชายหนุ่มแสดง

แต่อกุศลจิตไม่เกิดเลย .... ดีจริงๆ  แต่กลับคิดเอาเรื่องนี้มาเล่า เป็นตัวอย่าง เอาไว้ให้คนที่สนใจฝึกเจริญสติ ว่าการส่งจิตออกนอกนั้น ไม่ได้มีเฉพาะส่งไปในอดีตหรืออนาคต แต่ส่งออกในขณะนั้นนั่นแหละ

อีกตัวอย่างนะคะ (อันนี้เรื่องสมมติค่ะ)

สมมติว่าท่านเห็นซองสีน้ำตาลใบหนึ่งตกอยู่ เป็นซองที่ดูแล้วมีเอกสารใส่อยู่ข้างใน ท่านเก็บขึ้นเปิดดู แล้วพบว่ามีเงินมัดปึกละแสนอยู่ ๓-๔ ปึกด้วยกัน ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ และท่านมาคนเดียว ....

อ่านแล้วเห็นกิเลส เห็นโลภะ เกิดขึ้นในใจบ้างไหมคะ .....  นี่แหละค่ะ ส่งจิตออกในตอนนั้นไปที่เงินแล้ว   ดิฉันยอมรับเลยค่ะ สำหรับตัวเอง ว่าจะต้องเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นในใจแน่นอน อย่างน้อยต้องมีสักแว๊บหนึ่งแน่นอนค่ะ   ดิฉันคิดออกเลยว่าหลังจากนั้นดิฉันก็จะเกิดความกังวลและรู้สึกเดือดร้อนทันที เพราะต้องไปหาที่คืน ต้องแจ้งตำรวจ ต้องให้ปากคำ เสียเวลา.... คนที่เขาทำหายเขาต้องมาตาม เขาต้องเสียดายและเป็นทุกข์   มาถึงตรงนี้ก็ส่งจิตออกนอกไปเรื่องที่ยังไม่เกิด (อนาคต) อีกแล้ว.....

อ่านบันทึกนี้แล้วเจริญสติโดยดูสิ่งที่เกิดขึ้นในจิตของท่านไว้ค่ะ หวังว่าดิฉันคงไม่ได้กระทำบาปทำให้คนเกิดทุกข์จากการอ่านนะคะ ; )

หมายเลขบันทึก: 90821เขียนเมื่อ 17 เมษายน 2007 20:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 พฤษภาคม 2012 16:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่าน


ความเห็น

อาจารย์ขา...

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ..

อ่านแล้วก็ได้ทดสอบสติตนเองดู. ดิฉันก้รู้สึกเช่นเดียวกันค่ะที่เด็กสมัยนี้พูดคำหยาบคายโดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเลย..และบางทีอาจจะคิดว่าเท่ซะด้วย...ไม่รู้ว่าอย่างนี้จะแก้ปัญหายังไงดี..

แต่สำหรับตัวเองก็มีเป้าหมายแล้วค่ะว่า..จะสอนเด็กป.1 ให้คิดถึงข้อเสียของการพูดคำหยาบ...ก็เริ่มซะตั้งแต่เล็กๆเลยก็น่าจะดีนะคะ..ได้ผลอย่างไรจะมาเล่าให้ฟังนะคะ..

ขอบคุณค่ะ..

สวัสดีค่ะครูอ้อย P สิริพร กุ่ยกระโทก

เกือบเหมือนค่ะ เพราะเน้น concept เรื่อง "ปัจจุบัน" เหมือนกัน แต่การเจริญสตินี้ไม่ได้บังคับหรือตั้งใจค่ะ เช่น ดิฉันไม่ได้ตั้งใจฟังชายหนุ่มคุยในกรณีนี้ แต่ดิฉันได้ยินอย่างช่วยไม่ได้ แล้วสติไม่อยู่กับตัว แต่ออกไปอยู่ที่การสนทนาของเขาค่ะ ประมาณนั้น...

หลังจากเห็นว่าจิตออกนอกไปอยู่กับการสนทนา (เห็นแล้ว รู้ตัว) สติมันแว๊บกลับมาที่ตัวทันทีเองค่ะ ความรู้สึกที่ไม่ชอบคำหยาบ คำสนทนา มันดับไปตรงนั้นค่ะ

ถ้าสงสัยถามได้อีกนะคะ เพราะไม่รู้ตัวเองอธิบายครบหรือชัดเจนหรือเปล่าน่ะค่ะ

  • สวัสดีครับท่านอาจารย์ที่เคารพ 
  • อ่านแล้วผมนึกถึงเหตุการณ์วันก่อน เกี่ยวกับคลิปใน youtube เลยครับ
  • เปิดดูปั๊บ ก็ปรับจิตทันทีครับ หรือปรับอะไรก็ไม่ทราบครับ แต่ทราบว่านิ่งมากครับ
  • เปิดบางอันเหมือนจะมีปัญหาแต่ก็คุมได้นิ่ง แปลกจริงๆ
  • คงเป็นเพราะไม่อยากให้กังวลใจไปหรือเปล่า แล้วพยายามมองหาทางออกที่ดี
  • ขอบคุณท่านอาจารย์มากๆ นะครับที่ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น

ชัดเจนค่ะอาจารย์   ครูอ้อยดีใจที่ได้สนทนาเรื่องที่กำลังสนใจ  จากผู้ที่รู้จริง  และกำลังจะรู้ใจด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ P คุณครูแอ๊ว

เรื่องแก้การพูดคำหยาบนี้ สงสัยจะยากค่ะ ดิฉันว่าบางทีมันเป็นเรื่องฮอร์โมนล้วนๆ  เด็ก (ชายหนุ่ม) ฝรั่งก็พูดเลวร้ายพอกันค่ะ "fu..." and "sh.." ล้วนๆ เหมือนกันค่ะ ถ้าเขาสนทนาอยู่กับเพื่อน 

ที่ดิฉันรู้สึกไม่ชอบใจในตอนนั้น นอกจากคำหยาบ ก็คือเรื่องการแนะนำให้โกหกแม่ และทัศนคติของการใช้เงิน (ที่ตัวเองยังไม่เคยหา) ค่ะ... อันนี้น่ากลัวค่ะ

ดีใจที่พบคุณครูที่จะมาร่วมด้วยช่วยกันในสังคมไทยอีกท่านค่ะ ขอบคุณที่เข้ามา ลปรร แล้วอย่าลืมเล่าผลให้ฟังนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณ P เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ ---------> http://www.somporn.net ---------> http://www.schuai.net

  • ใช่เลยค่ะคุณเม้ง นั่นแหละค่ะ มีสติแล้วค่ะ
  • แต่ไม่ต้องไปบังคับตัวเองนะคะ ถ้ารู้สึกอะไรก็ดูตาม ให้รู้ตามว่ากำลังรู้สึก และหาเหตุปัจจัยที่ทำให้รู้สึก
  • การคิดถึงสาเหตุ และทำความเข้าใจกับสาเหตุ (ที่บางครั้งอยู่ในอำนาจของเราแก้ไขได้ หรือบางครั้งเกิดจากคนอื่น เราแก้ไม่ได้) สำหรับดิฉันทำให้ดีขึ้นค่ะ เหมือนที่ดิฉันทำความเข้าใจกับเรื่องที่ได้ยิน ว่าดิฉันแก้ไม่ได้ จะโกรธหรือเกลียดก็เท่านั้น เพราะความโกรธ ความเกลียดน่ะ มันอยู่ในใจเราเท่านั้น ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มารับรู้อะไรกับเราด้วย
  • ขอบคุณแวะเข้ามา ลปรร นะคะ ; ) มาเจริญสติเพื่อ "จิตประภัสสร" ของเรากันต่อไปค่ะ  (ขออนุญาต อ.พิชัย ยืมใช้คำว่า "จิตประภัสสร")

 P สิริพร กุ่ยกระโทก

ดีจัง... จะได้เป็นคนรู้ใจครูอ้อยด้วย ; )

สวัสดีค่ะอาจารย์

ดิฉันได้ยินเอง  ได้ฟังเด็กเล่าให้ฟังก็บ่อยค่ะ เกี่ยวกับเรื่องการหลอกพ่อแม่นี่ และการพูดหยาบทั้งหญิงและชาย ตามห้าง เคยได้ยิน

ฟังแรกๆ หงุดหงิดค่ะ แต่ก็ไม่ทราบจะแก้อย่างไร หวังว่า คนใกล้ชิดเราคงไม่เป็นแบบนี้ ทำอะไรไม่ได้ ต้องอุเบกขาค่ะ

สำคัญมากเลยครับเรื่องนี้

ผมคิดว่าเราจะพบเหตุการณ์แบบที่อาจารย์เล่าให้ฟังบ่อยๆ

การรู้เท่าทันอารมณ์ การดูจิต เป็นการฝึกฝน ช่วยมองในแง่ดี เป็นการเรียนรู้พัฒนาตัวเองยิ่งๆขึ้นไป

ทุกวันนี้ พอผมขับรถออกไปข้างนอก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ในขณะที่มองออกไปข้างนอกรถ และเหตุการณ์อื่นๆในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งสอนใจเราได้ทั้งนั้นเลย...

หยุดสักนิด ...คิดสักหน่อย พัฒนา-สร้าง กุศโลบาย  ทำให้นิ่งและอารมณ์เย็นไปมากเลยครับ

 

 

สวัสดีค่ะ คุณ P sasinanda

เห็นด้วยค่ะ ว่าสุดท้ายต้องวางอุเบกขาค่ะ พรหมวิหาร ๔ เป็นเรื่องที่สำคัญ ดิฉันสอนนักศึกษาต้องตระหนักเรื่องนี้เป็นสำคัญเลยค่ะ บางทีก็ลืม ทำให้ต้องเจริญสติเป็นประจำค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามา ลปรร นะคะ

สวัสดีค่ะคุณ P จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

อ่านจากที่คุณจตุพร เขียนไว้ ดิฉันคิดว่าคุณจตุพรมีความรู้เรื่องนี้ดีมากและเข้าใจสภาวธรรมแบบนี้ดีอยู่แล้ว

ถ้าทุกคนเจริญสติกันมากขึ้น แม้จะใช้เวลาเล็กน้อยเพียงใดระหว่างวัน ก็จะทำให้เราเย็นขึ้นได้ อย่างที่คุณจตุพรว่าไว้เลยค่ะ ; )

สวัสดีครับ

  • ช่วงนี้กำลังฝึกและมองอย่างที่อาจารย์กำลังเล่าบ่อยๆครับ 
  • วานนนี้ตอนเช้ามีเรื่องหนึ่งเหมือนกันครับ โชคดีที่ปัญญามาทันเราเลยได้เพียงรับรู้  และวาง(จริงๆก็มีปรุงแต่งเพิ่มเติมบ้าง  ตามความเคยชินเดิมๆ ของจิตครับ)
  • เมื่อเรากำหนดสิ่งที่รับรู้ บ่อยๆ  เราก็จะทันมากขึ้น  เคบได้ยินมาว่า  ความรู้(ปัญญา)มันจะเข้ามาแทนที่ความไม่รู้(อวิชชา)แบบอัตโนมัติ
  • ขอบคุณครับ

          ผมว่า ก็ อาจจะเป็น เกิดจากสังคมรอบๆ ตัวคนๆ นั้นมากกว่า เพราะว่า แต่ก่อน ผม ก็ เคยเหมือนกันครับ ตอนอยู่ ม.ต้น ม.ปลาย คือทางบ้านยากจน ก็ เลยไม่ได้ อยู่โรงเรียนดีๆ ก่ะเค้า เหอะๆๆ กลุ่ม คน ส่วนใหญ่ ก็ พูดคำหยาบ คายกันเยอะ ประมาณว่า ปากตลาด ตอนนั้น เราก็ ไม่ได้ คิดอะไรหรอกครับ แต่ พอเข้ามหาลัย อาจารย์ พูดคุณ ผม เพื่อนๆ ก็ เรา กับ เธอ คำหยาบ ก็ หดหายไป จน ติดคุณกับผม ล่ะครับตอนนี้ แต่ถ้า ด่ากัน ก็ ไม่มีสัตว์เลี้อย คลาน เพ่นพ่าน มีแต่ กระทบกระทั้ง กันเล็กน้อย เหอะๆๆ ดูเหมือนอันนี้จะเจ็บกว่า

          หลังๆ มาก็ ไม่ค่อย ชอบเรื่องคำหยาบเท่าไรนัก คิดว่า มันก็เป็น คำพูด ที่เราไม่อยากได้ เท่านั้นเอง ให้ผ่านมา ก็ ผ่านไป ไม่จดจ่อตาม ถ้า เรา คล้อย ตาม ก็เหมือนเรา เป็นทาส คำพวกนั้นไปทุกทีครับ 

สวัสดีค่ะ คุณหมอสุพัฒน์ P kmsabai

  • วันนี้ก็มี case เหมือนกัน แต่ไม่ใช่เรื่องคำหยาบ รู้เกือบไม่ทันเหมือนกัน แต่ดีที่ได้ฝึก เมื่อเช้าต้องตัดสินใจทำบางอย่างที่ไม่สบายใจ แต่ก็ต้องทำ แล้วก็วาง รู้สึกเหมือนตะกอนที่นอนอยู่ก้นแก้วถูกกวนลอยขึ้นมา กว่าจะลงก็ใช้เวลาพักหนึ่ง แต่ลงแล้วค่ะ
  • จริงที่คุณหมอว่าค่ะ ปัญญามันเกิด ดีใจจริงๆ  ; )
  • ขอบคุณที่แวะมาอ่านและให้ข้อคิดเห็นเสมอๆ นะคะ ได้ ลปรร กันดี

สวัสดีค่ะ คุณ P บู้บี้จัง

  • ยินดีต้อนรับค่ะ
  • การพูดคำหยาบไม่แปลกหรอกค่ะ ของอย่างนี้ดิฉันว่ามันมาตามวัย และตามเพื่อน
  • ที่สำคัญมากกว่าคำหยาบ การพูด ก็คือการกระทำ... คงไม่ดีนักถ้าเพื่อนชายหนุ่มคนนี้ไปโกหกแม่เพื่อไปเรียนเมืองนอก หรือ กระทำตัวเหมือนเพื่อน และเห็นการโกหกเพื่อความสุข หรือประโยชน์ของตนเป็นเรื่องปรกติ... อันนี้น่ากลัวกว่าค่ะ
  • ดิฉันเองก็คิดเหมือนกันค่ะ ว่าชายหนุ่มคนนี้ คงจะ "โม้" ให้เพื่อนฟัง ตามประสาเพื่อนมากกว่า คงไม่ได้เป็นคนที่เขาแสดงให้คนอื่นเห็นจริงๆ และอีกสักพักเขาคงจะเลิกพฤติกรรมที่ไม่ค่อยดีต่างๆ ตามที่คุณ  บู้บี้จัง ให้ข้อคิดไว้ คงเป็นไปตามวัยและสิ่งแวดล้อมจริงๆ
  • ประเด็นที่ดิฉันอยากจะสื่อคือเรื่องการเจริญสติ ไม่ให้ไหวไปตามเสียง ไม่ว่าเสียงนั้นจะมีความหมายว่าอย่างไรเท่านั้นค่ะ เพียงแต่เรื่องที่ยกตัวอย่างนี้ มันดูเป็นเรื่องคำหยาบเสียเยอะค่ะ
  • ขอบคุณที่แวะมาให้ข้อคิดเห็นและ ลปรร นะคะ

ชอบค่ะ  เคยเอาจิตไปจับการสนทนาของคนอื่นแล้วเป็นทุกข์เหมือนกัน  ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งดี ๆ นะคะ

 

สวัสดีค่ะคุณ P ทีน่า

  • ดีใจที่การเขียนบันทึกนี้เป็นประโยชน์ค่ะ
  • ขอบคุณที่แวะมาและเปลี่ยนเรียนรู้นะคะ

สวัสดีค่ะ อาจารย์

เดิมไม่เคยสนใจเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมค่ะ แต่เมื่อเข้ามาในวงการ KM เข้ามาใน G2K รวมถึงเข้าอบรมและฟังเกี่ยวกับการบริหาร การทำงาน รวมทั้งฟัง อ่านบันทึกหลายๆ ท่าน พบว่า หลายๆ ท่านสนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมกันมาก ก็เลยให้ความสนใจ กำลังศึกษา กำลังอ่าน ดู สังเกต ทดลอง คิดตาม ฝึกตามบ้าง ทีละเล็กละน้อยค่ะ...ก็พอจับประเด็นได้ค่ะ ท่านหนึ่งที่มีส่วนในการทำให้ดิฉันสนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมหลังจากที่ได้พูดคุยกับท่าน ... ดร.วรภัทร ภู่เจริญ หรือ ท่านไร้กรอบ ใน G2K แห่งนี้ค่ะ ท่านใช้คำว่า สอบอารมณ์ ดูจิต จิตตก คล้ายๆ กับที่อาจารย์ใช้เลยค่ะ 

สงสัยค่ะ...การส่งจิตออกนอกนี่ไม่ดีใช่มั้ยค่ะ...จิตต้องอยู่กับเรา ให้เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไร ... แล้วต่างกับมีสติอย่างไรค่ะ....

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ อ. P paew

ดีใจมากค่ะที่อาจารย์สนใจเรื่องการปฏิบัติธรรม ดิฉันปฏิบัติแล้วรู้สึกสงบ ชีวิตลดความยุ่งเหยิงทางจิตลงมาก ความเครียดลดลง เลยพยายามมาเล่าประสบการณ์ของตัวเอง ถูกบ้างผิดบ้าง ผ่านบันทึกนี้ค่ะ

ต้องขอออกตัวก่อนว่าที่ตอบไปอาจไม่ถูกต้องทั้งหมดนะคะ แต่ตอบตามความเข้าใจ จากประสบการณ์ที่ปฏิบัติมา แต่ว่าไม่ค่อยรู้บาลี/ปริยัติ และไม่ค่อยได้ไปวัดค่ะ ; )

  • คำว่า "ส่งจิตออกนอก" ดิฉันยืมใช้มาจากหลวงปู่ดูลย์ค่ะ ที่ท่านบอกว่า การส่งจิตออกนอกนั้นเป็นสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์ ดิฉันเคยบันทึกเรื่องนี้ไว้แล้วค่ะ อ่านได้ที่นี่
  • ดังนั้น การส่งจิตออกนอก นี้เป็นได้หลายอย่างหลายประเภทเลยค่ะ ให้นึกดูว่าทำอะไร รู้สึกอะไร หรือคิดอะไรก็ตาม ถ้าทำแล้ว รู้สึกแล้ว คิดแล้วเป็นทุกข์ นั่นแหละค่ะ "ส่งจิตออกนอก" ไปแล้ว เช่น
  • คิดถึงงาน กังวลเรื่องงาน ..... จิตไปอยู่กับงาน (สติไม่อยู่กับตัว) --> เป็นทุกข์ เป็นต้นค่ะ
  • หรือ มีคนมาต่อว่าเราแบบไม่มีเหตุผล สมมตินะคะ ว่าเกิดการเถียงทะเลาะกันใหญ่โต ขณะนั้นก็เกิดอารมณ์โกรธ ---> เป็นทุกข์ ในขณะที่เราโกรธ เราได้ส่งจิตออกนอกตัวเองไปแล้ว ไปอยู่กับคนที่เราทะเลาะด้วย ไปอยู่ในเหตุการณ์ ไปเป็นสิ่งที่เขาว่าเรา เขากล่าวหาเรา จิตไม่ได้อยู่กับเรา จึงไม่มีสติคิดว่าเราไม่ได้เป็นตามที่กล่าวหา ถ้ามีสติ เราจะรู้ว่าไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไร
  • ตัวอย่างหลังนี้ เราคงเคยเห็นมาเยอะแล้วว่าคนที่ขาดสติเนื่องจากโกรธเรื่องเล็กนิดเดียว เคยฆ่าคนตายมาเพราะความรู้สึกชั่ววูบที่ส่งจิตออกนอกไปเป็นโน่นเป็นนี่

ไม่รู้ว่าตอบคำถามอาจารย์ได้ครบไหม อาจารย์ลองอ่านบันทึกนี้ กับบันทึกนี้ดูนะคะ...

ถ้าสนใจสอบถามหรือให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ดิฉันยินดีเสมอนะคะ ขอบคุณที่เข้ามา ลปรร ค่ะ

อ้อ.. ใน G2K มีหลายคนทีเดียวค่ะ ที่ปฏิบัติอยู่ ดิฉันเลือกเป็น blogger หน้าใหม่ในดวงใจของดิฉันหมดเลยค่ะ  : )

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท