จากเชิงตะกอน.....สู่เมรุ


แต่ก็อย่างที่ทราบกัน.....ความเจริญทางวัตถุ....มักจะสวนทางกันเสมอกับความเจริญทางจิตใจ

         แหม....หัวข้อช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย  แต่นั่นคือสิ่งที่ผู้เขียนได้เห็น  ได้ระลึกถึงอีกครั้ง  เมื่อครั้งหลังสุดที่ไปทำบุญว่างที่ป่าช้า  ซึ่งเป็นงานบุญของหมู่บ้านเรา

       เมื่อนึกถึงเชิงตะกอน.....ผู้เขียนกลับนึกถึงภาพอดีตเก่าของสภาพหมู่บ้านชนบทเมื่อครั้งผู้เขียนยังเป็นเด็กๆ  และเคยไปร่วมงานเผาศพคุณย่า  คุณตา  คุณยาย 

      เชิงตะกอนที่ป่าช้า....แทนภาพแห่งหมู่บ้านชนบทที่มีความสงบสุข  ความร่มเย็น  ไร้ซึ่งมลพิษ  สิ่งยั่วยุ  ภัยอันตรายทั้งปวง  ผู้คนในหมู่บ้านอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์  เป็นญาติ  เป็นมิตร ไม่มีคนแปลกหน้าที่ทำตัวแปลกๆ  เด็กๆ เล่นกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางความรัก  ความอบอุ่น  ของพ่อแม่  ผู้ใหญ่ๆในหมู่บ้านที่ช่วยกันเลี้ยงดู  ดูแล  แม้จะมิใช่ลูกหลานตัวเองก็ตาม  แค่เพียงให้เด็กๆ ได้เติบโตขึ้นมาเพื่อเป็นพลเมืองดีของโลก  

     ......นั่นคือภาพในอดีต  ......และแล้ว.......เมื่อมีความเจริญเข้ามา  สี่แยกใหญ่ที่ตัดผ่านกลางหมู่บ้าน......เปลี่ยนแปลงภาพเก่าแห่งวันวานไปสิ้น

        เมรุที่วัด.......เข้ามาแทนที่ภาพแห่งอดีต  เปลี่ยนเป็นหมู่บ้านปัจจุบัน  ที่มีถนนหลายซอยเพิ่มมากขึ้น  เมื่อมีถนน.......ก็มีมอเตอร์ไซค์มากขึ้นตามมา  เกือบจะทวีคูณเสียด้วยซ้ำ  ทำหล่นบ้าง  ไม่ทำหล่นบ้างแต่มีเสียงแปร๋นๆ แสบแก้วหูเสียนี่กระไร  สิ่งที่เข้ามาพร้อมกันอีกอย่างหนึ่ง....ซึ่งเมื่อก่อนแทบจะหาน้อยมาก  นั่นคือ  ยาเสพติด  แทบช็อค!  เมื่อเห็นเด็กตัวกะเปี๊ยก น่าจะอยู่ราวๆ ป.3 -ป.4  ขับมอเตอร์ไซค์ผ่านในขณะที่ในมือคีบบุหรีตัวยาวสีขาวโพลนแต่ไกล  โอ๊ย! อกอีแป้นจะแตก....  "แล้วนี่พ่อแม่ไอ้ตัวเล็กนี่....เค้าจะรู้จะเห็นบ้างมั๊ยน้า" 

       ความจริงแล้วความเจริญมันก็น่าอภิรมย์อยู่หรอก  เพราะมันเอื้ออำนวยความสะดวกสบายมาให้เราอย่างมากมายก่ายกอง  ถ้าในทางตรงกันข้ามมันจะไม่นำพาซึ่งความวิปโยคแห่งสรรพสิ่งที่เป็นสิ่งยั่วยุ    อบายมุขต่างๆ  หรือแม้กระทั่งยาเสพติดตัวร้าย  ...ที่เข้ามาทำลาย  ทำร้าย...คนในหมู่บ้าน

      แต่ก็อย่างที่ทราบกัน.....ความเจริญทางวัตถุ....มักจะสวนทางกันเสมอกับความเจริญทางจิตใจ

      จะมีปาฏิหารย์ไหมหนอ.....ที่จะให้ความเจริญทางวัตถุเข้ามาในขณะที่ความเจริญทางจิตใจของคนก็ยังสูงอยู่.....เฉกเช่นวันวาร 

คำสำคัญ (Tags): #มาลีฮวนน่า
หมายเลขบันทึก: 90537เขียนเมื่อ 16 เมษายน 2007 01:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 เมษายน 2012 15:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะคุณ Lioness_ann

  • น้อยคนนักที่จะมองในจุดนี้  นอกจากคนที่เห็นจนชินชา  เหมือนกับเรา  ที่มองว่าการสอนนักเรียนนั้นสนุก เพราะเป็นงานของเรา.....แต่.....หลายๆคนมองว่า...เราไม่ได้ทำอะไร..เช่นกัน

ขอบคุณค่ะ

  • ไม่ทราบว่าพี่อแนก็เขียนเรื่องแบบนี้ได้ด้วย
  • เก่งจังเลยครับผม
  • ขอบคุณค่ะครูอ้อย  ถ้าครูอ้อยเห็นเหมือนอย่างที่ดิฉันเห็นล่ะก้อ....คงทนต่อไปไม่ไหวเหมือนกันแน่เลยค่ะ
  • จะว่าเหมือนเราไม่ทำอะไรเลยกับลูกศิษย์ก็ใช่ที่นะคะ  เพราะผลของการบ่มเพาะต้นกล้าเล็กๆ ของเรา  เจ้าต้นกล้าเหล่านั้นเค้าจะเห็นเองเมื่อเค้าโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะคิดเองได้  ตัดสินสิ่งที่ควร,ไม่ควรกระทำได้
  • อย่างเช่นที่ตอนนี้....เจ้าต้นกล้าที่กลายเป็นไม้ใหญ่เหล่านั้นเค้าแวะกลับมาทักทาย  เยี่ยมเยียนผู้ปลูก ผู้บ่มเพาะเค้า  ......เราก็เลย....ชื่นใจในงานที่ใครๆ มองเหมือนเราไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือคะ  เป็นกำลังใจให้ครูอ้อยเช่นกันค่ะ
  • น้องแอ๊ดครับ....พี่เห็นตำตาเลยครับ  มันคือเรื่องจริงและความเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวเข้ามาในชีวิตจริงๆ เลยครับน้อง....ประสบการณ์จริง....ในชีวิตน่ะค่ะ
  • เลยมันต้องพรั่งพรูออกมาให้คิดต่อน่ะค่ะ
  • ขอบคุณค้า....
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท