การใช้พลังงานในการวิ่ง-นักวิ่ง


Intervals, Tempo Runs หรือ Fartlek จะมีช่วงที่วิ่งเร็วมาก ( 85-90% ของชีพจรสูงสุด - Maximum Heart Rate ) ฝีกบ่่อยๆก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นและฝีเท้าดีขึ้น ชนกำแพง ( Hit the wall ) ศัพท์นักวิ่งหมายถึงการหมดสภาพ ไม่สามารถวิ่งต่อได้ เกิดจากการที่ร่างกายใช้ไกลโคเจนที่สะสมไว้ในร่างกายจนหมด ส่วนมากเป็นเพราะวิ่งเร็วเกินไป พบในนักวิ่งมาราธอน มักจะเจอกำแพงที่ระยะทาง 32-35 กม.

บทความนี้ตั้งใจจะพูดถึงสองเรื่อง  เรื่องแรกการฝึกความเร็วทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นและฝีเท้าดีขึ้นได้อย่างไร  เรื่องที่สองเป็นเรื่องชนกำแพง 

 

        เคยเล่าให้ฟังว่าการวิ่งไม่ควรวิ่งเหมือนกันทุกวัน  ใน 1 อาทิตย์ ให้พัก  วิ่งเร็ว  และวิ่งยาวอย่างละ 1 วัน  ในวันที่วิ่งเร็ว  ไม่ว่าจะเป็น Intervals, Tempo Runs หรือ Fartlek  จะมีช่วงที่วิ่งเร็วมาก ( 85-90% ของชีพจรสูงสุด - Maximum Heart Rate )  ร่างกายต้องใช้ออกซิเจนจำนวนมากเกินกว่าที่ร่างกายจะจัดหาได้ทันต่อความต้องการ  จึงต้องใช้ไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในร่างกายโดยไม่ใช้ออกซิเจน  - Lactic Acid System  ( Anaerobic )  ซึ่งจะเกิดของเสีย ( กรดแลกติค ) ขึ้นเป็นจำนวนมาก

 

        การฝึกแบบนี้จะทำให้การทำงานของปอดและหัวใจดีขึ้นสามารถจัดหาออกซิเจนมาใช้ได้มากขึ้น  รวมทั้งทำให้ร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อสามารถทำลายกรดแลกติคที่เกิดขึ้นได้รวดเร็วขึ้น  ทั้งยังทำให้ร่างกายทนต่อสภาพที่มีกรดแลกติคได้ดีขึ้น  ฝีกบ่่อยๆก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นและฝีเท้าดีขึ้น

 

        ชนกำแพง ( Hit the wall )  ศัพท์นักวิ่งหมายถึงการหมดสภาพ  ไม่สามารถวิ่งต่อได้  เกิดจากการที่ร่างกายใช้ไกลโคเจนที่สะสมไว้ในร่างกายจนหมด  ส่วนมากเป็นเพราะวิ่งเร็วเกินไป  พบในนักวิ่งมาราธอน  มักจะเจอกำแพงที่ระยะทาง 32-35 กม. ซึ่งนักวิ่งมาราธอนจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง  แต่นักวิ่งระยะฮาล์ฟมาราธอนก็อาจเจอได้เช่นกัน

 

        การที่จะวิ่งได้ไกลหรือนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความเร็วที่วิ่งด้วย  ถ้าวิ่งเร็วมากๆ  เกิน 85-90% ของชีพจรสูงสุด  ร่างกายก็จะใช้ไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในร่างกายโดยไม่ใช้ออกซิเจน  - Lactic Acid System  ( Anaerobic )  ซึ่งประสิทธิภาพต่ำและให้พลังงานค่อนข้างน้อย  จะทำให้ไกลโคเจนที่สะสมไว้ในร่างกายหมดเร็ว  การใช้ไกลโคเจนแบบใช้ออกซิเจน  มีประสิทธิภาพกว่าแบบไม่ใช้ออกซิเจน  - Lactic Acid System  ( Anaerobic )  ถึง 18 เท่า และของเสียน้อยกว่า

 

        ถ้าลดความเร็วลงอีก  ร่างกายก็จะใช้ออกซิเจน- O2 System ( Aerobic )   แต่ใช้พลังงานจาก 2 แหล่งคือจากไกลโคเจนและจากไขมัน  ถ้าความเร็วสูง ( 80% ของชีพจรสูงสุด ) ก็จะใช้ไกลโคเจนมาก  ใช้ไขมันน้อย ( ไกลโคเจน 75% ไขมัน 25% )   ถ้าลดความเร็วลงอีก ( 70% ของชีพจรสูงสุด )  ก็จะใช้ไขมันมาก  ใช้ไกลโคเจนน้อย ( ไกลโคเจน 25% ไขมัน 75% )  ดังนั้นถ้าควบคุมความเร็วไม่ดีก็จะทำให้ไกลโคเจนหมดก่อนที่จะวิ่งครบระยะ  อย่าลืมว่าไกลโคเจนในร่างกายมีเพียง 375 กรัม  ( นักวิ่งอาจมีถึง 450 กรัม )  ซึ่งสามารถใช้วิ่งเต็มที่ได้เพียง  1500-1800 แคลอรี  หรือได้ระยะทางเพียง 32-35 กม. เท่านั้น

 

        การใช้ไขมันเป็นพลังงานก็จำเป็นต้องใช้กลูโคสซึ่งได้มาจากไกลโคเจนในกระบวนการสังเคราะห์พลังงานด้วย  ดังนั้นถ้าไกลโคเจนหมด  ก็ไม่มีกลูโคส  ทำให้ไม่สามารถใช้ไขมันที่มีอยู่อีกมากมายเป็นพลังงานได้

         ในการวิ่งระยะไกล  ฮาล์ฟมาราธอนหรือมาราธอน  สภาพร่างกายของนักวิ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน  อยู่ที่การฝึกซ้อม  ถ้านักวิ่งประเมินความสามารถของตัวเองไม่ถูกต้อง  วิ่งช้าเกินไป  ก็อาจแพ้ในการแข่งขัน  ถ้าวิ่งเร็วเกินไป  ไกลโคเจนที่สะสมไว้ในร่างกายเกิดหมดขึ้นมาก็จะหมดสภาพ ( ชนกำแพง )    สู้นักวิ่งที่เพียงเข้าร่วมการแข่งขันให้ครบระยะทางตามความสามารถของตัวเอง   ไม่ได้มุ่งหวังที่จะชนะเลิศ  ไม่ต้องการถ้วยรางวัลหรือเงินรางวัล  นักวิ่งเหล่านี้ก็จะวิ่งสบายๆ  ไม่มีความกดดัน  ก็ไม่ค่อยจะชนกำแพงครับ      
หมายเลขบันทึก: 90176เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2007 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 17:48 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • ขอบคุณอาจารย์หมอค่ะที่ให้ความรู้ด้านศัพท์นักวิ่ง  เป็นความรู้ใหม่ค่ะ 
  • สงกรานต์อาจารย์หมอไปเที่ยวไหนมาคะ  
  • สงกรานต์อ้อกลับเชียงใหม่  แวะพักครึ่งทางที่พิษณุโลกค่ะ  ทั้งขาไป-ขากลับ ไม่ค่อยรู้จักโรงแรมไหนที่นี่ค่ะ  เลยพักที่โรงแรมรัตนาปาร์ค สถานที่ก็ใช้ได้ค่ะกับราคาค่าที่พัก แต่อาหารมื้อเช้าไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่  ไปประทับใจอาหารที่ร้าน(จำชื่อไม่ได้) ที่เขาทำผักบุ้งลอยฟ้านะคะ   อาหารอร่อยมากค่ะ  อ้อไปทาน 2 ครั้งเลยค่ะ   ไปเดินเที่ยวห้างท๊อปแลนด์  ผู้คนเล่นน้ำหน้าห้างสนุกสนานดีค่ะ 

สงกรานต์อยู่พิษณุโลกครับ  แล้วพาครอบครัวไประยองเพิ่งกลับมาครับ 

วันหลังคุณอ้อ - สุชานาถ มาพิษณุโลกบอกนะครับ  ก๊วนblogger พิษณุโลก (อ.ลูกหว้า   Ranee  lioness )รออยู่  ไม่ค่อยมีแขกมาให้ต้อนรับเลย เหงา

  • เสียดายจังเลยค่ะ  ไม่ได้มา F2F กับก๊วนพิษณุโลก  อ้อมาพักพิษณุโลกทั้งขาไป-ขากลับ นอนพักที่โรงแรมไม่ได้ไปไหนเลยค่ะ(ตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ด้วยค่ะ)
ขอแสดงความยินดีกับคุณ อ้อ - สุชานาถ  ด้วยนะครับ  ฝีมือสู้ 2 ดร. ได้เลย อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท