ความห่วงใยกับความต้องการชีวิตอิสระ


เมื่อคุณห่วงใยใครสักคน กลับทำให้ใครคนนั้นขาดอิสระแห่งชีวิต คุณจะต้องทำอย่างไร ถึงจะดีที่สุด

พอถึงวันสงกรานต์ วันที่ฉันต้องมานึกถึงคำถามที่ได้จั่วหัวไว้ เพราะนึกย้อนกลับไปเมื่อสงกรานต์ปีที่แล้ว มีการรวมญาติสังสรรค์กันในครอบครัว บรรยากาศตอนแรกเหมือนจะดี แต่เค้าของความยุ่งยากเกิดขึ้น เมื่อหลานชายวัย 16 ปี ขออนุญาตไปนั่งรถกระบะเล่นน้ำสงกรานต์ ส่วนใหญ่มักจะขับจากจังหวัดมหาสารคาม ไปเล่นที่งานดอกคุณเสียงแคน ที่จังหวัดขอนแก่น ระยะประมาณ 70 กม.

แม่ของหลานไม่อนุญาต ด้วยบอกว่า เค้ายังเด็กและอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากมาย "เป็นห่วงนะ" หลานถามเสียงเครียดว่า เมื่อไหร่เค้าจะโตพอ และเลิกเป็นห่วงสักที เค้าอยากจะมี "อิสระ" เท่านั้นหล่ะ บรรยากาศของการสังสรรค์เริ่มเสีย และแม่ของหลานก็ไม่สามารถตอบคำถามที่ลูกถามตนเองได้ ด้วยเพราะกลั้นสะอื้น และความที่ว่าไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร

ปีนี้สงกรานต์เวียนมาถึงอีกรอบ หลานของเราคงอยากจมีสีสันแห่งชีวิตวัยรุ่น แต่ไม่รู้ว่าเค้า "โต" พอที่จะได้รับการอนุญาตให้ไปทำในสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่ห่วงแสนห่วง เพียงเพราะไม่ต้องการกักขังอิสระของชีวิตของลูก แต่จะคุ้มหรือหากข่าวการสูญเสียนั้นมีชื่อลูกของตนเองอยู่ด้วย

เราเองเคยใช้ชีวิตที่มีสีสันมาเหมือนกัน สนุกสุดๆ ไม่ได้คิดอะไร เพราะเราเป็นลูกกำพร้า คิดเหมือนกันว่าจะจูนแนวความคิดที่ขัดแย้งกันนี้ให้ลงเอยด้วยดีได้อย่างไร

กับหลาน เราบอกว่า

-ดีแล้วที่มีคนเป็นห่วง หากพ่อแม่ตายไปก็จะไม่มีใครห่วงหา อิสระจะมาเอง แต่อย่าลืมนะว่าคนเราเกิดมาก็มีห่วง ตามหลักของพุทธศาสนา ความรักและความห่วงใยนี่แหละเป็นห่วงโดยแท้

-"เมื่อไหร่จะโต" ตอบไม่ได้ เพราะบางคนอายุจวนจะ 40 แล้วยังทำตัวเป้นเด็ก บางคนอายุ 18 ปี คิดอ่านและทำอะไรได้ดีกว่าคนอายุ 25 ก็ได้ ความแตกต่างนั้นเกิดขึ้น เพราะความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น หาก "หลาน" รับผิดชอบตัวเองได้ รู้หน้าที่ มีเหตุมีผล ว่าอะไรควร-ไม่ควร ความโตจะแสดงออกมาอย่างชัดเจน ไม่ใช่โตที่ตัว ไม่ใช่โตที่อายุ และไม่ใช่ที่มีเงินเดือนเป็นของตัวเอง

สำหรับพ่อแม่ เราบอกว่า ต้องคิดถึงตัวเองตอนเป็นเด็กให้มาก แม้ว่าปัจจุบันจะมีความเสี่ยงมากขึ้น แต่เด็ก วัยรุ่น ก็ยังเป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น อยู่วันยังค่ำ หากเราต้องการลูก เราควรเสียสละ และปรับตัวของเรา (ที่พ่อแม่ต้องรับบทหนัก เพราะพ่อแม่เป็นผู้ทำให้เค้าเกิดมานะสิ) เช่น

-ลงทุนให้เพื่อนๆ ลูกมาเล่นสาดน้ำหน้าบ้าน อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ตั้งแต่อุปกรณ์เล่นน้ำ อาหาร การกิน เสียงเพลงที่กระหึ่มจนพ่อ-แม่อย่างเรานอนไม่หลับ

-หากมีรถกระบะ เจียดเวลาพักผ่อนสักวัน พาลูก-เพื่อนๆ ของลูก ขับรถวนรอบเมืองสัก 10 รอบ ให้เค้าได้มีสีสันกับการสาดน้ำสักหน่อย ดีกว่าเค้าไปกับคนอื่นที่อาจเมา หรือไปซิ่งมอเตอร์ไซดืก็ได้

ดีนะที่เราไม่มีลูก แต่ก้ห่วงหลานไม่น้อยกว่า พ่อแม่เค้าเหมือนกัน

หมายเลขบันทึก: 90174เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2007 14:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:10 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
เมื่อเราเด็ก เราก็คิดว่าเราโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ แต่ลืมนึกไปว่าสิ่งแวงดล้อมอื่น เช่น เพื่อน คนขับรถทั้งคันของเราและคันอื่นๆเราควบคุมไม่ได้  เมื่อเราโตกลับมาคิดดูหากมีหลานโตเพียงพอที่เขาจะมีความอยากออกไปเล่นน้ำข้างนอก อาจจะต้องถามความพร้อมของการควบคุมตนเอง และความน่าไว้ใจของคณะที่จะไปด้วย ความรักและห่วงใยนี่เป็นเรื่องยากนะคะที่จะหาจุดลงตัวหรือความพอดี แต่หากคำอธิบายมาจากเหตุผลและความรักก็ไม่น่ายากที่เด็กๆจะเข้าใจ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท