จำกัด-กำจัด คอร์รัปชั่น อย่างไรดี?


หนทางของการหลุดพ้นวงจรอุบาทว์คอร์รัปชั่นและบ่วงแห่งกรรม

จำกัด-กำจัด คอร์รัปชั่น    สำหรับทุกวงการที่มีอำนาจและผลประโยชน์ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง   ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเมืองระดับประเทศ 

 

ต่อไปนี้เราพูดในระดับประเทศเป็นตัวแบบการวิเคราะห์

 

เรามาตั้งประเด็นที่ว่า :-

 

§         ทำไมเราจึงไม่สามารถหาคนที่ผิดมาลงโทษไม่ได้สักที?

§         และจะเอาใบเสร็จมาจากไหนดี?

§         เมื่อไม่สามารถมีหลักฐานเอาผิดได้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ?  หรืออย่างไร?

§         ทำไมพวกชั่วถึงได้ครองเมืองกันมากขึ้น (ไม่ได้หมายถึงนักการเมืองที่ดีน่ะครับ แต่หมายถึงนักการเมืองชั่ว และพวกเหลือบไร รวมไปถึงข้าราชการไม่ดีด้วย )  ผู้ที่ปฏิบัติดีถูกลอยแพ   ไม่ก้าวหน้าในหน้าที่

และนอกจากนี้  ยังจะคิดแปรรูปรัฐให้เป็นเอกชน      บอกได้เลยว่ายิ่งยุ่งยากไปกันใหญ่   เพราะปัญหาเดิมยังไม่มีปัญญาจะแก้ไข  ยังจะสรรหาปัญหาใหม่มาช่วยให้ยุ่งขึ้นไปอีก  เที่ยวอ้างว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่า  บริหารง่ายกว่า     (  มักง่าย!   มักง่ายตั้งแต่นักคิดแล้วล่ะ...  นักคิดคนนี้เป็นใคร? ..พวกที่กอดตำราฝรั่งไง..  ) และแฝงไปด้วยการคอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย   ผลประโยชน์ที่ตนเองอยากจะได้ อยากได้ตั้งแต่คอมมิชชั่นและการเป็นหุ้นส่วน    ปัญหาของเรื่องที่อ้างทั้งหมดก็แค่เพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดสรรงบประมาณก็เท่านั้น  สะดวกในการใช้เงินมากขึ้นกว่าเดิม  เพราะในตัวระบบไมได้เอื้ออำนวยให้สะดวกในการใช้เงินในการพัฒนา (..ข้ออ้างอีกข้อหนึ่ง)

§         เราจะแก้ไขตัวระบบอย่างไร? จึงจะไม่ให้เกิดความสับสนและซับซ้อน  มากเกินไป ปัญหาเดิมที่ต้องเร่งรีบแก้ไขคือ คอร์รัปชั่น  เพราะเป็นปัญหาหรือเนื้อร้ายที่คอยเกาะกินทั้งระบบและคนให้เลวร้ายมากขึ้น   โดยเฉพาะคน  ยิ่งมีช่องไหนว่างที่จะไหลลงสู่ที่ต่ำก็จะไหลตามกันไปเป็นขบวน  ปัญหาข้างต้นเป็นปัญหาที่ทับถมกันมานานมาก  ดูเหมือนจะไม่สามารถแก้ไขได้และจะยิ่งสับสนวุ่นวายมากขึ้นไม่รู้จะจับประเด็นอะไรมาแก้ไขปัญหา....       ให้ใจเย็นๆ.... ค่อยๆ แก้  แต่ต้องแก้ให้ตรงจุด   ....มันไม่มีอะไรมากไปกว่า คน กับ ระบบ นี่แหล่ะ   แก้ไขเรื่องคนต้องค่อยๆ แก้ไขกันไปเพราะต้องใช้เวลาในการกล่อมเกลา แต่จะกล่อมเกลาอย่างไรนั้นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ เรื่องคน  เรื่องจิตสำนึก  เรื่องจิตวิญญาณ  เรื่องจริยธรรม  มาวิเคราะห์หาสาเหตุกันดีกว่า     ( ที่กล่าวไม่ได้หมายความว่า  ท่านผู้ทรงความรู้ในสาขาอื่นๆ ไม่เข้าใจ    แต่ต้องเข้าใจว่า เราจะต้องใช้คนให้เป็น...ใครมีหน้าที่อะไร   ก็ต้องใช้คนเหล่านั่นให้เต็มที่   ให้เต็มตามศักยภาพของเขา  )  ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลงคน  ใครๆ ก็รู้  แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ตรงที่ยุทธวิธี  ดังนั้นผู้ปกครองควรปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ออกแบบมากกว่า 

                     จริง ๆ แล้วต้องถามเรากันก่อนว่าต้องการให้คนไทยมีลักษณะเป็นอย่างไร? (ให้เข้าใจถูกสมัยหน่อยก็จะเรียกว่า วิสัยทัศน์ )  วิสัยทัศน์ด้าน คน เรามีแล้วหรือยัง    ถ้าตอบว่าเป็นคนดีไง  (...มันกว้างไปหน่อย...ตอบแบบกำปั้นทุบดินอย่างนี้  ไม่คุยด้วยดอก!  แค่เริ่มต้นก็รวนกันแล้ว...)  เป็นหน้าที่ของทุกคนไปตกลงกันว่าคำว่าคนดี  ที่เพียงพอเป็นพื้นฐานของความดีขั้นสูงต่อไป? หรือ เพียงพอแก่การงาน?   เช่น....(ขอยกตัวอย่าง)   เพียงพอให้รู้จักคำว่า ให้  ให้ความสุขต่อกัน  ให้อภัยต่อกัน ให้ความปรารถนาดีต่อกัน  เป็นต้น     จากนั้นก็คิดต่อไปว่า เมื่อสังคมรู้จักการให้แล้วเกิดผลดีอย่างไร  แก้ไขปัญหาอะไรได้บ้าง?  จะมีผลอะไรในอนาคตอย่างไร?    และถ้าเป็นความดีแบบอื่นจะเป็นอย่างไร?   ความดีอะไรที่เหมาะสมกับคนไทยที่สุด?   ก็เลือกสักอย่าง สอง สาม อย่างก็พอและเพียงพอในการปฏิบัติในระยะเริ่มแรก  และต่อไปควรเป็นอย่างไร? ก็ค่อยว่ากันทีหลัง (...แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นจากความดีอะไรก่อนก็ได้เพราะความดีคือความดี  ไม่มีอย่างอื่น   ความดีมันมีสัมพันธ์แบบมีนัยต่อกันอยู่แล้ว   มันสำคัญตรงที่....เริ่มต้นเมื่อไหร่? ทำให้สม่ำเสมอและจริงจังกับมันเท่านั้น )

ยังมีต่ออยู่ครับ....อย่าเพิ่งเบื่อ  เรื่องของชาติทุกคนต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว   บทต่อไป จะวิจารณ์เรื่องของระบบ และ ตัวแบบการแก้ไข

หมายเลขบันทึก: 89957เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2007 13:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท