คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
1.Atrium futter
- มี P-wave เหมือนฟันเลื่อย 2 ตัวติดกัน
- QRS แคบ
- ระยะของ P - R interval เท่ากัน
2.Atrium fibulation
- P-wave ขยุกขยิกไม่ชัด/ Atrium พลิ้ว
- QRS แคบ ไม่สม่ำเสมอ
- P - R interval ไม่เท่ากัน
3.Juntional Contraction ( เกิดจาก Atrium ไม่เต้น/เต้นน้อยมาก )
- ไม่มี P-wave
- มี P-wave หัวกลับ
- QRS แคบ
- P - R interval เท่ากัน
ผลของ Atrium ผิดปกติ
- เลือดไหลลง Ventricle น้อย = เป็นลม เหงื่อออก ตัวเย็น
- เลือดค้างจากการที่ Atrium ไม่บีบตัว = Blood clot ถ้าหลุดไป Aorta ต้องเข้า OR ลาก clot อันตรายมากหากไปสมอง
Severe stenosis = 1 cms
Moderate stenosis = 1-2 cms
Mide stenosis = 2-3 cms
ปกติ = 4.5-5.5 cms
การที่ Atrium เต้น มี CO = 10-30 %
การทำ Cardio Version
- NPO เปิดเส้นให้ IV
- เตรียม Tube + กระดานรอง CPR
-ต้องไม่มี Clot = กลัว Clot ไปติดสมอง ต้อง Echo ให้แน่ใจว่ามี Clot
- กระตุ้นให้ Heart เต้นดีด้วย 50-100 J
* การผิดปกติของ Ventricle *
1 . Idio Venticular contraction
- Ventricle เต้นเอง
- ไม่มี P - wave
- QRS กว้าง 90 % ตัวเท่ากัน
- Rate ช้า
- ต้องจับ Pluse ก่อนอาจมี Pluse อาจ Turn เป็น No Pluse = ต้อง CPR / on pacing /No Pluse = ต้อง CPR
- จับ Pluse ได้คล้าย Pt ก่อนตาย / low CO Hypovolemic shock ต้องให้ Volum ก่อน
- จับ Pluse ไม่ได้ = PEA No pulse แต่มี E.K.G. = CPR No Defrib
2.Ventricular Trachycardia
- No P-wave
-QRS กว้าง
-Rate เร็ว > 120/min
-No PVC
- จับ Pulse ได้ต้อง Cardio Version
- จับ Pluse ไม่ได้ = Defib = Synconise = 50-100 J
3. Venticular Fibilation
-No P- wave
- QRS กว้าง
-ตัวไม่เท่ากัน ใหญ่บ้าง , เล็กบ้าง
- จับ Pluse ไม่ได้
-ต้อง Defib ทันที
.... Fine V.F ตัวละเอียด
....Very Fine V.F ตัวละเอียดมากๆ
....Cose V.F ตัวโตไม่เท่ากัน/ค่อยๆโต และค่อยๆเล็กสลับกันตลอด
การที่จะจำ EKG แต่ละตัวได้ สิ่งสำคัญ จะต้องเข้าใจกลไกการเกิดไฟฟ้าปกติ และการเกิดไฟฟ้าที่ผิดปกติ แล้วจะเข้าใจรูปได้ง่ายมากเอง เช่น junctional ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า SA node เป็น Primary pacemaker สามารถปล่อยไฟฟ้าออกมากระตุ้นการเต้นหัวใจได้ 80-100 ครั้งต่อนาที โดยการเต้นจะเริ่มจากหัวใจห้องบนเต้นก่อนและตามด้วยห้วใจห้องล่าง เมื่อหัวใจห้องบGนเต้น ก็จะเกิด Positive P wave (P wave หัวตั้ง) วันใดหรือเวลาใดก็ตามที่ SA node ทำหน้าที่ไม่ได้ดีเท่าเดิม หมายถึงปล่อยไฟฟ้าได้ลดลง AV node ซึ่งเป็น secondary pacemake จะทำหน้าที่กระตุ้นหัวใจให้เต้นเอง แต่การกระตุ้นนี้ เป็นได้ทั้ง 1)การเต้นที่ไม่ได้ย้อนกลับไปที่ หัวใจห้องบน(เพราะ AV node อยู่กลางระหว่างหัวใจห้องบนและล่าง) จะทำให้ไม่พบ P wave 2) การเต้นที่สามารถส่งไฟฟ้าย้อนไปกระตุ้นหัวใจห้องบนได้ ดังนั้น P wave จะหัวกลับ ได้ครับ
เป็นพยาบาลจบใหม่ค่ะเคยฝึกงานที่ ICU แต่ไม่เข้าใจเรื่องการแปลผล EKG อยากให้พี่ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ
ส่งข้อมูลการอ่าน EKG มาให้เพื่อนหน่อยจ้า มาอยู่บ้านนอกนานไม่ค่อยได้ใช้
พอดีผมมีอาการเจ็บและหายใจไม่เต็มปอด
เลยไปหาหมอและตรวจคลื่นหัวใจมาครับ
ผลคือ Q ผิดปกติ อยากทราบว่าอันตรายมากขนาดไหน เพราะตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่เจ็บมาก
และมีวิธีการปฐมพยาบาลตัวเองอย่างไรหากเกิดอะไรขึ้น
ผมอายุ 37 ปี ชาย นน. 98 สูง 170
ขอบคุณคับ
วันที่ 5 มีนาคม 2552 ผมมีอาการเส้นเลือดหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน เกิดอาการโคม่า ภรรยาได้เรียกรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ทำปเมื่อระกันสังคมอยูให้มารับตัวผมที่บ้าน เมื่อพาผมไปถึงร.พ. ทาง ร.พ.ก็ไม่สามารถรักษาผมได้เพราะไม่มีศูนย์หัวใจ ทางร.พ.บอกจะส่งผมต่อไปร.พ.ที่ทางโรงพยายาบาล มีสัญญากันอยู่ แต่เนื่องจากผมมีอาการโคม่า ภรรยาจึงตัดสินใจขอให้ทางโรงพยาบาลที่ทำประกันสังคมอยู่ ส่งไปทีโรงพยาบาลที่มีศูนย์หัวใจ แต่โรงพยาบาลนี้ไม่มีประกันสังคม ผมต้องทำบอลลูนเส้นเลือดหัวใจ 1เส้น ต่อมีอาการหัวใจวายอีก 5 ครั้งหลังทำบอลลูนเส้นเลือดหัวใจ ทำให้แพทย์ที่ทำการรักษาประเมินการรักษาว่าต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ แบบพิเศษ ชนิด3สาย ที่เรียกว่า cardiac resynchronization therapy defibrillator ( CRT-D )ซึ่งมีราคาเกือบ แปดแสนบาทต่อเครื่องอยากทราบรายละเอียดว่า CRT-Dทำงานต่างจากAICD อย่างไรครับ หมอบอกผมต้องใช้รุ่น3สายเพราะการบีบตัวของหัวใจห้องล่าง2ห้องไม่เท่ากัน ผมมีโอกาสหายจากอาการดังกล่าวในอนาคตหรือไม่ครับ ตอนนี้หัวใจห้องบนเต้นประมาณ100ครั้งต่อนาทีหัวใจห้องล่างเห็นบริษัทที่ขายเครื่องบอกว่าเพลสวันละประมาณ 3,000ครั้งสามารถแกไขได้หรือไม่อย่างไรครับ
ดีใจมากๆค่ะที่ได้เจอรุ่นพี่ วิทลัยฯเดียวกัน ...
*** น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับรูปภาพนะค่ะ *** จะช่วยให้เข้าใจมากขึ้น
ขอบคุณมากนะค่ะ..รุ่นพี่