เมื่อ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ผมในฐานะคณะทำงานโครงการวิจัยความร่วมมือ เพื่อแก้ปัญหาความยากจน การพัฒนาสังคมและสุขภาวะจังหวัดนครศรีธรรมราช คนหนึ่ง ได้เข้าร่วมร่วมรับฟังคำชี้แจงเครื่องมือที่ใช้ในโครงการตลอดทั้งวัน มีผู้เข้าร่วมประมาณ 70 คน จากนครศรีฯ สงขลา ตรัง สตูล และพัทลุง ที่ห้องประชุมศูนย์สาธารณสุขชุมชนจังหวัดนครศรีรรมราช
ผู้มาทำการชี้แจงเครื่องมือมาจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล คือ ศ.ดร.ปราโมทย์ ปราสาทกุล ดร.อุมาภรณ์ ภัทรวาณิชย์ คุณสุธิดา ชวนวัน คุณปัญญา ทองคุ่ย คุณปิยวัฒน์ เกตุวงศา และมาจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) 2 ท่าน คือ คุณเบญจมาศ ตีระมาศวณิช และคุณอังคณา ใจเลี้ยง
เครื่องมือที่ทำการชี้แจงวันนั้นคือแบบบันทึกรายรับรายจ่ายรายครัวเรือนและโปรแกรมสำเร็จรูปแบบบันทึกรายรับรายจ่ายรายครัวเรือน ซึ่งเครื่องมือนี้เชื่อว่าถ้าครัวเรือนทำอย่างจริงจังเป็นนิสัยแล้วจะเป็นพฤติกรรมต้นทางที่สำคัญสำหรับนำมาใช้ในการจัดทำแผนชุมชนพึ่งตนเอง
สำหรับครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการที่จะมาบันทึกรายรับการจ่ายของครัวเรือนตนเองจะต้องเต็มใจที่จะเข้าร่วมโครงการ ไม่บังคับกัน มาแล้วก็ต้องบันทึกรายการรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอทุกสัปดาห์ตลอดระยะเวลา 15 เดือน ของโครงการวิจัย(หรือตลอดไปหลังสิ้นสุดระยะเวลาของโครงการวิจัยแล้ว)
เมื่อครัวเรือนบันทึกเสร็จก็จะมีคน(ครู ข ประมาณว่าหัวหน้าคุ้ม หัวหน้ากลุ่มครัวเรือนกลุ่มย่อย) นำมาส่งให้ จนท.ระดับตำบล ซึ่งคือ อบต.เพื่อบันทึกและประมวลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูปดังกล่าว เมื่อประมวลผลเสร็จจากนั้นก็รายงานผลสถานะการรับจ่ายของครัวเรือนให้ครัวเรือนทราบ ผ่านทางครู ข ที่ว่า ซึ่งในการแจ้งผลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของครัวเรือนจะมีการใช้รหัสครัวเรือนแทนชื่อจริง จึงไม่มีใครทราบสถานะทางการเงินของใคร คล้ายๆกับออกใบสลิปเงินเดือนส่งให้ครัวเรือนทราบทุกๆ 3 เดือน ไม่เหมือนอย่างการจัดเก็บข้อมูลที่ผ่านๆมาที่ให้ข้อมูลแล้วก็ไม่ได้รับทราบอะไรต่อจากนั้นอีกเลย ทำให้ครัวเรือนได้มีกิจกรรมวิเคราะห์เปรียบเทียบเรียนรู้กันเองในครัวเรือน เปรียบเทียบสถานะทางการเงินของครัวเรือนตนเองกับค่าเฉลี่ยของหมู่บ้าน เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในระดับที่กว้างขึ้นๆ นำเสนอเปรียบเทียบเป็นกราฟชนิดต่างๆให้เข้าใจง่าย เพื่อให้ครัวเรือนได้นำข้อมูลนี้มาจัดแจงกับสถานะทางการเงินของครัวเรือนของตนซึ่งเป็นจุดประสงค์ที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงจากภายในครัวเรือนเอง ทันทีที่ จนท.อบต.บันทึกข้อมูลสถานะทางการเงินของครัวเรือนเสร็จก็จะคืนกลับแบบบันทึกรายรับรายจ่ายนี้ให้ครัวเรือนได้บันทึกต่อเนื่องต่อไป
ในสายตาของ สสส. แหล่งทุนที่สำคัญของโครงการวิจัยนี้เขามองว่าบันทึกรายรับรายจ่ายรายครัวเรือนนี้เสมือนเป็นการตรวจสุขภาพทางการเงินของครัวเรือน
ผมฟังคำชี้แจงแล้วเห็นว่าแบบบันทึกรายรับรายจ่ายครัวเรือนและโปรแกรมสำเร็จรูปนี้มีประโยชน์มากมาย เป็นเครื่องมือที่ดีมากๆ ใช้ง่าย
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และ สกว.หลังจากรับฟังความคิดเห็นที่ประชุมที่ให้ปรับแก้รายการในแบบบันทึก ที่ประสงค์ให้ลงรายการที่ละเอียดปลีกย่อยมากกว่านี้แล้ว ก็รับว่าจะไปปรับให้ตามนั้น ซึ่งอีก 15 วันหลังจากนี้ไปเมื่อปรับเสร็จก็จะได้จัดส่งมาให้คณะทำงาน เมื่อถึงตอนนั้นผมก็จะได้บันทึกให้ทราบต่อไป
ประชุมกันวันนั้นผมได้ศัพท์คำใหม่มาคำหนึ่งครับคือคำว่า ตรวจสุขภาพทางการเงินของครัวเรือน
ใครจะนำไปใช้บ้างก็ยินดีนะครับ
ผมใช้การทำงานแบบนี้วัดระดับ "ความพอเพียง" และพยายามจะนำผลและวิธีการสู่แผนและนโยบายระดับชาติครับ
ผมลองทำดูทั้งๆที่ไม่มีความรู้ แต่คนที่รู้เขาคงไม่กล้าทำมั้งครับ
ครูตุ๊กตา
พื้นฐานคนไทยไม่ชอบเขียนไม่ชอบจดไม่ชอบบันทึก....แถมให้อีกอย่างคือการอ่านก็ไม่ชอบอ่านด้วยครับ ผลการสำรวจบอกว่าคนไทยอ่านเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด เท่านั้น เศร้า.....เรา ครู กศน.ด้วยกันจะทำอะไรกันดีละครับ มาเริ่มที่ตัวครู กศน.กันดีไหมเอ่ย
ดร.แสวง ครับ
ชื่นชมวิธีการและความตั้งใจดีของอาจารย์ครับ
ทราบว่าสงกรานต์(วันว่าง)อาจารย์จะมาเยี่ยมบ้านที่พัทลุง....ไหว้พระธาตุเมืองนครศรีฯ อย่าลืมบอกผมด้วยนะครับ จะได้อยู่รอต้อนรับอาจารย์ตอนมาไว้พระธาตุ
น้องสิงห์ป่าสักครับ
พี่เองยังไม่ไปถึงไหนครับเรื่องบันทึกรายรับรายจ่าย ดีใจกับน้องด้วยจริงๆ