เช้าของวันนี้ (4 เมษายน 2550) ผมและคณะออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดไปร่วมการปฐมนิเทศนิสิตและชาวบ้านเนื่องในโครงการ "เรียนรู้คุณธรรม นำชีวิตพอเพียง" ณ ชุมชนบ้านเม็กดำ หมู่ 1 ต.เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม โดยไปถึงสถานที่นัดหมายเมื่อเวลาประมาณ 9 นาฬิกา
การปฐมนิเทศครั้งนี้ ชุมชนได้เลือกเอาศาลาวัดท่าชัยศรี ซึ่งถือเป็นวัดศูนย์รวมใจของชาวเม็กดำเป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรม
ภายในวัดมีลานดินที่โล่งเตียนและกว้างขวาง - ต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่หลายต้นตระหง่านยืนเป็นร่มเงาให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงความร่มเย็นและสุขสบาย
ผมมีเวลาอยู่พอสมควรในการเดินทอดเท้าและปล่อยวางให้หัวใจได้มีอิสระเที่ยวเล่นอยู่ในอาณาเขตวัด รู้สึกและสัมผัสได้ถึงความสุขสงบที่ห่มคลุมอยู่อย่างละมุนละไม กอปรกับเสียงอันใสของกระดิ่งที่แขวนอยู่รายรอบศาลาวัดก็ยิ่งย้ำให้เห็นถึงความเงียบสงบที่ยากยิ่งต่อการหาสถานที่ใดมาเทียบเคียงได้
ผมเพ่งมองชิงช้าเก่า ๆ ที่โหนตัวอยู่ตามร่มไม้อย่างไม่เงียบเหงา .. ผมจับต้องบาดาลโยกที่ถูกปลดระวางการใช้งานมาอย่างเนานาน ตระเวนอ่านคำคมธรรมะและปรัชญาสอนใจที่ติดตั้งไว้ตามต้นไม้ต่าง ๆ รวมถึงการขึ้นไปกราบสักการะพระพุทธรูปบนศาลาการเปรียญ ตลอดจนการเดินชมภาพวาดพุทธประวัติในตัวผนังของศาลา
โดยส่วนตัวผมประทับใจและดีใจที่เห็นกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นในบริเวณของวัด เพราะส่วนใหญ่มักคุ้นชินกับการไปจัดปฐมนิเทศกันที่โรงเรียนในชุมชน หรือไม่ก็ศาลาประชาคมของหมู่บ้าน !
วัด...เป็นสถานที่ที่ผู้คนในชุมชนผูกพันอย่างลึกซึ้ง ทั้งในวิถีการปกครองและวิถีวัฒนธรรม
ผมจำได้ไม่เคยลืมว่า ในอดีตคนที่หมู่บ้านมักประชุมการงานต่าง ๆ กันที่ศาลาวัด - แขกบ้านแขกเมืองมาเยี่ยมเยือนก็ยึดเอาศาลาวัดเป็นสถานที่ “ต้อนรับขับสู้” !
วัดมีบทบาทในวิถีการปกครองชุมชนผู้อย่างลึกซึ้ง พระสงฆ์เป็นเสมือนผู้ปกครองชุมชนที่มาในระบบของความศรัทธา มิใช่การแต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญ ต่อเมื่อสังคมวิวัฒน์สู่ความหลากหลายทางวัตถุ "ศาลาประชาคม" ก็ถูกสร้างขึ้นมารองรับวิถีการปกครอง และก้าวเข้ามามีบทบาทแทนที่ของศาลาวัดอย่างแนบเนียน
ผมเคยดูภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่า "วัด" คือศูนย์รวมแห่งชีวิตของผู้คน ทั้งในด้านวัฒนธรรมประเพณี การปกครอง หรือแม้แต่การศึกษาก็ล้วนก่อเกิดและผลิบานอยู่ในศาสนสถานเหล่านี้ทั้งสิ้น ทั้งที่เป็นการศึกษาในทางโลกและทางธรรมก็ล้วนแต่มีวัดเป็นศูนย์กลางของการบ่มเพาะและขับเคลื่อนกันทั้งนั้น
ภาพยนตร์เรื่อง "อำแดงเหมือนกับนายริด" คืออีกเรื่องที่ผมประทับใจและชื่นชอบเป็นพิเศษ . ผมยังจำภาพที่อำแดงเหมือนหญิงสาวชาวบ้านที่มักแอบเข้าไปเรียนหนังสืออยู่ในวัดร่วมกับพระสงฆ์ จนเกิดความรักต่อตัวพระริด และนำไปสู่วิกฤตชีวิตอย่างทุกข์ทรมาน ซึ่งกว่าจะสุขสมหวังในความรักก็ต้องใช้เวลาในการต่อสู้และอดทนอย่างแสนสาหัส
เธอ...อำแดงเหมือน คือหญิงไทยชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของผู้หญิงที่มีต่อความรัก .."รักที่จะเลือกรัก.. มิใช่จำนนต่อการคุลมถุงและต่อสู้เรียกร้องต่อวิถีกฎหมายไทยในยุคนั้นด้วยวาทกรรมอันสำคัญ คือ ผู้หญิงเป็นควาย ผู้ชายเป็นคน !"
และเธอนั่นแหละ คือ ผู้หญิงเก่ง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนเวทีชีวิตของผู้หญิงจากภายในครัวเรือนออกไปสู่เวทีทางสังคมอย่างอหังการ์ รวมถึงการเปลี่ยนวิถีความรักของหญิงไทยให้สามารถเลือกที่จะรักและเลือกที่จะแต่งงานด้วยตนเองสืบมาจนบัดนี้
นั่นเป็นแต่เพียงเสี้ยวความทรงจำเล็ก ๆ ที่ว่ายวนอยู่ในหัวสมองของผมที่ผ่านการซึมซับภาพของวัดในโลกของภาพยนตร์
แต่อย่างไรก็ตาม...การได้มาเยือนวัดท่าชัยศรีครั้งนี้ก็นำพาความอิ่มเอมใจมาเยือนตนเองอย่างมากมายมหาศาล ผมได้เห็นความเงียบสงบและความยิ่งใหญ่ของวัด - เห็นบทบาทของวัดที่มีต่อชุมชนอย่างชัดแจ้ง - เห็นชีวิตของคนต่างวัยที่สัญจรเข้าออกวัดด้วยจุดมุ่งหมายที่เหมือนและต่างกันอย่างน่าประทับใจ
ผมไม่มีเวลาในการเสาะถาม หรือค้นหาข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับวัดเท่าใดนัก แต่ทิ้งภาระการศึกษาเหล่านี้ให้กับอาจารย์ที่ปรึกษา นิสิต นักเรียนและชาวบ้านที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเรียนรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและดำเนินไปในสถานที่แห่งนี้
ไม่เพียงเท่านี้หรอก...ผมยังมีโอกาสเดินชมหอระฆังเล็ก ๆ เก่า ๆ .."กลองเพล" ที่ตั้งอยู่ในมุมแคบของวัด รวมถึงระฆังที่ทำขึ้นจากไม้ที่ดูเหมือนจะมีอายุเก่าแก่อยู่ไม่ใช่น้อย
สิ่งเหล่านี้....ผมคาดหวังอย่างเงียบ ๆ ว่านิสิตที่เข้าร่วมโครงการนี้จะเห็นคุณค่าและเรียนรู้เรื่องเหล่านี้อย่างไม่หลงลืม หรือแม้แต่มองข้ามไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์... ไม่ว่าวันเวลาและสังคมจะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยสักแค่ไหน ผมไม่เคยสิ้นศรัทธาที่มีต่อวัด
ผมยังศรัทธาอย่างแรงกล้าว่าวัดคือ "โรงเรียนดั้งเดิมของคนไทย" สอนทั้งหนังสือและชีวิต ...วัดคือศูนย์รวมการเรียนรู้ของชีวิตและเป็นศูนย์รวมแห่งการบ่มเพาะวิสัยทัศน์ให้คนเรา "มีชีวิตอยู่เพื่อประโยชน์สุขของมหาชน" (Living for the sake of the Whole)
พฤติกรรมของพระสงฆ์ก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะ
ที่ทำให้ความศรัทธาของคนเราน้อยลงต่อวัด
เดี๋ยวนี้คนจะคุ้นเคยกับคำว่า "วัด(ไหน)ดัง"
วัดที่ดังๆคนถึงจะไปเยอะค่ะ
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน
เวลาไปออกชุมชน..จะชื่นใจเสมอเมื่อเห็นคนไปวัด
" วัด "..วัด ( บอก )ระดับของมิติต่างๆในสังคมได้ตลอดมา
ขอบคุณที่พาชม " ความงาม " ทั้งภายนอกและภายในของวัดค่ะ
คุณพิชชา ครับ
ผมเชื่อว่าเหตุผลของการเช้าวัดของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดาและคงไม่มีถูกไม่มีผิด ... หรือแม้แต่เข้าวัดเฉพาะการทำบุญก็ถือเป็นวัฒนธรรมที่นิยมปฏิบัติกันดีอยู่แล้ว...
ขอให้มีความสุขกับการทำบุญเสมอไปนะครับ...
ขอบคุณมากครับ
วัดยังคงเป็นที่พึ่งและเป็นสาธารณะประโยชน์ของคนทุกเพศทุกวัย..แปลี่ยนแปลงไปบ้างตามยุคสมัย แต่เท่าที่ผมสังเกตวันท่าชัยศรีดูจะสงบเงียบและเป็น "พื้นที่คุณภาพ" ของชุมชนไม่น้อย โดยเพาะสำหรับเด็ก ๆ ที่สามารถเข้าไปวิ่งเล่นในลานดินและใต้ร่มไม้อยู่อย่างต่อเนื่อง
ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตนครับ
วัดดัง ๆ กลายเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ของผู้คนในสังคม สรัทธาของผู้คนปรากฏเป็นวัตถุอันอลังการในศาสนสถาน ซึ่งบางครั้งส่วนตัวผมมองว่าเกินความจำเป็นเลยด้วยซ้ำไป
ศรัทธาของผู้คนช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน....ผมรู้สึกเช่นนั้นและไม่วายสะท้านอยู่อย่างลึก ๆ
เจอตัวจริงบ้านพ่อครูบา...ตัวจริงหล่อเหลามาก...เดินทางกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพแล้วใช่ไหมครับ...
ยินดีมากที่ได้พานพบตัวจริง..เสียงจริง แตะต้องสัมผัสได้ทั้งกายและใจ....
สวัสดีครับคุณแผ่นดิน
วัด เป็นเครื่องวัดจิตใจคน
วัด เป็นที่รวมความเป็นคน
วัด เป็นที่ให้รู้ใจคน
วัด เป็นที่ดูความสามัคคีของคน
และ วัด ก็เป็นที่สุดท้ายของทุกๆคน
สวัสดีครับ..
ต้องขอภัยด้วยนะครับที่ตอบบันทึกล่าช้า - ผมไม่ได้เข้าเน็ตมา 3 วัน เนื่องจากเดินทางออกนอกพื้นที่ทั้งด้วยโลกส่วนจตัวและโลกแห่งการงาน....และขอบพระคุณอย่างมากสำหรับมิตรภาพอันดีผ่านถ้อยคำ...ผมรู้สึกดีและมีกำลังใจเป็นที่สุด ..และยิ่งดีใจเมื่อรู้ว่าบันทึกของตนเองเป็นส่วนหนึ่งของการผ่อนคลายชีวิตให้กับคนอื่น
ขอให้มีความสุขกับการใช้ชีวิต, เสมอไป - นะครับ
วันหยุด..ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างครับ...ผมไป อ.หนองกุงศรี, (กาฬสินธุ์) และไป อ.สตึก (บ้านพ่อครูบา จ.บุรีรัมย์) รวมถึงการไป อ.แกดำ จ.มหาสารคาม...ซึ่งยังไม่รวมถึงห้วงเวลาการกลับบ้านในช่วงสั้น ๆ ...
แต่ก็ถือว่าได้จัดการกับเวลาอันน้อยนิดได้อย่างมีความสุข...
.....
" วัด "..วัด ( บอก )ระดับของมิติต่างๆในสังคมได้ตลอดมา
ขอบคุณครับ...วาทกรรมนี้ สั้น ๆ แต่ทรงความหมายมาก...
สวัสดีครับ..
เรายังมีเวลาอีกมากมายที่จะไปวัดทั้งด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ กระนั้นถ้ามีเวลาก็อย่าลังเลเลยที่จะแวะเข้าไป
บางทีผมยังคิดว่าตอนนี้เดินทางบ่อยมาก น่าจะซื้อเครื่องสังคทานติดรถไว้ เผื่อจะได้แวะถวายในวัดที่เดินทางผ่าน...
ขอบคุณครับ...
วันนั้น..เอาคนของ อบต. และโรงเรียนมาไว้ที่วัด แต่สถานที่คงไม่สามารถยกมาไว้ได้..กระนั้นที่เม็กดำ โรงเรียนกับวัดมีความสนิทชิดเชื้อกันมากนะครับ วันนั้นนายอำเภอก็เป็นครั้งแรกที่มาเยือนวัดท่าชยศรี...
ผมเห็นด้วยกับแนวคิดที่อาจารย์สะท้อนไว้เป็นอย่างมาก....
ขอบคุณครับ
...ยังไงเสียในช่วงสงกรานต์นี้ผมก็คงมีวิถีชีวิตเข้าออกอยู่ในวัดไม่น้อยแหละครับ...โดยเฉพาะการไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับญาติผู้ล่วงลับ ..
ขอบคุณกับแนวคิดที่สะท้อนสัจธรรมที่สื่อให้เห็นสถานะและบทบาทของวัด ว่า
วัด เป็นเครื่องวัดจิตใจคน
วัด เป็นที่รวมความเป็นคน
วัด เป็นที่ให้รู้ใจคน
วัด เป็นที่ดูความสามัคคีของคน
และ วัด ก็เป็นที่สุดท้ายของทุกๆคน
ขอบคุณครับ