ถ้าพูดถึง... คำ “วิจารณ์” คำ ๆ นี้อาจทำให้ใครคนหนึ่งหรือหลาย ๆ คน หลงระเริง เพลิดเพลินไปกับคำยกย่อง ยินดี ที่ได้รับ... หรืออาจทำให้หลาย ๆ คน “หงุดหงิด” และ “สูญเสียกำลังใจ” ในการสร้างงานเป็นอย่างมาก...
คำวิจารณ์ที่ดี... จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คำ ๆ นั้นเกิดจากการวิพากษ์วิจารณ์ด้วยการใช้ “วิจารณญาณ” ที่ครุ่นคิดมาแล้วเป็นอย่างดี เพราะว่าความหมายของคำ ๆ นี้นั้นหมายถึง การใช้ปัญญาในการพินิจพิเคราะห์อย่างมีเหตุและผล ไม่มีการใช้อารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง และคนที่จะเป็นผู้วิจารณ์หรือใช้วิจารณญาณได้เป็นอย่างดีนั้น อย่างน้อยที่สุด ผู้นั้นต้องมี “ความรู้” หรือ “องค์ความรู้” ในเรื่องที่ตนทำการวิจารณ์มากพอสมควร หรือจะให้ดีก็ต้องเป็นผู้ที่โดดเด่นในวงการนั้น ๆ
ถ้าวันหนึ่ง... มีชาวนาออกมาวิจารณ์ หรือยกย่องว่างานของคุณนั้นดี นั้นเยี่ยมยอด คุณก็ไม่ควรที่จะดีใจจนหลงระเริงกับคำพูดนั้น ๆ และในทางกลับกันคุณก็อย่าริอาจไปวิจารณ์การทำมาหากินของเขาด้วยเช่นกัน เพราะเราไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ เราจะไปวิจารณ์เขาได้อย่างไร...
เพราะคำเหล่านั้น... เป็นแค่ความคิดเห็นพื้นฐานทางด้านอารมณ์แทบทั้งสิ้น มันไม่มีมาตรฐานอะไรเลย ไม่มี “พลัง” ที่วางอยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ ถ้ามัวแต่ไปเพลิดเพลินกับคำพวกนี้ คุณจะไม่รู้จัก “ศักยภาพ” ที่แท้จริงของตนเองเลย...
ผมเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ของอาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ ที่เขียนไว้ว่า... (จำไม่ได้ทั้งหมด... อาจมีคำที่ตกหล่น)
“ไม่เคยรู้สึกภูมิใจหรือตื่นเต้นเลย ที่มีฝรั่งที่อ่านภาษาไทยไม่ออก แต่งกลอนก็ไม่เป็น มายกย่องท่านสุนทรภู่ว่าเป็นยอกนักกวีเอกของโลก เพราะคนที่จะวินิจฉัยว่าท่านสุนทรภู่ เป็นกวีเอกของโลกได้ อย่างน้อยต้องเก่งกว่าหรือเก่งพอ ๆ กับท่านสุนทรภู่ และต้องอ่านภาษาที่ท่านสุนทรภู่ใช้ได้”
และนี่เป็นสิ่งหนึ่งที่คุณจะเลือกเอาว่า... คุณจะเลือกรับฟังคำวิจารณ์ และคำยกย่องจากใคร ที่จะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์งานที่ดีมีคุณภาพได้...
ไม่มีความเห็น