ความสุขที่สร้างจากรอยยิ้ม


รอยยิ้มสร้างความสดใส ความสุขจึงเกิดจากความสดใสของคนรอบข้างที่มีรอยยิ้มให้กัน


     บ่ายโมงเวลาเดิมของการเดินทางไปเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลเด็ก  วันนี้ฉันนำทัพอาสาสมัครเช่นเคย มีฉัน พี่ภา น้องเหมย และน้องลี่ ซึ่งน้องลี่ไปเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลครั้งแรกค่ะ กิจกรรมที่เตรียมไปสำหรับวันนี้ก็ได้แก่ การปั้นดินน้ำมัน ระบายสีภาพ และการพับกระดาษ เพิ่มเติมด้วยกิจกรรมเสริมก็คือการเล่นและพูดคุยกับเด็กๆตามเตียงไปตามเรื่องตามราวแล้วแต่เด็กจะสนใจ 

      ก้าวเดินผ่านบานประตูเข้าไป หัวใจฉันก็ต้องพองโต เมื่อพบว่ามีเด็กอยู่หลายเตียงกิจกรรมที่เตรียมมาสร้างความสุขคงได้ใช้อย่างเต็มที่ แต่เมื่อมองกลับกันมันก็ทำให้รู้สึกหดหู่ใจเช่นกันที่มีเด็กป่วยเพิ่มขึ้น พวกเราเดินเข้าไปทักทายและสวัสดีกับพี่ๆพยาบาลอย่างเช่นเคย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกใจพร้อมกับความรู้สึกดีมากๆก็คือเจ้าหน้าที่พยาบาลมีรอยยิ้มที่เป็นมิตรกับพวกเรามากขึ้นและพูดกับพวกเราอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับบอกรายละเอียดของเด็กป่วยให้ทราบว่าเด็กไม่สามารถลงจากเตียงได้และจะไปพาเด็กมาร่วมกิจกรรมด้วยคนหนึ่งซึ่งอยู่อีกวอดซ์นึง รอยยิ้มของพี่ๆพยาบาลทำให้ฉันรู้สึกว่าการที่เราพยายามและอดทนรอคอยต่อการยอมรับอาสาสมัครแปลกหน้าอย่างพวกฉันมันคุ้มค่าจริงๆ พวกฉันเดินไปที่โต๊ะกิจกรรมตัวเดิมเพื่อเตรียมอุปกรณ์ที่จะทำกิจกรรม จากนั้นก็มองสำรวจไปตามเตียงเด็กว่ามีเด็กโตและเด็กเล็กอยู่เตียงไหนบ้าง ซึ่งเด็กบางเตียงก็นอนหลับพักผ่อนอยู่ ฉันจึงคิดว่าเราน่าจะเข้าไปทักทายทำความรู้จักกับเด็กๆตามเตียงที่ตื่นอยู่ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้แก่เด็กและผู้ปกครองเด็ก เพราะฉันสังเกตเห็นว่าผู้ปกครองและเด็กเกิดความสงสัยว่าพวกฉันเป็นใครและมาทำอะไรที่นี้
        "ยายใจดีกับเด็กชายขาหัก" เป็นเตียงแรกที่ฉันเข้าไปทักทาย คุณยายยิ้มให้เป็นใบเบิกทางถึงการต้อนรับ จากนั้นฉันก็ทักทายเด็กชายขาหักที่อายุยังไม่ถึงสิบขวบ เด็กชายขาหักมองฉันอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ฉันชวนคุยไปพร้อมกับชักชวนให้เด็กชายขาหักร่วมทำกิจกรรม ฉันเริ่มสาธยายถึงสิ่งที่เตรียมมา คุณยายใจดีให้การสนับสนุนการทำกิจกรรมอย่างเต็มที่พร้อมกับช่วยฉันชักชวนเด็กชายขาหักร่วมทำกิจกรรม เมื่อพูดถึงดินน้ำมันเด็กชายขาหักเริ่มสนใจพร้อมกับพยักหน้าแทนคำตอบ ฉันเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อเอาดินน้ำมันมาให้ที่เตียงเด็กชายขาหัก จากนั้นฉันก็ช่วยน้องปั้นดินน้ำมันเป็นรูปต่างๆแล้วก็ชวนน้องคุยไปด้วย ใช้เวลาทำความคุ้นเคยไม่นานเด็กชายขาหักจึงยอมพูดคุยกับฉัน เด็กชายขาหักกับคุณยายใจดีช่วยกันเล่าให้ฟังถึงสาเหตุที่เด็กชายต้องขาหักว่า มีมอร์เตอร์ไซด์ขี่มาชนแล้วล้อรถก็มาทับขาทำให้ขาหักสองท่อน เด็กชายขาหักพูดแบบเคืองๆว่า ไม่อยากให้คนที่ชนมาเยี่ยม ไม่อยากเจอ เพราะทำเค้าเจ็บ เด็กชายขาหักยังบอกอีกว่าอยากจะกลับบ้านมากไม่อยากอยู่โรงพยาบาล แต่ต้องรอใส่เฝือกก่อนถึงจะกลับได้ เด็กชายขาหักให้พี่ภาปั้นดินน้ำมันเป็นรูปสัตว์ต่างๆตามหนังสือ ดูท่าทางจะชอบมาก เพราะหลังจากนั้นเด็กชายขาหักก็ปั้นรูปควายมาอวดฉันด้วย หลังจากเด็กชายขาหักปั้นดินน้ำมันจนเบื่อแล้วจึงบอกฉันว่าอยากระบายสีภาพ ฉันรู้สึกว่าน้องมีความสนุกกับกิจกรรมที่พวกฉันไปทำให้เป็นอย่างมาก ก่อนกลับฉันสัญญากับเด็กชายขาหักไว้ว่าจะเอาไม้จิ้มฟันไปให้ คงไม่ได้เอาไปแคะฟันแน่นอน แต่เด็กชายขาหักอยากจะปั้นดินน้ำมันเป็นรูปลิงซึ่งจำเป็นต้องใช่ไม้จิ้มฟันยึดส่วนหัวนั่นเอง ดีใจจังเมื่อรู้ว่ามีเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่งรอคอยการมาของพวกฉัน
        เด็กยิ้มง่ายนามว่า "แซม" น้องแซมเพิ่งตื่นนอนได้เพียงไม่นาน ฉันเห็นน้องแซมหรี่ตามองพวกฉันอย่างสนใจแล้วก็หันหลังไป ฉันไม่ทิ้งโอกาสที่จะทักทายแน่นอน ฉันเห็นน้องแซมนอนอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีผู้ปกครองเฝ้าอยู่ด้วย ซึ่งทำให้ฉันแปลกใจเล็กน้อย ฉันเดินเข้าไปทักทายและพูดคุยกับน้องแซม ตอนแรกน้องแซมยังนอนนิ่งๆไม่พูดด้วย จากนั้นฉันก็ชวนน้องแซมระบายสีภาพ น้องแซมพูดขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้นว่าเค้าชอบระบายสีภาพและเค้าก็มีสมุดภาพของตัวเองด้วย มีภาพเยอะแยะเลย น้องแซมบอกว่าเค้าระบายสีภาพสวยมาก ฉันจึงเสนอภาพของฉันให้น้องแซมลองระบายให้ดู น้องแซมตอบตกลงฉันจึงไปเอาภาพกับสีมาให้น้องแซมระบาย น้องแซมระบายสีไปแล้วก็เล่าเรื่องต่างๆให้ฉันฟังไปเรื่อยๆ ฉันสังเกตเห็นน้องแซมหันไปมองทางประตูทางเข้า-ออกบ่อยฉันจึงถามว่าคอยใครเหรอ น้องแซมบอกว่าคอยแม่ แม่ไปกดตังค์ยังไม่มาเลย น้องแซมให้ฉันเดินไปดูที่ชั้นวางของว่ากระเป๋าของแม่ยังอยู่มั้ย ฉันบอกว่ายังอยู่เดี๋ยวแม่ก็มา น้องแซมจึงเบาใจและหันมาสนใจกับการระบายสีต่อ น้องแซมให้ฉันไปเปิดลิ้นชักเพื่อเอาสมุดภาพออกมาโชว์ให้ดู ฉันสังเกตเห็นว่ามีภาพระบายสีที่เหมือนกับของฉัน ฉันเลยถามน้องแซมว่ามีคนแบบฉันเคยมาทำกิจกรรมด้วยใช่มั้ย น้องแซมบอกฉันว่าใช่ ได้ระบายสีตั้งหลายภาพ จึงทำให้ฉันรู้ว่าน้องแซมอยู่โรงพยาบาลนานทีเดียว จากนั้นฉันก็เอาดินน้ำมันมาเล่นกับน้องแซม แล้วฉันกับน้องแซมก็คุยเรื่องต่างๆไปเรื่อย แต่แม่ของน้องแซมก็ยังไม่มา ฉันรู้สึกได้ว่าน้องแซมแม้จะอยู่โรงพยาบาลนานแค่ไหน ต้องนอนโรงพยาบาลคนเดียวหลายครั้ง แต่ก็ยังคงรอคอยผู้ปกครองและกลัวการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าน้องแซมจะเป็นเด็กที่ร่าเริงแต่ก็ยังต้องการความอบอุ่นจากครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญสุดอยู่
       "น้องเจนเด็กหญิงผู้เข้มแข็ง" ไปถึงทีแรกน้องเจนยังหลับอยู่จึงยังไม่ได้ทำกิจกรรมกัน ฉันเคยเจอน้องเจนแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อนน้องเจนเพิ่งมาถึงวันแรก พอน้องเจนเห็นพวกฉันก็ยิ้มให้และสนใจการระบายสีภาพที่อยู่บนโต๊ะ ฉันชวนน้องเจนระบายสีน้องพยักหน้าตอบฉันแล้วหันไปถามแม่ว่าหนูระบายสีได้ป่าว พอแม่อนุญาติฉันก็เอาภาพกับสีไปให้น้องเจนแต่ยังไม่ทันได้ระบายพยาบาลก็เข้ามาเพื่อเจาะสายน้ำเกลือ ฉันสังเกตดูว่าน้องเจนจะร้องไห้กลัวรึป่าว แต่กลับตรงกันข้ามน้องเจนยอมให้พยาบาลเจาะโดยดีไม่มีงอแง ถึงแม้ว่าจะมีความกลัวเจ็บอยู่บ้าง ฉันรู้สึกว่าเด็กคนนี้เข้มแข็งมากๆ ทั้งที่ตัวเล็ก ผอมบางนิดเดียว แต่กำลังใจดีเยี่ยม จนมาวันนี้ฉันได้เจอน้องเจนอีกครั้ง แต่ดูน้องเจนไม่ค่อยร่าเริงเหมือนครั้งแรก แต่ยังมีความสนใจในกิจกรรมที่ฉันเอามาเช่นเคย น้องเจนสนใจการปั้นดินน้ำมัน ฉันจึงไปเอามาให้และช่วยกันกับน้องเจนปั้นเป็นรูปต่างๆ ระหว่างนั้นฉันก็ชวนน้องเจนคุยไปเรื่อยๆ น้องเจนบอกกับฉันว่าบ้านอยู่ปราจีน รักษาที่โรงพยาบาลปราจีนไม่หายเค้าเลยส่งตัวมาที่นี้มาเป็นครั้งที่ 3 แล้วน้องเจนจึงถามฉันว่าฉันทำงานอะไร ทำไมถึงมาเล่นกับเด็ก ฉันอธิบายความเป็นมาของฉันให้น้องเจนฟังน้องเจนพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ฉันทำ ฉันถามน้องเจนต่อว่า ตอนแรกที่เห็นฉันมาคุยด้วยรู้สึกยังไง น้องเจนตอบฉันอย่างไม่ลังเลว่า กลัว เพราะเห็นเป็นคนแปลกหน้า ฉันจึงถามต่อว่าแล้วตอนนี้ล่ะ ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว ฉันลองถามดูว่าน้องเจนจำฉันได้มั้ย คำตอบของน้องเจนทำให้ฉันรู้สึกดีใจมาก น้องเจนบอกว่า จำได้ คิดถึงหน้าพี่ทุกวันเลย ฉันเลยแซวว่า สงสัยที่จำหน้าไว้ เพราะกลัวเป็นแก๊งค์ลักเด็กแน่ๆเลย น้องเจนก็หัวเราะ น้องเจนถามฉันเรื่องการลักพาเด็ก ฉันบอกรายละเอียดให้น้องฟังและบอกน้องเจนว่าถ้าเจอคนแปลกหน้ามาให้ของหรือขนมก็อย่าตามไปนะ น้องเจนบอกว่าหนูไม่ตามไปหรอก หนูจะไปหาแม่ถ้ามีคนแปลกหน้ามาพูดด้วย น้องเจนเล่าให้ฟังว่าเพื่อนของน้องเจนเกือบโดนหลอก แต่ดีที่ผู้ใหญ่ช่วยไว้ได้ทัน จึงทำให้น้องเจนกลัวคนแปลกหน้ามาหลอก จึงมีการปกป้องตัวเองอย่างดี แต่ถึงน้องเจนจะระแวงคนแปลกหน้าแต่ก็ยังยิ้มให้ฉันและพูดคุยกับฉันอย่างเป็นมิตรมากๆ ตอนหลังฉันรู้จากพี่ภาทีหลังว่าที่น้องไม่ค่อยร่าเริงวันนี้เพราะเมื่อเช้าอ้วก ทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นอ้งเจนกำลังจะกลับบ้านวันพุธตอนเช้าฉันคงไม่ได้เจอน้องเจนอีกสักพัก น้องเจนบอกว่าจะไม่ลืมฉัน ถ้ามาโรงพยาบาลคราวหน้าฉันสัญญากับน้องเจนว่าจะเอาพวกการหัดเขียน ก.ไก่ไปให้เพราะน้องเจนชอบการเขียนมาก น้องเจนบอกว่าเกือบได้ขึ้นป.2แล้วแต่ไม่ได้ขึ้นเพราะไม่สบาย ฉันสังเกตเห็นสีหน้าน้องเศร้าลง ฉันจึงพูดให้กำลังใจน้องเจน น้องเจนหันมายิ้มให้แล้วระบายสีภาพต่อ ความรู้สึกของฉันในตอนนี้รู้สึกว่าฉันไม่เคยเจอเด็กคนไหนที่เข้มแข็งเท่าน้องเจนเลย แม้เจ็บก็ไม่ร้องไห้ ยิ้มร่าเริงตลอดเวลา ขนาดว่าไม่ค่อยสบายก็ยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าให้เห็นอยู่ ฉันรู้สึกชอบน้องเจนอย่างบอกไม่ถูก
      ระหว่างการเดินทางวันนี้ของฉัน ฉันคิดไปว่าจะมีเด็กมาร่วมทำกิจกรรมกับฉันมั้ย เพราะประสบการณ์ครั้งแรกมันทำให้ฉันท้อใจไปไม่น้อยทีเดียว ฉันกลัวว่าจะไม่มีเด็กมาทำกิจกรรมกับฉันเมื่อก่อนตอนเป็นอาสาสมัครแรกๆฉันคิดว่าถ้ามีเด็กมาทำกิจกรรมไม่มากคงดีจะได้ดูแลทั่วถึง แต่เมื่อครั้งหนึ่งพบว่ามีเด็กมาร่วมกิจกรรมด้วยเพียงคนเดียววินาทีนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีใครมาสนใจและไร้ประโยชน์ ประสบการณ์ครั้งนั้นมันทำให้ฉันจำฝังใจและทำให้คิดได้ว่าการเหนื่อยเพราะคนจำนวนมากแต่มีความสุขทั้งสองฝ่ายดีกว่าความสบายจากคนจำนวนน้อยแต่ไร้ซึ่งคุณค่าในตัวเอง แต่วันนี้กลับเป็นวันที่ฉันมีความสุขและประทับใจที่สุดวันหนึ่ง เด็กๆทุกคนมีรอยยิ้มให้ฉัน อยากให้ฉันไปเล่นด้วย ผู้ปกครองเด็กก็มีความสุขยิ้มแย้มให้เหล่าอาสาสมัครแปลกหน้าอย่างเป็นมิตรพร้อมๆกับความไว้วางใจให้เด็กร่วมกิจกรรมกับพวกฉัน พี่ๆพยาบาลก็เริ่มให้ความร่วมมือ พร้อมรอยยิ้มต้อนรับที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกว่าฉันและเหล่าอาสาสมัครได้พิสูจน์ตัวเองและสร้างความเข้าใจให้แก่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลได้ระดับหนึ่งแล้ว ฉันคิดว่ารอยยิ้มเป็นสิ่งที่สื่อความหมายได้มากมายมหาศาลเลยทีเดียว ช่วยเปลี่ยนแปลงหลายๆสิ่งหลายๆอย่างให้สดใสขึ้น
 

หมายเลขบันทึก: 88139เขียนเมื่อ 2 เมษายน 2007 19:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เข้ามาอ่านนะ  เป็นเรื่องราวที่งดงาม พี่ได้เรียนผ่านตัวหนังสือ ชอบตอนพี่พยาบาลยิ้ม และ น้องแซมที่ขอให้ดูกระเป๋าแม่ ทำให้คิดไปไกลเลย

อ่านแล้วก็แอบยิ้มไปด้วยเหมือนว่าตัวเองได้ลงไปทำกิจกรรมในวันนั้นด้วย ทำให้รู้แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ชอบนะเรื่องเล่าที่แฝงด้วยความสุข

ขอบคุณพี่หนูหริ่งกับพี่เก่งนะคะที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น แต่ความสุขที่บรรยายผ่านตัวหนังสืออาจสื่อได้ไม่หมดเท่ากับการได้ไปสัมผัสบรรยากาศจริงๆเท่าไหร่ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท