เมื่อผมจัดฝึกอบรม PRA ให้พนักงานบริษัทเสร็จแล้วก็เดินทางไปเยี่ยมห้องลูกสาว เยี่ยมแต่ห้องครับเพราะเธอไม่อยู่ไปทำ “Lab” ที่ Brisbane AUS ผู้เป็นพ่อก็ไปดูความเรียบร้อยของห้องพักให้ นานๆเข้ากรุงเทพฯที ผมละอึกอัดมาก ทั้งจราจร การแก่งแย่งแบบ “ตูขอไปก่อนนะ” “ตูรีบที่สุดเลย” “คนอื่นขอหลีกทางหน่อย”
...ความเนืองแน่นของคน ร้านค้า ความสกปรก มลภาวะ ยิ่งผมเป็นภูมิแพ้ก็ยิ่งไม่อยากอยู่ในพื้นที่ที่อากาศไม่บริสุทธิ์ ว่าแล้วก็รีบเดินทางต่อไปนั่งที่ดอนเมืองดีกว่า เรามาถึงก่อนเวลาเดินทางกลับขอนแก่น 2 ชั่วโมง เอาหนังสือมาอ่าน เอาคอมฯมานั่งทำงาน เดินไปดูโน่นดูนี่ กลับมานั่งอ่านหนังสือต่อ.... แล้วเสียงหนึ่งก็ดังลั่นมาจากที่นั่งอีกส่วนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปพอสมควร ผมและเพื่อนที่มาด้วยกันพยายามมองดูว่าเสียงมาจากไหน ใครพูด ทำไมพูดดังจังเลย ใครต่อใครในที่นั่ง Domestic flight ได้ยินหมดเลย
ไม่น่าเชื่อเป็นพระสงฆ์ รูปหนึ่งตัวท่านใหญ่ๆ นั่งไขว่ห้างมือด้านหนึ่งจับหัวเข่า มือขวาถือมือถือลอยหน้าตาพูดโทรศัพท์กับโยม พูดไปหัวเราะไป คนต่างๆหันมามองท่าน ท่านก็เฉยๆ จนคนต่างๆนั้นต้องทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไร ฝรั่งเดินผ่านไปมามองหน้ากันแล้วยิ้มๆ
ท่านพูดจบกับโยมคนหนึ่งหมุนต่ออีกคนหนึ่ง เหมือนเดิม ดังลั่น หัวเราะเหมือนเดิม สลับมือถือโทรศัพท์กับไขว่อีเก็ก (ไขว่ห้าง) สาระสิ่งที่ท่านพูกนั้นก็ไม่ใช่การสั่งสอนธรรมะ ไม่ใช่การให้คำปรึกษาด้านธรรมะ เป็นคำพูดของคนพูดกับคน และหยอกล้อกันด้วย ผมละอเน็จอนาถแท้เชียว อยากจะลุกไปกราบนิมนต์ท่านไปโทรในห้องสูบบุหรี่ซะดีไหม ไปกราบเตือนท่านดีไหม ไป ไป ไป....ดีไหม
ผมบวชพระมา 1 พรรษา กับสำนักวิปัสสนาไทรงามกับพระเดชพระคุณท่าน ธัมมะธโรภิขขุ ผมยังจำคำสั่งสอนของท่านได้ว่า พระนวกะ (พระใหม่)ทุกรูป
ด้วยมารยาทดังกล่าวพระสายธรรมยุติที่สำนักวิปัสสนาไทรงามจึงเป็นที่กล่าวขานกัน ในเขตจังหวัดอ่างทองและสุพรรณบุรี ยามเดินบิณฑบาทญาติโยม “ว่าสวยงามยิ่งนัก” จนก่อเกิดศรัทธา ญาติโยมเอาข้าวมาถวายเป็นกระสอบเลย ญาติโยมเข้าแถวเรียงกันยาวเหยียดคอยใส่บาติให้หลวงพ่อและพระทั้งหลาย มีหลวงพ่อพระเดชพระคุณเดินนำหน้า แล้วก็เรียงตามพรรษาบวช และความสูง ความสวยงามเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอก แต่กิริยามารยาท คำพูดจา สาระที่กล่าววาจาต่างๆต้องเป็นธรรมะ ฯลฯ
ผมระลึกถึงพระเดช พระคุณท่านมากยามที่ผมพบพระรูปนี้ ผมระลึกถึงเพื่อนพระนวกะที่ลาสิขาออกมาแล้วกระจายครองตนทางโลกในปัจจุบันคงนำแนวทางบางส่วนมาถือปฏิบัติตามที่พระอาจารย์สั่งสอนมาด้วย อย่างน้อยที่สุดก็มีหลักนำทาง เครื่องเตือนสติ
ศาสนาคือคำสอนให้คนทำดีต่อสรรพสิ่ง นักบวชคือเครื่องมือสร้างศรัทธาในความดี งาม ผู้ที่ครองตนในผ้าเหลืองคือผู้สืบทอดศาสนา จะต้องเป็นผู้ปฏิบัติตนให้สาธารณะชนชื่นชม และมีศรัทธา มิใช่ทำลายศรัทธา พระรูปนั้นโทรศัพท์คุยกับญาติโยม 3-4 คนด้วยอากัปกิริยาเดียวกัน แล้วก็ลุกเดินถือมือถือไปนั่งอีกมุมหนึ่งของอาคาร พร้อมกับคนทั่วไปที่มองมายังท่านด้วยสายตาที่อธิบายความหมายได้ครับ... ความคิดผมฟุ้งกระจายไปในห้วงจินตนาการอย่างไร้ขอบเขต และรู้สึกเหนื่อย..
เรียนคุณบางทราย
คนเราทำดี ย่อมได้ดี ทุกคนล้วนย่อมรู้ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นผิดหรือถูก ไม่กล้าให้ความเห็นมากไปกว่านี้ ปลงค่ะกับสิ่งที่อ่าน
สวัสดี ครับคุณบางทราย
ขอร่วมแสดงความคิดเห็นว่า (ในวงเล็บเป็นคำตอบที่เคยได้ยินมา)
คำถามสุดท้ายเป็นของเอง (คาใจมานาน)
วันนี้ไป ตึกคอมฯขอนแก่น มาค่ะ เจอพระภิกษุไปโหลดริงโทน มือถือ เพลงวัยรุ่นด้วยค่ะ ไม่ใช่เพิ่งเคยเจอนะคะ จะว่าไปทุกทีที่ไปตึกคอมฯเลยค่ะ
หนิงเองใช้ริงโทน จากเสียงที่มีใครเครื่องค่ะ
สวัสดีครับพี่บางทราย
ขอบคุณครับ