ในชีวิตการทำงานงานหนึ่งที่พบเจอจนเป็นปกติ(เกือบทุกวัน)คืองานรับวิทยากรที่สนามบิน....แน่หล่ะวิทยากรที่เราติดต่อทาบทามมีทั้งเคยเห็นหน้าและไม่เคยเห็นกันมีทั้งชาวไทยชาวต่างชาติ เอ๊ะ!..แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าใครเป็นใคร รับถูกคนได้อย่างไร ....จะออกปากถาม...อย่างไร...กรณีไม่มั่นใจว่าใช่หรือเปล่า
ดิฉันทำงานฝึกอบรมมากว่าสิบปี รับวิทยากรเกือบจะทุกสัปดาห์ เคยรับวิทยากรแล้วไม่เจอกัน 3 ครั้ง ดิฉั้นยังอยู่ที่สนามบินวิทยากรโทรมาว่าเช็คอินเข้าที่พักแล้ว ผมตกเครื่องบินครับต้องขอโทษแล้วผมจะไปเองพรุ่งนี้ไม่ต้องมารับ...ขอบคุณครับ...และพรุ่งนี้ผมจะสายไปหนึ่งชั่วโมงจึงแจ้งมาให้ทราบครับ สารพันปัญหาเฉพาะหน้าที่มีมาให้แก้ไขไม่นานนัก "งานฟอร์มนิสัยใจคอของเรา"..พูดจาได้คล่องขึ้น คุยกับคนแปลกหน้าได้ทุกรูปแบบ คุยกับคนได้อย่างออกรสชาด แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี
ง่ายที่สุด....เรียนแบบ บริษัททัวร์หรือโรงแรม ที่มักใช้ป้ายยกให้แขกรู้ว่า....คนมารับอยู่ตรงนี้ แต่มันเขินนะคนลงเครื่องมามองเราแทบทุกคนอ่านชื่อนั่นแหล่ะงงงก็มันอยู่ตรงจุดที่สายตาเห็นพอดี..ทำหน้าไม่ถูกเลยค่ะ......แล้วเราไม่มีป้ายสวยขนาดนั้นเอาหล่ะกระดาษ A4 นี่หล่ะ print ให้ตัวอักษรชัดเจนหน่อย เขียนให้แขกเห็นนะคะไม่ใช่ให้ตัวเองรู้ว่า ตัวเองมารับใคร
อ้าว!ดิฉั้นพูดอย่างนี้อย่าหาว่ากวนโอ๊ย กวนใจนะคะ อย่าคิดว่าไม่มีนะคะเวลาที่ยืนรอรับอยู่เฉยๆหรือเวลาเดินออกมาจากห้องผู้โดยสารขาเข้าดิฉั้นจะซุกซนสังเกตไปเรื่อย...บางคนเขียนตัวเล็กนิดเดียวเขียนให้พอรู้ว่าฉั้นเขียนแล้วนะ...แกไม่เห็นชื่อตัวเองก็แล้วไปฉันทำหน้าที่ของฉันแล้ว....แบบว่าบริการแบบขอไปที...ก็มี
แรกๆ ดิฉั้นเคยเกี่ยงกับคนขับรถ....ช่วยถือให้หน่อยซิ...หลายครั้งที่แกก็ไม่เอานะคะจะอายหรือไงก็ไม่ทราบ...แถมมีเหตผลมาสยบเราได้ชงัด...ก็มันเป็นงานของคุณ.....คุณต้องหาให้เจอซิ...แล้วพาไปขึ้นรถผมมีหน้าที่ขับรถ...เอาหล่ะหว่า!...ย้อนสอนเราอีกให้รู้จักแยกงานใครเป็นงานใคร
กรณีที่กล่าวข้างบนคือ...เราไม่รู้จัก...ใครๆในแวดวงก็ไม่รู้จัก...หรือถามใครไม่ทันพึ่งป้ายนี่หล่ะ...ไม่ต้องอาย...แต่มีนะคะ...วิทยากรบางท่านก็ไม่ชอบให้ชื่อสกุลของท่านไปประกาศหราว่าท่านมาที่นี่ในวันนี้....ดิฉั้นเคยได้รับการบอกกล่าวตรงๆจากท่านทางโทรศัพท์ว่าหนูอย่าขึ้นป้ายรับที่สนามบินนะ...แล้วดิฉั้นก็พาซื่อถามไปตรงๆ...แล้วจะรู้ได้ยังไงคะว่าเป็นท่าน....มันมีวิธีอื่นที่ไม่ต้องยกป้ายก็ได้อีกตั้งเยอะ......อ่านต่อบันทึกหน้านะคะ...วันนี้หมดเวลา..
ถึงพี่เมตตา
ขอบคุณมากสำหรับเทคนิคกระดาษ A
กัมปนาท
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
กะปุ๋มไม่เคยไปรับวิทยากรหรอกค่ะ....แต่เคยถูกรับ...ส่วนใหญ่ก็จะติดต่อประสานทางโทรศัพท์ก่อนค่ะ...และก่อนลงหรือกำลังเดินลงจากเครื่องก็โทรประสานกันอีกครั้งค่ะ และพอเดินออกไปก็พยายามสอดส่ายสายตาและสบตาค่ะ....ก็จะรู้เอง...
เท่าที่ผ่านมายังไม่เคยพลาดเลยค่ะ...อิอิ..ดีมากเลยค่ะที่ได้อ่านบันทึกทำนองนี้อย่างน้อยก็ได้ทราบอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกของผู้ไปรับค่ะ
(^______^)
ใช่เลยค่ะ..ท่าน อ.Panda ไอเดียนี้ใช้ได้เลยค่ะ...สุดยอดค่ะ เพราะ...อย่างน้อยคนไปรับก็ต้องแจ้งวิทยากรว่าคือใคร ... ประมาณว่าวิทยากรเดินมาหาป้าย...สาวสวย...ที่มีนามว่า "เมตตา"...ก่อนเลยค่ะ....อิอิ
(^_____^)
ขอเพิ่มเทคนิคอีกนิดค่ะ
ใช้กระดาษ A4 นั่นแหละคะ แต่ติดทับบนแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด ขนาดเท่ากับกระดาษ A4 จะทำให้ดูแข็งแรงขึ้นค่ะ
มอ. ทางนี้ค่ะ.... :)
อ.แพนดา สวัสดีค่ะ...ดีจังไอเดียนี้..แต่ทว่าหาเมตตา คนสวย วิทยากรคงสับสน...หากันนานค่ะ อิ...อิ..
สวัสดีคะพี่เมตตา
คิดถึงพี่เมตตาคะ น้องเมก็ได้มีโอกาสรับวิทยากรและขอบคุณสำหรับวิธีการรับวิทยากรจากพี่เมตตา...แต่น้องเมรู้สึกเขินไม่กล้าถือป้ายคะ แต่ใช้วิธีการก็คือ ถ้าท่านวิทยากรที่เราไม่รู้จักหน้าค่าตามาก่อนและท่านมีเลขาก็รบกวนเลขาช่วยส่งรูปท่านวิทยากรมาให้ดู และสอบถามเบอร์โทรศัพท์เคลื่อนของท่านวิทยากรและจะติดต่อท่านก่อนที่ท่านจะเดินทางมา บอกสัญลักษณ์ที่ท่านจะสังเกตเราได้และสอบถามว่างเราจะสังเกตท่านได้อย่างไรคะ และสื่อสารเพิ่มเติมถึงการดูแลต้อนรับท่านตลอดการเดินทางคะ
...แต่ช่วงที่น่าตื่นเต้นสุดก็คือ ช่วงที่เครื่องบินลงจอดและเดินออกมา ต้องใช้การสังเกตอย่างใจจดใจจ่อคะ...ถ้าสัญญาณผ่านทางสายตาจูนตรงกับท่านใดและลักษณะตรงกับที่ท่านบอกก็จะเข้าไปสอบถามและแนะนำตัวคะ...แรกๆ ช่วงเรียนรู้วิธีการตื่นเต้นทำให้ผิดบ้าง แต่หลังๆ ไม่พลาดคะ (สนุกและตื่นเต้นดีคะ)