อาสาสมัครกับการเล่านิทานและระบายสีภาพ


การสร้างความคุ้นเคยกับเด็กถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงอาสาสมัครกับอะไรหลายๆสิ่ง

อาสาสมัครในโรงพยาบาลรามา ครั้งที่สอง


       วันนี้ได้เข้าไปเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลรามาเป็นครั้งที่สองค่ะ โดยมีน้องเปิ้ล น้องบุ้งกี๋ น้องเต้ น้องเหมย และน้องเล้ง  ซึ่งเป็นน้องๆนักศึกษาฝึกงานไปด้วยกันค่ะ กิจกรรมสำหรับวันนี้ได้น้องเปิ้ลและน้องบุ้งกี๋เป็นคนเตรียมกิจกรรม ซึ่งน้องได้เตรียมนิทานไปเล่าให้เด็กๆฟังและเตรียมภาพไปให้เด็กๆได้ระบายสีภาพกันด้วย

        เมื่อเราไปถึงโรงพยาบาลรามาตอนบ่ายโมงเกือบครึ่งแล้ว  สิ่งแรกที่เราต้องปฏิบัติเมื่อไปถึงคือไปลงชื่ออาสาสมัครก่อนและรับบัตรประจำตัวอาสาสมัคร จากนั้นจึงเดินทางไปที่ตึกเด็กป่วย 2 ซึ่งเมื่อพวกเราไปถึงที่ตึกก็เกือบบ่ายสองโมงแล้ว พอเข้าไปในห้องนันทนาการเราก็ไม่พบเด็กนั่งเล่นอยู่ในห้องเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้ตอนนั้นคิดว่ากิจกรรมที่เตรียมมาคงเป็นหมันแน่ๆ เมื่อเราพบพี่เอี่ยม(พยาบาลผู้ดูแลเด็กป่วยในตึก 2) พี่เอี่ยมก็บอกว่าเด็กๆกลับไปที่เตียงแล้วเพราะนึกว่าเราคงไม่มาแล้ว ทำให้รู้สึกผิดเล็กน้อยที่มาถึงช้า แต่พี่เอี่ยมก็พาพวกเราไปชวนน้องๆตามเตียงมาร่วมทำกิจกรรม ซึ่งตอนแรกก็ยังไม่ค่อยมีใครสนใจนักและเด็กบางคนก็หลับไปแล้ว แต่ด้วยความพยายามของพี่เอี่ยมและพวกเราจึงทำให้มีเด็กและผู้ปกครองเด็กจำนวนหนึ่งเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย 
         พวกเราเริ่มกิจกรรมด้วยการแนะนำตัวอาสาสมัครแต่ละคน จากนั้นก็เริ่มเล่านิทานโดยมีของประกอบฉากทั้งตุ๊กตามือที่พี่เอี่ยมหามาให้ และฟิวเจอร์บอร์ดรูปภาพที่เราเตรียมกันไป การเล่านิทานผ่านไปอย่างราบรื่น ตอนแรกเด็กๆอาจยังไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่ แต่พอเด็กเริ่มชินกับพวกเราก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมและสนุกสนานไปกับตัวละครในนิทานด้วย ผู้ปกครองที่มาร่วมนั่งฟังนิทานด้วยก็มีความสนุกสนานไปกับเด็กด้วย เมื่อเราเล่านิทานจบหนึ่งเรื่องก็จะมีการบอกถึงคติสอนใจและจะตั้งคำถามกับเด็กๆ เพื่อให้เด็กได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมด้วย ซึ่งตอนแรกเด็กๆยังไม่กล้าที่จะตอบคำถาม เพราะกลัวตอบผิดและยังไม่ค่อยกล้าที่จะแสดงออก เนื่องจากยังไม่ค่อยคุ้นกับพวกเรา พี่ๆพยาบาลจึงช่วยกระตุ้นเด็กๆให้กล้าแสดงออก โดยบอกว่าตอบผิดก็ไม่เป็นไร แถมยังมีขนมแจกให้กับเด็กที่กล้าตอบคำถามอีกด้วย ทำให้เด็กเกิดความกล้าที่จะตอบ กล้าที่จะพูดมากขึ้น ซึ่งผู้ปกครองเด็กก็นั่งลุ้นไปกับการตอบคำถามของเด็กไปด้วย ทำให้บรรยากาศในห้องนันทนาการดูสนุกสนานมากขึ้นกว่าในตอนแรกอย่างมาก
        ในวันนี้พวกเราเล่านิทานให้เด็กๆฟังจำนวน 2 เรื่อง ซึ่งหลังจากการเล่านิทานจบลงก็ได้มีผู้ปกครองของเด็กท่านหนึ่งตั้งคำถามกับพวกเราขึ้นมาว่า พวกเราเป็นใคร มาจากไหน ซึ่งพวกเราก็ได้รายงานตัวกันที่ละคนว่าใครเรียนที่ไหน คณะอะไร และใครทำงานอะไร พอพวกเราบอกถึงที่มาที่ไปของเราเสร็จ ผู้ปกครองท่านนั้นก็ปรบมือให้พวกเราแล้วบอกว่า รู้สึกดีใจและซึ่งใจมากที่พวกเรามาทำอะไรอย่างนี้ ได้มาช่วยสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนอื่น ผู้ปกครองท่านนี้พูดไปพร้อมกับน้ำตาคลอไปด้วยความตื้นตันใจกับสิ่งที่พวกเราที่ไปเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลได้ทำประโยชน์ให้กับลูกหลานของเค้า ซึ่งพี่อุ๊พยาบาลอีกท่านหนึ่งก็ได้หันไปถามความรู้สึกของผู้ปกครองอีกท่านหนึ่งว่ามีความรู้สึกอย่างไรกับการมีอาสาสมัครมาทำกิจกรรมกับเด็ก ซึ่งผู้ปกครองท่านนี้ก็ได้บอกว่า ดีใจมากที่พวกเรามาทำตรงนี้ ทำให้เด็กผ่อนคลาย ผู้ปกครองเองก็ผ่อนคลายไปด้วย รู้สึกดีมากๆเลย จากนั้นพวกเราก็ได้รับเสียงปรบมือจากทั้งผู้ปกครองเด็ก เด็กๆ และพี่ๆพยาบาลที่ดูแลเด็ก มันทำให้ฉันรู้สึกหัวใจพองโตอย่างบอกไม่ถูกทีเดียว
          หลังจากการเล่านิทานแล้ว เราก็ได้ให้เด็กๆร่วมกันระบายสีภาพการ์ตูนที่เราเตรียมมาให้ ซึ่งจากการสังเกตรู้สึกว่าเด็กๆจะชอบกิจกรรมนี้เสียส่วนใหญ่ เพราะเด็กๆดูมีความตื่นเต้นที่จะได้เลือกภาพมาระบายสี เด็กบางคนก็จะระบายภาพหลายภาพ แต่มีเด็กอยู่หนึ่งคนที่เค้าจะไม่เคยระบายสีภาพ เค้าก็จะไม่กล้าที่จะระบายเพราะกลัวระบายไม่ถูก เค้าจึงได้แต่นั่งมองเพื่อนๆระบายสีกัน ฉันจึงเข้าไปพูดคุยกับเด็กและช่วยจับมือเด็กให้ระบายไปด้วยกัน เด็กจึงมีความกล้าที่จะระบายสีภาพมากขึ้นและเริ่มมีความสนใจในการระบายสี ซึ่งเค้าจะขอระบายเองในส่วนที่เค้าอยากจะระบายสี จากนั้นพยาบาลก็เข้ามาบอกว่าใกล้หมดเวลาแล้ว ซึ่งเด็กบางคนก็จะมีสีหน้าเศร้าลงไปทันที เพราะเค้ายังรู้สึกสนุกกับการระบายสีและได้พูดคุยกับอาสาสมัครอยู่ เด็กบางคนก็จะต้องกลับบ้านแล้ว อาทิตย์หน้าก็จะไม่ได้พบกันเค้าก็จะบอกกับพวกเราว่าเสียดายที่จะไม่ได้เจอกัน เพราะเค้ารู้สึกสนุกที่ได้ทำกิจกรรมและพูดคุยกับเรา
          สิ่งที่สังเกตได้ในกิจกรรมวันนี้คือ การสร้างความคุ้นเคยกับทั้งเด็กและผู้ปกครองถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งตอนแรกอาสาสมัครยังไม่มีความคุ้นเคยกับเด็กจึงทำให้ช่วงแรกดูจะไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร หลังจากที่อาสาสมัครสร้างความคุ้นเคยให้เกิดกับเด็กๆแล้ว บรรยากาศก็จะสนุกสนานมากขึ้น เด็กๆก็กล้าที่จะแสดงออก กล้าพูดคุยด้วย ซึ่งการที่เราสร้างความสัมพันธ์กับเด็กได้แล้วมันก็จะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงอาสาสมัครให้ไปสร้างความคุ้นเคยกับผู้ปกครองของเด็กไปเองโดยปริยาย

หมายเลขบันทึก: 86886เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2007 18:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 21:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท