คลังยอมรับ ศก. น่าห่วง ขอแรงเอกชนช่วยลงทุน ฟื้นความเชื่อมั่นไทย-เทศ


คลังยอมรับ ศก. น่าห่วง ขอแรงเอกชนช่วยลงทุน ฟื้นความเชื่อมั่นไทย-เทศ
        คลังชี้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังมีสิทธิ์แย่ หวั่นแรงอัดฉีดจากงบประมาณภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนระบบเพียงข้างเดียวเศรษฐกิจอาจไปไม่รอด หากการบริโภคและการลงทุนไม่กระเตื้อง วอนทุกฝ่ายร่วมมือกันฟื้นฟูความเชื่อมั่น ขณะที่รายได้รัฐติดข่ายย่ำแย่ สรรพากรคาดเดือนมีนาคมรีดภาษีวืดเป้า 2-3 พันล้านบาท             นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สัญญาณทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวตั้งแต่ช่วงต้นปี 2550 นั้นทำให้คาดว่าหากกระทรวงการคลังไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้ก็น่าจะทำให้ ช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจก็คงจะแย่ไม่ต่างจากในปัจจุบันนี้ ซึ่งเชื่อว่าความพยายามของภาครัฐในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจคงยังไม่เพียงพอ หากการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนยังไม่เพิ่มขึ้นกว่าในปัจจุบัน และแม้ว่าภาคส่งออกจะยังเป็นตัวกระตุ้นได้บ้าง แต่แนวโน้มที่เห็นในเวลานี้ก็คาดว่าจะเริ่มแผ่วลงแล้ว  "ผมอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกัน ลำพังภาครัฐฝ่ายเดียวคงไม่ไหว 6 เดือนเริ่มมีสัญญาณน่าเป็นห่วง ต้องเร่งกันฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้านต่าง ๆ ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างประเทศ" นายศุภรัตน์กล่าว             ด้านนางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า สิ่งที่จะสามารถขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจในปี 2550 ให้เป็นไปตามเป้าหมายก็คือ เรื่องของการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ   ให้ได้ 93% และต้องเบิกงบลงทุนให้ได้ 85% จากรายจ่ายทั้งหมด 1.52 ล้านล้านบาท  หากทำได้ เชื่อว่าก็จะกระตุ้นให้ภาคเอกชนลงทุนตามมา แต่จากการติดตามตัวเลขการเบิกจ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนในเวลานี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ สศค. ประมาณไว้ที่ 4-4.5% ได้ "ก่อนหน้านี้ได้รับฟังตัวแทนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ออกมาระบุว่าในปีนี้ภาคเอกชนจะลงทุนเท่าที่จะขายได้เท่านั้น แต่จะไม่มีการลงทุนเพื่อเก็บสต็อกสินค้าไว้แต่อย่างใด จึงคาดว่าจะทำให้การนำเข้าสินค้าต่าง ๆ เพื่อนำมาลงทุนเพิ่มเติมของภาคเอกชนจะไม่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย" นางพรรณีกล่าว             นายชวลิต เศรษฐเมธีกุล อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่ากระทรวงคลังเตรียมออกมาตรการเพื่อกระตุ้นยอดจัดเก็บรายได้ของประเทศ โดยเป็นความร่วมมือด้านจัดเก็บภาษีระหว่างกรมศุลกากรและกรมสรรพากร ทั้งนี้เชื่อว่าหลังจากออกมาตรการแล้ว อัตราการจัดเก็บรายได้จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน  "เราจะเน้นไปที่กลุ่มบริษัทผู้นำเข้าซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงทำให้สูญเสียรายได้ในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีอากรขาเข้า และภาษีสรรพสามิตเป็นจำนวนมาก  ขณะที่ผู้ประกอบการกลับมีรายได้สูงจากส่วนต่างของราคาแต่ไม่ได้เสียภาษีให้ถูกต้องสำหรับบริษัทที่ตั้งขึ้นมาโดยไม่มีตัวตน ทุนจดทะเบียนต่ำหรือตั้งมาเพื่อล้ม กรมศุลกากรอาจจะเข้าไปยึดสินค้าไว้ก่อน" นายชวลิตกล่าว             ส่วนนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวถึงผลการจัดเก็บรายได้ในเดือนมีนาคมที่ตั้งไว้ 26,244 ล้านบาท คาดว่าไม่ได้ตามเป้า เนื่องจากเป็นเดือนที่มีเป้าสูงสุดของปี   ขณะที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ตัวเลขรายได้รวมต่ำกว่าเป้า คาดว่าจะเก็บได้เพียง 2.3 หมื่นล้านบาท โดยการจัดเก็บภาษีต่ำกว่าเป้าเกือบทุกตัว อาทิ ภาษีเหล้า เบียร์ บุหรี่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ อย่างไรก็ตามยอดการจัดเก็บในรอบ 6 เดือนล่าสุด ยังคงสูงกว่าเป้า         นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวยอมรับว่ามีนาคมเป็นอีกเดือนหนึ่งที่จัดเก็บรายได้      ต่ำกว่าประมาณการคาดว่าจะต่ำกว่าเป้า 2-3 พันล้านบาท จากประมาณการที่วางไว้ 79,545 ล้านบาท สาเหตุมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้า นิติบุคคลที่ยังเก็บได้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และผลจากการสำแดงราคาต่ำ ทั้งนี้เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่ารายได้ของกรมในปีนี้จะไม่สูงนักแต่รัฐก็จะสามารถนำรายได้จากการนำส่งของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจมาทดแทนแนวหน้า  ผู้จัดการรายวัน  27  มีนาคม  2550
คำสำคัญ (Tags): #ภาวะเศรษฐกิจ
หมายเลขบันทึก: 86839เขียนเมื่อ 27 มีนาคม 2007 15:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท