คนแบบ Newtonian vs Bohmian


โลกร้อนขึ้น นำมาซึ่ง ภัยพิบัติต่างๆ ที่คาดไม่ถึง

คนแบบ Newtonian (มาจาก Sir Isaac Newton  )

  • เป็นคนที่มาจาก แนวคิด Mass productuion ในยุคอุตสาหกรรม
  • ชอบคิดแบบ แยกส่วน   คิดแบบ  นี่ ดำ นั้นขาว  แบบ สองสุดโต่ง  แบบพวกเราพวกเขา  ฯลฯ
  • ชอบมองการบริหารแบบ Jigsaw หรือ แบบ ชิ้นส่วนที่ต้องเอามาต่อกัน  เน้น  การบริหารแบบแบ่ง Job description    ทำเท่าที่ได้รับการกำหนดมา
  • รักเครื่องจักรมากกว่าคน   ประเมินผลว่า เครื่องจักรเป็นอย่างไร แล้ว เพ่งโทษคนที่เฝ้าเครื่องจักร    
  • รัก ความสำเร็จองค์กรมากกว่ารักคน  ประเมินผล ไม่ว่าจะด้วย ISO / KPI & BSC / KM     เพื่อหา คนผิด   หรือ ที่แย่มากๆ เอา กิเลสไปล่อถ้า ใครก็ตาม  ทำผลงานได้ดี (กิเลส เช่น เงินเดือน ตำแหน่ง   ฯลฯ  โดยหารู้ไม่ว่านี่แหละคือ   ลาภ ยศ สรรเสริญ )
  • ให้รางวัล คนที่ รักเครื่องจักร รักการทำงานตามกฎ   แต่ ไม่เห็นความสำคัญของคน ที่  สร้าง "ใจ" ให้คนในองค์กร  (สร้างทุนทางภาคี ทุนทางปัญญา ทุนทางใจ)    เน้น ให้ รางวัล คนที่ สร้างทุนทางการเงิน
  •  ชอบการบริหาร ที่ชัดๆ  แยกแยะ  นี่นาย นั่นลูกน้อง 
  • ฉลาด ลึก ๆ แต่ โง่กว้างขวาง ......  ระบบการศึกษาไทย สร้างมาแบบนั้น เช่น  จะเป็นวิศวกร   ไม่ต้อง สนใจ  วิชาอื่น  เอาแต่ จะ ENtrance เท่านั้น  ตัดวิชา  ชีววิทยาออกไป วิชาความเป็นคน วิชาค้นหาตนเอง ฯลฯ ออกไป    จึงเป็นวิศวกร ที่ ขาด "ใจ" มีแต่ ความแข็ง    รักษาสมดุล  "คน และ เครื่องจักร" ไม่ได้
  • มองการทำงาน  เป็นแค่  ตำแหน่ง ลาภ สรรเสริญ สุขแบบโลกๆ   เอาแค่เกษีษณแบบมีเงิน บ้าน ลูกเรียนสูงๆ   แต่ ไม่ได้เฉลียวใจ ว่า  ผลงานที่ทิ้งไว้ในโลกนี้  ทำลายทรัพยากร สร้างภาวะโลกร้อน   ทำลายน้ำใจของผู้คนมากมาย
  • คนที่มีเหตุผล คือ คนที่คิดตรงกับตนเอง  เท่านั้น
  • ฯลฯ

คนแบบ Bohmian  (มาจาก David Bohm หรือ เรียกว่า พวกแนว Ecology) คือ

  • คนที่มองแบบองค์รวม (Holistic)   มองเห็นสิ่งต่างๆ เป็นแบบ Electron cloud ที่วิ่งรอบ Nucleus    คือ  หาตำแหน่งชัดๆไมได้  แต่ ใช้หลักทาง "สถิติ ความน่าจะเป็น"  .... ตอบชัดๆไมได้
  • คนแบบนี้ ไม่แบ่งแยกว่า  สมองขวา คือ จินตนาการ  ซ้าย คือ เหตุผล  แต่  มองว่า  ทั้งขวาซ้าย ทำงานประสานกัน  .... รักษา สมดุลย์ ทั้ง ความสำเร็จทางองค์กร  และ สิ่งแวดล้อม
  • ถ้าเป็นแพทย์  ก็ไม่ไช่แค่ ตรวจๆ  แต่ ไม่รักษา "ใจ" คนไข้ พยาบาล และ คนที่เกี่ยวข้อง
  • มองความเกี่ยวพัน ของสิ่งต่างว่า  เกี่ยว กันทั้งโลก   มองแบบ เด็ดดอกหญ้ากระทือนดวงดาว
  • เน้นเรื่องบริหารคน  เพราะ คนนี่แหละ  เป็นสิ่งมีชีวิต ที่ทำลายโลก ได้แรงกว่า สิ่งมีชีวิตอื่น    "มีแต่จะเอาจากโลก  แต่ ไม่ค่อยจะให้อะไรโลก"
  • ฯลฯ

ลองสำรวจว่า เราเป็น คนกลุ่มไหนมากกว่ากัน  ( อย่าพยายามบอกว่า ฉันนี่แหละ Newtonian  ฉันนี่แหละ Bohmian)  เพราะ ตราบใด ที่แบ่ง คนเป็น นั้น เป็นนี่  แสดงว่า  เอียงไปทางเป็น Newtonian

คนเราในแต่ วินาที เปลี่ยนแปลงเสมอ    อยู่กับ ปัจจุบัน    บางที Newtonian บางที Bohmian

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #bohmian#newtonian
หมายเลขบันทึก: 86183เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2007 18:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 09:59 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

สงสัยนิวจะเป็นแบบ  Newtonian  เหอ ๆ

  • ถามคำถาม...แล้วสรุปให้เสร็จเลย
  • แล้ว..ผมเป็นคนแบบไหน..เปลี่ยนทุกเศษเสี้ยวของวินาที..555
บางทีก็ Newtonian บางทีก็ Bohmian บางทีก็ไม่เป็นใครเลยค่ะ.....

ดีใจครับที่ได้เห็นแนวคิดแบบนี้จากอาจารย์ เพราะผมเองเคยไปอบรมมาวิทยากรก็บอกว่ามีหัวหน้า 2 ประเภท เน้นงาน กับ เน้นคน

พวกเน้นงาน มักไม่ให้ความสำคัญกับคน
พวกเน้นคน งานมักจะเสีย

ผมก็ค้านในใจ และสงสัยว่าเราสงสัยจะเป็นเจ้าไม่มีศาลแหงๆ เพราะงานก็ต้องสำเร็จ แต่ให้ความสำคัญกับคนด้วย โดยผมจะยึดทฤษฎีที่มัดผุดมาในหัวว่า

ทฤษฎีตกปลา หรือทฤษฎีเล่นว่าว

หมายความว่า เราจะไม่ยอมปล่อยเบ็ด / เชือกว่าวเป็นอันขาด แต่จะผ่อนสั้น ผ่อนยาว เมื่อได้ทีจึงกระตุกเบ็ด ผลคือเราก็ได้ปลา ส่วนปลาก็ยังได้งับเหยื่อสบายใจทั้ง 2 ฝ่าย

แต่ที่ผมเคยเห็นในองค์กรคือ มักเป็นม้าตีนต้น

เริ่มโครงการแบบเด็กๆ แต่ติดตามงานแบบคนแก่

งานจะสำเร็จได้ต้องเริ่มแบบคนแก่ แล้วเอานิสัยการสนใจแบบเด็กๆ มาใช้ติดตามงาน งานจึงจะสำเร็จ

  • เชื่อฟังอาจารย์ครับ
  • คนเราในแต่ วินาที เปลี่ยนแปลงเสมอ    อยู่กับ ปัจจุบัน    บางที Newtonian บางที Bohmian

ดิฉันเป็นทั้งสองอย่างขึ้นกับเงินบำรุงที่เหลือค่ะ   เวลาไม่มีงบประมาณก็จะstrict    แต่เวลาไม่มีpressure เรื่องงบประมาณก็จะพยายามดูแลเจ้าหน้าที่มากขึ้นค่ะ   

คุณอัจฉณา  จ๊าบจริงๆ....  ผมขอ  ผงกหัว ว่า   "เออใช่ "

คุณข้ามสีทันดร   ยกตัวอย่าง  ผ่อนเบ็ด  นี่ยอดเลยครับ   

    อาจารย์ครับ ถ้าคนแบบ Newtonian และ Bohmian อยู่ในองค์กรเดียวกันคงวุ่นวายน่าดูเชียวนะครับ "อุปมาเหมือนมีชาวสวนอยู่ 2 คนในสวนเดียวกัน" คนหนึ่งอยากปลูกพืชยืนต้น ( Bohmian ) ถึงจะได้ผลผลิตช้า แต่ยั่งยืนเมื่อเริ่มเก็บผลผลิตได้ แถมยังอบอุ่นไปด้วยร่มเงา อีกคนอยากทำผักสวนครัว ( Mewtonian )เพราะได้ผลเร็วดี ถึงจะเหนื่อยตลอดเวลา และไม่ยั่งยืนก็ตาม

     คนในสวนคงงงนะครับ อีกคนหนึ่งปลูกไม้ใหญ่ อีกคนตัดออกเพื่อปลูกผัก ทั้งคู่มีเหตุผล ถ้าคุยกันดีๆทำไร่นาสวนผสม คงอบอุ่นไม่เบาเชียวนะครับอาจารย์

อืม  ใช่เลย

ไร่นาสวนผสม  เกษตรปราณีต

รั้ว ผักสวนครัว

ตรงกลาง  ไม้ยางนา   สักทอง

แบบเศรษฐกิจพอเพียง ครับ

สวัสดีครับ อาจารย์วรภัทร์

         ขอรบกวนเวลาอาจารย์ช่วยชี้ 'วิธีคิด' ของคนที่เสนอแบบจำลอง 'คนแบบ Newtonian' และ 'คนแบบ Bohmian' ด้วยครับ ว่าวิธีคิดดังกล่าวมีฐาน (สมมติฐาน/หลักฐาน) มาจากอะไร?

         อาจชี้แหล่งข้อมูลให้ผม และผู้ที่สนใจไปเจาะลึกต่อก็ได้ครับ เพราะผมกำลังเกรงว่า ตัวเองกำลังจะเข้าใจประเด็นผิดเพี้ยนไป เนื่องจากบันทึกนี้มีลักษณะชี้นำพอสมควรครับ

ขอบคุณครับ

อ่านแล้วต้องระวังตัวเองครับ ผมชอบครับ คำว่าระวังตัวไม่ใช่ทำอะไรก็กลัวไปหมดนะครับ แต่หมายถึงมีสติครับ อ่านแล้วดูเหมือนท่านเชียร์ให้เป็นแบบโบฮ์เมียน ใช่ไหมครับ  ก็เห็นด้วย 80 เปอร์เซนต์ครับ

อาจารย์มั่วปะ เดวิด โบห์ม เขาไม่นิยมทฤษฎีควอนตัมกระแสหลักนะ เขาคิดว่าอิเลกตรอน หาตำแหน่งแน่นอนได้นะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท