BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

blogger เป็น พระ ! คิดอย่างไร ? ขอความเห็น....เจริญพร


blogger

ผู้เขียนใช้โกทูโนมาก็ ๓-๔ เดือนแล้ว เขียนสิ่งต่างๆ ที่อยากจะเขียน...พอเขียนไปได้พักหนึ่ง นายบอน กาฬสินธุ์ ก็แนะนำเป็นครั้งแรกใน คุยกับพระ เข้าใกล้วัด สื่อผ่านทาง blog ...

เมื่อวานนี้ คุณมะปรางเปรี้ยว ก็แนะนำอีกใน  แนะนำ Blogger ที่เขียนบันทึกได้น่าสนใจ ....

จึงใคร่จะถามว่า เพื่อนสมาชิกในโกทูโน มีความคิดเห็นอย่างไรในกรณีที่บล็อกเกอร์เป็นพระซึ่งเปิดเผยตัวเอง ....(ส่วนที่ไม่เปิดเผยตัวเอง ถ้ามีความเห็นก็เพิ่มอีกประเด็นหนึ่ง)

อนึ่ง ผู้เขียนฝันว่า ความเห็นต่างๆ ที่เพื่อนสมาชิกโกทูโน จะมีให้ต่อไปนั้น จะเป็นข้อมูลเพื่อใช้ในงานวิจัยบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ในอนาคต

เจริญพร

คำสำคัญ (Tags): #blogger
หมายเลขบันทึก: 85262เขียนเมื่อ 20 มีนาคม 2007 18:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:51 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (62)

blogger เป็นพระและเปิดเผยตัวผมคิดว่าดีครับ (ถ้าไม่เขียนเรื่องหรือ comment จีบสาวอะนะครับ)

P

ถ้าจีบสาว ไม่ต้องเปิดเผยอย่างนี้ ใช่มั้ย ? (..........)

เจริญพร

G2K ควรเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในทางธรรมด้วย  และที่พระอาจารย์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในนี้สุดยอดแล้วครับ

นมัสการครับ....

ดิฉันเห็นว่าเป็นการดีค่ะ เพราะทุกวันนี้การสนทนาธรรมกับพระ เป็นเรื่องที่กระทำได้ยากสำหรับคนทำงานทั่วไปที่สนใจ แต่ไม่มีเวลา แถมบางครั้งมีข่าวเกี่ยวกับพระที่ไม่ดี ที่ทำให้คนทั่วไปที่สนใจในธรรม ไม่สนใจเข้าวัดไปสนทนาธรรมอีกค่ะ

ดังนั้นการที่มีพระที่เปิดเผยตัว มาเทศนาธรรม และอธิบายธรรม ซึ่งเป็นปรมัตถ์ ให้อ่านกันโดยสะดวกนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีๆ มากค่ะ ดิฉันก็ติดตามอ่านบันทึกของท่านอยู่เหมือนกันค่ะ ทั้งๆ ที่เพิ่งเป็นสมาชิก G2K ได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์เลยค่ะ

กราบนมัสการค่ะ

ผมเห็นว่าดีครับ การเสนอมุมมองธรรมมะโดยมุมมองของพระ ย่อมเป็นมุมมองที่แท้จริง...

การแลกเปลี่ยนมุมมองในเรื่องต่าง ๆ โดยพระย่อมได้แง่คิดที่แตกต่างครับ...

การมี blogger เป็นพระย่อมทำให้ฆราวาสใกล้ชิดกับธรรมะมากขึ้น...

ผมเข้ามาอ่านอยู่บ่อย ๆ ครับ แต่ไม่ค่อยได้แสดงความคิดเห็นครับ เนื่องจากเกรงจะใช้คำไม่ถูกต้องครับ....

ดิฉันก็เข้ามาอ่านอยู่บ่อยๆนะคะ ...เพราะล้วนเป็นเรื่องที่น่าสนใจ...และเห็นดีด้วยค่ะที่สังคมจะต้องมีคนที่หลากหลาย...เพื่อการเรียนรู้...ทั้งแนวกว้างและแนวลึก..

ขอขอบพระคุณพระคุณเจ้ามากๆค่ะ..ที่สละเวลาเขียนเรื่องดีๆให้อ่านอย่างสม่ำเสมอ....

และจะติดตามต่อไปค่ะ...

 ดิฉันก็เห็นว่าดีค่ะ เพราะจะได้อ่านหลายๆมุมมอง บางทีดิฉันก็ไม่ห็นด้วยนัก ในบางเรื่อง เพราะแต่ละเรื่องมีประเด็นปลีกย่อย แตกออกไปอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องโหราศาสตร์ที่ท่านเขียน บางคนอ่านแล้ว จะขมวดคิ้วนิดหน่อยค่ะ แต่บอกเขาว่าท่านไม่ได้เจาะลึก เป็นเพียงภาพกว้างๆ นอกนั้น ก็ดีมากค่ะ
  • กราบนมัสการหลวงพี่ครับ
  • เป็นการดีแล้วครับ ผมคิดว่าเป็นการแสดงตัวน่าจะดีที่สุด เพราะมีความจริงใจตรงไปตรงมา สำหรับที่ไม่เปิดเผยก็เป็นสิทธิของท่าน ไม่มีความเห็นครับ
  • ผมมองว่าปกติแล้วคนมักจะเข้าวัดกันตอนที่สูงอายุ ถึงจะได้พูดกับพระท่าน ผมเองนี่น้อยมากครับ ที่จะได้เข้าวัด (ขอโทษด้วยครับสำหรับ ท่านที่เข้าวัดเป็นประจำ)
  • ในสังคมตอนนี้ มีความจำเป็นต้องบูรณาการทางความคิดหลาย ๆมุมมอง มารวมกันเพื่อให้มองวัตถุนั้นชัดเจนที่สุด
  • ทรงกลมมองจากมุมต่างๆ ก็ได้แนวทางต่างๆ กัน หากทรงกลมไม่มีแสง เราจะเห็นทรงกลมแค่เป็นวงกลมเท่านั้น เมื่อมีแสงกระทบทรงกลม มองต่างมุมก็ต่างสิ่งที่เห็น อันนี้พิสูจน์ได้ชัดเจนครับ ดังนั้น มีลูกบอลที่ส่องไฟลงมากระทบลูกบอล  พระหรือนักบวชมอง หนึ่งมุม  คนธรรมดามองหนึ่งมุม  นักวิชาการมองหนึ่งมุม หรือกลุ่มอื่นๆ มองอีกมุม แล้วเอาสิ่งที่เห็นมาบูรณาการเข้าหากัน
  • เราจะได้ลูกบอลที่สมบูรณ์มากขึ้น
  • ดังนั้น ทุกประเด็นที่ได้รับการบันทึกไว้ที่นี่ ทุกคนก็ควรจะมีสิทธิ์มองและถ่ายทอดออกมาครับ
  • และเหตุผลที่ถ่ายทอดออกมาจะเป็นที่ประจักษ์เองครับ ว่าส่วนไหนคือยั่งยืนแท้จริง
  • กราบขอบพระคุณมากครับ

จะเปิดเผยตัว ไม่เปิดเผยตัว ไม่จีบสาวก็ดีกว่าครับ :-)

(อันนี้น่าจะรวมไปถึงคนมีลูกมีภริยา มีแฟนแล้วด้วย)

ส่วนใครยังไม่มีก็ว่ากันไป :-P 

P

น้องวีร์ (ดูรูปน่าอายุยังน้อย 555) แซวตลอดเลยนะ...........

เจริญพร

กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ

       ที่ผ่านๆมาในช่วงนี้ทำหน้าที่เป็นผู้อ่านซะเป็นส่วนใหญ่

คนอ่านblogไงคะ555  ไม่เห็นจะเป็นไรนี่คะเพราะถือเป็นเรื่องของความรู้    กลับดีมากด้วยซ้ำที่ทำให้คนที่ไกลวัดไกลพระได้มีโอกาสสนทนาธรรม

       ส่วนงานเขียนก็ชอบอ่านคือเรื่องโหราศาสตร์นะคะ  เรื่องอื่นๆก็อ่านเพราะคนเราก็คงมีเรื่องที่สนใจแตกต่างกันออกไป  บางคนเคยเจอกับเรื่องที่อธิบายไม่ได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์  ก็อาจทำให้อยากหาคำอธิบายหรือศาสตร์แขนงอื่นมาอธิบายแทน  อะไรอย่างนั้น  เขียนต่อค่ะเขียนต่อไปค่ะ
  • กราบนมัสการพระคุณเจ้า...
  • ในช่วงแรกก็รู้สึกกลัวการเข้ามาตอบเหมือนกันค่ะ
  • แต่อย่างที่คุณบอนแนะนำว่าเหมือนเรามีวัดอยู่ที่นี่
  • พระคุณเจ้าได้อธิบายธรรมะแบบง่าย
  • แต่ที่ชอบติดตามอ่านคือเรื่องปรัชญาและโหราศาสตร์ค่ะ  เพราะสนใจเรื่องนี้อยุ่แล้ว  พระคุณเจ้าอธิบายได้เข้าใจง่าย...
  • ที่ำสำคัญพระคุณเจ้าเข้ามาตอบในบางครั้งทำให้ช่องว่างระหว่างพระกับพวกเราลดลงค่ะ
  • รู้สึกกล้าที่จะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้มากขึ้น
P

เคยฟังผู้รู้ท่านหนึ่งบรรยาย ให้ความเห็นเกี่ยวกับมุมมองของชาวบ้านเกี่ยวกับพระ ๓ นัย

๑. พระคือลูกชาวบ้าน คนธรรมดา

๒. พระคือเทวดาสมมุติ ควรแก่การบูชา

๓. พระคือกาฝากสังคม บริโภคอย่างเดียวไม่ผลิต

ท่านให้ความเห็นว่า ๓ นัยนี้ ควรมองเป็นนัยแรกซึ่งอาจมีทั้งบวกและลบ ส่วนอีกสองนัยที่เหลือเป็นแต่บวกหรือลบฝ่ายเดียว... 

เจริญพร

พอพบว่าใน โกว-ทู-โนว มีพระมหาเปรียญ มีความรู้.บาลีสันสกฤตดีมาก ก็ดีใจ เพราะตัวเองไม่รู้ภาษาบาลี-สันสกฤตอันเป็นที่มาของคำจำนวนมากในภาษาไทย (ชื่อผมหรือชื่อคนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาบาลี-สันสกฤต) การมีผู้รู้ช่วยตอบคำถาม-ให้ความกระจ่างถึงรากหรือที่มาของคำ ที่มีผู้คิดขึ้น บัญญัติขึ้น ช่วยได้มากครับ (แม้ว่าความหมายของคำบางคำจะไม่ตรงกับ "ราก" หรือที่มาของมันแล้วก็ตาม) ที่ผ่านมา ถามทุกครั้งท่านก็ตอบทุกครั้ง อย่างตั้งใจ บางครั้งก็ไปค้นคว้ามาตอบด้วย ประทับใจจริงๆ ครับ คงจะขอความกรุณาจากท่านต่อไปเรื่อยๆ ครับ

  • ดีมากครับ ผมจะได้ศึกษาธรรมะไปด้วย
  • ขณะนี้ก็กำลังศึกษา
  • นำไปใช้
  • นำไปสอน
  • นำไปปฏิบัติ
  • นำไปสู่ความสุขและสันติ
  • กราบอนุโมทนา กับหลวงพี่ด้วยนะครับ
  • กราบนมัสการมาด้วยความเคารพ
P

ติดตามบันทึกของครูอยู่ ครับ...

พระมหาสมณเจ้า กรมพระวชิรญาณวโรรส ฯ นิพนธ์ไว้ทำนองว่า..

ผู้ศึกษาพระศาสนาจำแนกได้เป็น ๓ กลุ่ม คือ

๑. นิทานตำนาน... กลุ่มนี้สนใจแนววรรณคดี ประวัติศาสตร์...

๒. อิทธิปาฏิหาร... กลุ่มนี้สนใจ ฤทธิ์ เหาะเหิรเดินอากาศ หายตัวได้...

๓. ธรรมล้วน... กลุ่มนี้สนใจหลักธรรม คติชีวิต ปรัชญา..

ก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ว่า ครูสนใจไปทางใดครับ

เจริญพร 

ถ้าหากพระอาจารย์(ผมใช้คำนี้ถูกหรือเปล่าครับ?) จะทำวิจัย ผมยินกรอกฟอร์มให้นะครับ :-)
P

ยังไม่เจอความเห็นอื่นๆ เลย โดยมากก็เห็นด้วย 

ยกเว้นน้องวีร์ที่ว่า อย่าจีบสาว (555)

ที่ตั้งประเด็นคำถาม เพราะเพื่อนสมาชิกในโกทูโนหลายท่าน ออกมาเปิดใจในการใช้โกทูโน หลวงพี่ก็เลยขอความคิดเห็น...

กำลังมองถึงอนาคต ว่าต่อไป สถาบันศาสนาในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมจะเป็นอย่างไร ?

ยี่สิบกว่าปีที่ใช้ชีวิตมาในวัด เปลี่ยนแปลงเร็วเหลือเกิน โดยเฉพาะ สิบปีหลังมานี้(คอม) และเฉพาะอย่างยิ่งห้าปีสุดท้าย(มือถือ)...

สมัยก่อน พระจะรู้เรื่องทั่วๆ ไป เหมือนๆ ชาวบ้าน และรู้เรื่องธรรมะ หรือคติชีวิต สูงกว่าชาวบ้านทั่วไป...

เดียวนี้เปลี่ยนไปแล้ว...

ตอนนี้เริ่มมีกระแส สังคมศาสนาสำหรับชาวบ้าน นั่นคือ ไม่จำเป็นต้องอาศัยพระสงฆ์

มีที่ดินว่างๆ ก็รวมมือรวมแรงรวมใจกันซื้อไว้ สร้างอาคาร จัดสถานที่รอบๆ ให้น่ารื่นรมณ์ จ้างคนเฝ้าและดูแลทำความสะอาด สมาชิกก็มาร่วมกิจกรรมทางศาสนา เช่น ทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิ ...เชิญผู้รู้บางคน หรือนิมนต์พระคุณเจ้าที่ศรัทธาเลื่อมใสบางรูปมาบรรยายตามที่เห็นสมควร....

เมืองนอก ศาสนาอื่น เริ่มมีวัดเสมือนแล้ว คล้ายๆ เล่นเกมส์ออนไลน์ นะแหละ....

หลวงพี่คงต้องปรับตัวไปเรื่อยๆ

เจริญพร

สำหรับผม "blogger เป็นพระ" ไม่ต่างกับ blogger เป็นชาย เป็นหญิง เป็นสมณเพศครับ; blogger เป็นผู้แสวงหา เป็นผู้ที่ต้องการพัฒนาตนไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิม จึงแสดงความคิดเห็น-มุมมองของตนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้

"พระเป็น blogger" ได้ไหม -- อันนี้คงต้องดูที่เจตนามั๊งครับว่าทำเพื่ออะไร (หากว่าพระอาจารย์ยังกังวลกับ "น้ำคือบ่อเกิดของชีวิต")

ผมสวดปาฏิโมกข์ไม่ได้ และเข้าใจเพียงบางส่วนเฉพาะตอนต้นๆ แต่อนุมานเอาว่าไม่ได้มีพุทธบัญญัติว่าห้ามเขียน  เป็นไปโดยปริยาย เนื่องจากในสมัยพุทธกาลนั้น ที่ศาสนาพราหมณ์แพร่หลายอยู่ในชมพูทวีปนั้น มีการแบ่งชั้นวรรณะ และการเขียน-เรียน (อักษรเทวนากรี และภาษาสันสกฤต) นั้นถูกกำหนดให้เป็นสิทธิเฉพาะสำหรับวรรณะสูงๆ เท่านั้น -- offender gets death penalty -- อาจจะเป็นความง่ายในการปกครอง

แม้การชำระพระไตรปิฎกครั้งแรก ก็ยังเกิดหลังจากเสด็จดับขัณฑปรินิพพานไปสาม(?)ร้อยปี และยังต้องใช้อักขระมคธ(?) กับภาษาบาลี

หากพุทธวินัยห้ามพระเขียนหนังสือ พระคงเขียนบล๊อกไม่ได้เช่นกันมั๊งครับ

P

อาตมาก็สวดปาฏิโมกข์ได้ (อวดตัวหน่อย...) เรียนจำตอนบวชได้พรรษาสอง.. แต่ตอนนี้ไม่ได้สวดมาปีกว่าแล้ว...

เมื่อตะกี้นึกถึงคำของเพื่อนได้ว่า พวกเขียนหนังสือคือพวกที่ทำไม่ได้ หรือไม่มีโอกาสทำ  ...

อันที่จริง ก็ไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าจะเป็นนักเขียนหรือนักวิชาการวิชาเกินกับเค้า ...

แต่เป็น นักแสวงหา ตามคุณโยมว่าคงจะถูกต้อง ฤาษีแปลว่า นักแสวงหา

ตั้งแต่เกิดมาใจของอาตมาแสวงหาบางอย่าง พยายามจะให้ ทะลุ สิ่งนั้น แต่ก็ไม่ทะลุ ผ่านรูปแบบและค้นหามาเยอะ ก็ยังเหมือนเดิม

เคยให้ความหมายเล่นๆ กับเพื่อนว่า

มนุษย์ คือ ผู้แสวงหาที่ปราศจากคำตอบสุดท้าย 

เจริญพร

 

 

ผมเห็นด้วยครับ จริงๆ ที่นี่ก็เหมือนสังคมหนึ่งซึ่งก็มีคนหลายหลาก ที่สำคัญคือไม่ใช่สังคมที่อโคจร

สิ่งที่ท่านเขียน ผมก็คิดว่ามีประโยชน์ครับ ด้านการเขียนในบล็อกผู้อื่นนั้น ท่านก็เลือกตามที่ท่านเห็นว่าเหมาะสมครับ 

ประเด็นที่ผมเห็นว่าสำคัญคือ ในการเขียนจะต้องระวังมากๆ กว่าฆราวาส  เพราะสิ่งที่เขียนไปแล้ว คนอาจไปตีความแตกต่างกันไปได้ นี่อาจเป็นข้อจำกัดสำหรับท่าน แต่สำหรับผมเท่าที่ผมอ่านมา ท่านเขียนและวางตัวได้น่านับถือครับ

P

คุณหมอ..

ก็ต้องเป็นแบบอย่างให้ลูกศิษย์ด้วย ว่าควรจะแสดงออกอย่างไร ระดับไหน...

อันที่จริง โดยส่วนตัวแล้วความคิดความเห็นสุดๆ ยังไม่ได้ออกมา ครับ (...........)

เจริญพร 

กระผมไม่มีคำพูดใดจะกล่าว...

 

หากพระอาจารย์ไม่เข้ามาเปิดเผยตัวจริงในบล็อก...ไฉนเลยจะได้ใจกระผมไปครอบครอง....55555

ด้วยความเคารพ ถ้าพระคุณเจ้าจะใช้สรรพนาม อาตมา และคุณโยม จะดูไม่สับสน( แต่ดูจะห่างกันไปหน่อย ไม่ค่อยจะกันเอง ดูออกจะเกร็งด้วยซ้ำ )  แต่ผมก็ติดตามงานของพระคุณเจ้าตลอดมาและตลอดไปครับ ท่านเข้ามาถูกที่แล้วล่ะครับ ชุมชนหนึ่งต้องมีวัดประจำ ชุมชนโกทูโนวจะมีวัดไว้ประจำสำหรับสนทนาธรรมะ ชำระใจ ไม่น่าจะผิด 
ไม่มีรูป
นายวรชัย หลักคำ
เจริญพร

สวัสดีค่ะ

รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ทำไมถึงแปลก คงเหมือนเวลาพบเห็นพระออกมาหาซื้อ Software ที่ห้างฯล่ะมั้งคะ ไม่ค่อยคุ้นเคย เพราะมักจะพบเห็นที่วัด

แต่เห็นสมาชิก G2K แสดงความเห็นในเชิงดี ดีมาก ดีมากครับ/ค่ะ งั้นคนที่แปลกสงสัยจะเป็น IS เอง

^___^

แปลกในแง่ที่ได้เจอบันทึกของพระ แต่ดีในแง่ได้ความรู้จากพระโดยตรงเลย ... ใช้คำพูดกับพระไม่เป็น เลยกลัวๆ ไม่ออกความเห็น แต่ก็ตามอ่านนะคะ

blog ก็ใช้เป็น วัดเสมือน ได้มังครับ?
P
IS

พระ-เณรไปซื้อ Software อาจค่อนข้างแปลก เมื่อเห็นครั้งแรกๆ แต่ถ้าเจอบ่อยๆ ก็คงจะเป็นเรื่องธรรมดา...ส่วนจะมีข้อคิดเห็นไปเชิงลบหรือเชิงบวกก็ขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนตัวของแต่ละคน..

คุณโยม IS  อาจไม่รู้ ในวัดตั้งแต่โบราณมา พระเก่งๆ หลายๆ ด้าน มีไม่ขาดสาย  ในสมัยก่อนบางรูปเป็นช่างต่อเรือ ช่างไม้ แพทย์ (แผนโบราณ)... ต่อมา บางรูปเป็นช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ วิทยุ โทรทัศน์... เดียวนี้ ก็เริ่มมีโปรแกมเมอร์ เวบมาเตอร์ บล็อกเกอร์...

ท่านเหล่านี้บางรูปเก่งไม่ธรรมดา ถ้าลาสิกขาไปสามารถประกอบอาชีพได้เลย แต่ก็ช่วยงานวัดหรือศาสนาโดยไม่มีค่าจ้าง... 

แต่ (สำหรับบางรูป) ถ้าแปลงกายไปนั่งคาเฟ่ เชียร์ลิเก ชมคอนเสริต...ก็อาจไม่แปลกเพราะมีข่าวอยู่...แต่ผิดแน่นอนชัดเจน (.......)

........

P

ก็ต้องให้ความหมายคำว่า วัดเสมือน เป็นอย่างไร ?

วัดเสมือน ตามที่หลวงพี่เล่ามานั้น หมายถึง กิจกรรมทางศาสนาในวัดทั่วๆ ไป...ฟังเค้าเล่ามานะ

เมื่อล็อกอินเสร็จก็เลือกชุดที่จะไปวัด แต่งชุดเสร็จแล้วก็เดินเข้าประตูวัด เจอคนโน้นคนนี้ก็ทักทาย ถามสารทุกข์สุขดิบตามมารยาท...เมื่อถึงเวลาก็เข้าไปยังศาลาการเปรียญ ร่วมสวดมนต์ ฟังเทศน์...

สำหรับเมืองไทย ก็คงต้องรออีก ๒๐ ปี ให้เด็กรุ่นอนุบาลยุคนี้ ซึ่งเริ่มรู้จักใช้คอมฯ ตั้งแต่แรกเริ่ม... ต่อไปพวกนี้บางคนเบื่อหน่ายก็อาจมาบวชอยู่วัด ศึกษาธรรมและช่วยกิจการวัดหรือศาสนาไปตามความถนัด ...บางคนอาจมีหน้าที่คุมเซพเวอร์ของวัดนั้นๆ หรือพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ๆ ของวัดนั้น ๆ...

ถ้าเราไม่ตายซะก่อน คืออยู่ไปอีก ๒๐ ปี ได้เจอทำนองนี้แน่..

หลวงพี่คาดหมายเอานะ

เจริญพร

 

นมัสการหลวงพี่ครับ

  • ผมว่าพุทธศาสนาของแบบเถรวาทหรือหินยานของเรา จะค่อยๆถอยห่างจากวิถีชีวิตคนทั่วไปเรื่อยๆ เพราะกฏเกณฑ์ที่เข้มงวด ว่าตามผู้สอนโดยไม่แปรเปลี่ยน อีกไม่นานก็อาจจะเหลือเพียงแค่พิธีกรรมที่ไม่ทราบความเป็นมา คนทั่วไปไม่เข้าใจ อย่างพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเหลือแต่พิธีกรรมในงานศพ
  • การจะดำรงอยู่ของพุทธศาสนาได้ ไม่ใช่การนำไว้บูชาบนหิ้งครับ แต่น่าจะปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตคนทั่วไป
  • พระสงฆ์ผู้สืบทอดศาสนาที่สามารถสอน และนำชีวิตคนได้ ก็ต้องมีความรู้ และตามทันโลก ซึงผมเห็นว่า หลวงพี่กับบทบาทการเป็น blogger ที่เปิดเผยตัว อยู่ในลักษณะเช่นนั้น
  • ผมไม่เคยได้ไปกราบหลวงพี่ถึงวัด
  •  แต่จากการได้ติดตามผลงานและมีโอกาส..สนทนา กับหลวงพี่ใน blog ทำให้ผมเกิดความศรัทธา และรู้สึกใกล้พระมากขึ้น อุ่นใจครับ ยังนิยมชมชอบการเขียนที่แบบสำรวมมีลูกเล่นของหลวงพี่
  • เป็นห่วงอยู่เรื่องเดียวครับ การเข้า blog อาจทำให้เกิดอาการที่หลวงพี่เคยบอกว่า มันฟุ้งกลางดึกตอนโดน blog tag ซึ่งหลวงพี่เองก็ครองสติได้ต่อไป ผมว่านี่เป็นการสอนธรรมะสดๆใน blog เลยครับ
  • ชอบความเห็น มี วัดประจำชุมชน gotoKnow จังครับ ชาวบ้านน่าจะได้เป็นคนเลือกเจ้าอาวาสนะครับ ไม่ใช่ส่งมาจากส่วนกลาง
  • หากผมล่วงเกินหลวงพี่ และพระศาสนาไป ด้วยถ้อยคำที่ไม่สมควร ผมกราบขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ
  • กราบ

กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ

ด้วยความเคารพครับ ผมว่าเรื่องที่พระจะเป็น blogger หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นครับ แต่ประเด็นอยู่ที่พระนั้นบันทึกอะไรลงในบล็อกครับ เพราะว่าถ้าพระไม่สมควรเป็นบล็อกเกอร์ นั่นก็หมายความว่าพระไม่สมควรจะเป็นนักเขียนหนังสือดัวยสิครับ

ในโลกแห่งเทคโนโลยี ทุกอย่างดูเหมือนอยู่แค่ที่ปลายนิ้วสัมผัส ดังนั้นคงไม่แปลกครับที่พระสงฆ์ท่านอาจจะใช้เทคโนโลยีเพื่อเผยแพร่พระธรรม และตอบข้อสงสัยของกุลบุตรกุลธิดาที่มีใจใฝ่ในธรรม แต่ไม่มีโอกาสที่จะไปกราบขอความรู้จากพระคุณเจ้าได้

 

P
P

เช้านี้ เปิดเครื่องขึ้นมาก็เจอคุณโยมทั้งสองเข้ามาเยี่ยม....

ทำให้อาตมาผุดขึ้นมาว่า ปฐมนิเทศน์นิสิตใหม่ปีนี้ ก็จะเขียนหนังสือเรื่อง blogger เป็นพระ นี้แหละพิมพ์เป็นที่ระลึก...(คิดอยู่หลายเดือนแล้วว่าจะพิมพ์เรื่องอะไรดี)

เจริญพร

นมัสการหลวงพี่ครับ

สำหรับผมเองมีความรู้สึกปลาบปลื้มใจมากเชียวครับที่ได้อ่านบันทึกดีๆ จากหลวงพี่มาโดยตลอดครับ ผมเองเหมือนคนไกลวัดเมื่อได้อ่านบันทึกดีๆ จากหลวงพี่ก็รู้สึกใกล้วัดมากยิ่งขึ้น

ผมคิดว่าการที่พระเป็น blogger เป็นเรื่องปกติและเป็นเรื่องของการก้าวไปทันการพัฒนาการของโลกครับ

ในความคิดผม ถ้าพระเป็น blogger ไม่ได้ต่างหากจะเป็นสิ่งที่แปลกครับ เพราะพระมีหน้าที่เผยแพร่พระศาสนาหากพระไม่สามารถใช้เครื่องมือในการสื่อสารของยุคสมัย (current communication medium) ได้แล้วก็ย่อมไม่สามารถทำหน้าที่ของพระได้อย่างเต็มที่ครับ

ที่ GotoKnow เราสร้างเพื่อ "สาระที่มีชีวิต" (live & active knowledge) ดังนั้นย่อมเป็นพื้นที่ที่พระสามารถให้ "สาระแห่งชีวิต" ได้เช่นเดียวกับสื่ออื่นๆ อาทิเช่น ในวิทยุหรือโทรทัศน์แน่นอนครับ

กราบนมัสการพระคุณเจ้าครับ

ผมอาจจะเป็นอดีตศิษย์วัดที่ไม่ค่อยจะมั่นใจว่าใช้คำราชาศัพท์ที่ถูกต้องกับพระอาจารย์หรือไม่  ขอได้โปรดให้อภัยในความไม่ถูกต้อง  หากใช้คำไม่เหมาะสม

ผมเคยบ่นกับตนเองและกับคนรอบข้างบ่อยๆ ว่า  ทำไมพระไม่เปลี่ยนรูปแบบวิธีการเทศนา  ผมว่าวิธีการเทศนาแบบเดิมๆ นั้นอาจจะไม่ทันกาล  ไม่เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป  ผมชอบฟังพระเทศนาโดยใช้การสนทนาธรรมกันระหว่างพระ  2  รูป ซึ่งบางครั้งก็แฝงด้วยมุขตลกบาง  เน้นเสียงหนักบางเบาบาง  ฟังแล้วไม่หลับและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งครับ 

ผมก็อยากให้ทุกๆ วัดเพิ่มการเทศนาแบบนี้เข้าไปบ้าง  เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่หันมาสนใจฟังธรรมะกันบ้าง  ไม่ต้องรอให้หูตึง  สายตายาวก่อนแล้วค่อยเข้าวัด  ....

ผมว่าสังคมกำลังต้องการธรรมะ   กำลังต้องการคำสอน  หลักธรรม  หรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะทำให้สังคมเจริญขึ้น 

เดี๋ยวนี้ก็มีการนำเอาคำสอน  คำเทศนา บทสวดมนต์ของพระอาจารย์ชื่อดังต่างๆ มาเก็บรวบรวมไว้ในอินเตอร์เนต ซึ่งก็สามารถฟังได้บ่อยๆ  แต่ผมเชื่อว่าคงมีคนเพียงบางกลุ่ม (และเป็นกลุ่มเดิมๆ) เท่านั้นที่เข้าไปฟัง  แต่ก็ดีครับ  อย่างน้อยคนที่ไม่ค่อยได้เข้าไปฟังธรรมะถึงในวัดอย่างผม  ก็สามารถรับฟังได้ตามที่ต้องการ  ในเวลาที่ใจสงบพร้อมที่จะฟังธรรมะครับ

สำหรับการเข้ามาทำหน้าที่  Blogger ของพระอาจารย์  และท่านอื่นๆ ผมก็ว่าเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสามารถเผยแพร่หลักคำสอน  และยังสามารถทำให้คนใน gotoknow  สามารถสนทนาธรรม แลกเปลี่ยนเรียนรู้หลักคำสอนต่างๆ ได้ตามที่ต้องการอีกด้วยครับ 

อย่างน้อยก็คงจะะทำให้สังคมเจริญขึ้นครับ 

ผมจะติดตามอ่านต่อไปครับ 

กราบอนุโมทนา  กับพระอาจารย์ครับ

กราบนมัสการด้วยความเคารพครับ 

P
P

ยินดีครับ....

กำลังจะได้หนังสือใหม่อีกเล่มแล้ว...

เจริญพร

นมัสการพระอาจารย์

ผมอาจจะมีความคิดที่ไม่เหมือนคนอื่นเท่าไรนัก แต่ก็เป็นแค่ความฝันที่ล้าหลังพอสมควร

ผมเปรียบเรื่องนี้เหมือน "บ้าน"

ไม่ว่าเราจะไปที่ใหนก็ตาม บ้านเราก็ยังเป็นบ้านเรา ความรู้สึกต่าง  ๆ ที่ผูกพันธ์มาตั้งแต่เกิดยังคงอยู่ และไม่มีที่ใหนแทนได้

ความผูกพันธ์กับบ้านให้ความรู้สึกที่ไม่มีที่ใหนเหมือน แม้ว่าบางทีเราอาจจะทำที่อยู่ใหม่ของเราให้เหมือนบ้านของเรา แต่ยังไงมันก็ไม่เหมือน

เช่นเดียวกัน

ผมยังคงมีความคิดที่ว่า "วัด " ยังไงก็เป็นวัด

และวัดจะเป็นที่เดียวที่พระสงฆ์จำวัดอยู่และ เป็นศูนย์รวมของความดีต่าง ๆ ของความถูกต้อง

พระสงฆ์คือผู้ที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอย่างยิ่งยวด และนั่นเป็นสิ่งที่สืบทอดศาสนา(ในความคิดผม) ไม่ใช่แค่การให้มีพระสงฆ์ต่อ ไม่ใช่แค่การให้มีคนได้บวช ไม่ใช่แค่ การมีพิธีกรรมต่าง ๆ

ท้ายที่สุด ผมก็ไม่อยากให้ พระอรหันต์ เป็นเพียงแค่ตำนาน

ไม่ว่าสังคมจะก้าวไปถึงใหนก็ตาม

ผมอยากให้วัด เป็นที่ที่เดียวที่เป็นแบบแผนเดิมของตัวเองไว้

ว่าแล้วผมก็ตื่น!!!(เพราะที่ผมเล่ามาอาจจะเป็นความฝัน)

นมัสการพระคุณเจ้า  BM.chaiwut

  • ครูอ้อยเห็นด้วยกับการที่พระคุณเจ้าเป็น blogger  ที่เขียนบันทึกในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
  • พระคุณเจ้าเคยเข้ามาทักทาย  และแสดงความคิดเห็นในบันึกของครูอ้อยบ่อยไปค่ะ
  • และครูอ้อยก็อ่านบันทึกของพระคุณเจ้าก็บ่อยมาก
  • ความรู้สึกที่ได้คือ  ความใกล้ชิด  ทำให้รู้สึกว่า  ครูอ้อยและหลายๆท่าน ณ ที่นี้ได้เรียนรู้ในรสพระธรรม  คำสั่งสอนไปด้วยค่ะ

กราบนมัสการมาด้วยความเคารพ

P

สงสัยหลวงพี่จะถามไม่ตรงคำตอบ (...........)

ตามที่เล่ามาเป็น อุดมคติ ซึ่งจะเป็นจริงได้เมื่อเราไปถึงยังจุดนั้น..

ถ้าเราเพียรพยายามเพื่อเข้าใกล้อุดมคติ ก็จะเป็น ความใฝ่ผัน ...

แต่ถ้าเราห่างเหิรจากอุดมคติ ก็จะเป็น ความเฟ้อฝัน ...

ความอยากจะให้เป็น ของคุณอุทัย ต้องกระทำเอง ถ้าเป็นเพียงต้องการจะให้สิ่งอื่น (นอกจากตัวเอง) เป็นอย่างนั้นๆ ก็จะบ่งบอกถึง.......... 

หลวงพี่เชื่อว่า พระอรหันต์ แม้ปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ แต่ก็เป็นเพียงความเชื่อส่วนตัว

เจริญพร

P

ตอนที่ครูบอกว่าจะเลิกเขียนก็รู้สึกเหมือนกันว่ามีบางอย่างจะหายไปอีกแล้ว....

อ่านบันทึกของครูจะบอกถึงความเป็นผู้อารมณ์เย็นและใจดี...

อาตมามักจะมีความรู้สึกบางอย่างที่สัมผัสได้จากตัวอักษร (ซึ่งอาจเป็นความหลงหรือสำคัญไปเอง) ว่าคนนี้ๆๆ ทิฎฐิจัด มีเมตตา ใจดี คุยโว ถ่อมตน....

เจริญพร 

หลวงพี่ครับ

ผมอ่านพบว่าหลายๆ ครั้งที่หลวงพี่เขียนมีคำว่า "ครับ"  รู้สึกแปลกๆ เพราะไม่ค่อยได้ยินคำนี้จากพระเท่าไร  เท่าที่ทราบจะเป็นคำพูดที่พระใช้ระหว่างพระกับพระด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ

เรียนถาม ด้วยความเคารพครับ

P

คิดแล้วว่า อาจมีผู้ทักท้วงเรื่องนี้...

ถ้าคุณหมอสังเกต คำว่า "ครับ" ที่อาตมาใช้ มักจะใช้กับผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งแสดงความอ่อนน้อมนิดหน่อย...

อันที่จริงก็ไม่ค่อยถูกตามหลักการ (ภาคกลาง) เค้าว่าให้ใช้ จ๊ะ หรือ จ้า หรือ เจริญพร...

เวลาอยู่ที่วัด เมื่อมีญาติโยมที่เป็นเพื่อนรุ่นน้องโทรมา ซึ่งพูดภาษากลาง พออาตมาใช้ จ้า ๆ ... พระ-เณรที่อยู่ใกล้ๆ จะรู้สึกแปลกๆ ไม่คุ้นเคย (....)

แต่ คุณหมอสังเกตไหม พระบางรูป คำหนึ่งก็เจริญพร สองคำก็เจริญพร... อาตมาว่าค่อนข้างเฝื้อไป

ภาษาพูด ภาษาเขียน ภาษาท้องถิ่น ภาษาตามรูปแบบ และการกำหนดความถูกต้อง บางครั้งก็ยากส์

คุณหมอคิดว่า ควรจะใช้อย่างไร ?

เจริญพร

หลวงพี่ครับ ผมชินกับคำว่าเจริญพรครับ  หรือไม่ก็ไม่ต้องใช้คำอะไรก็ได้ครับ เพราะเป็นที่ยอมรับกันว่า พระท่านอยู่ในสถานภาพที่เหนือกว่าฆราวาสแบบเราๆ  แม้ท่านจะอายุน้อยกว่า ท่านก็พูดกับเราโดยใช้ศัพท์เหมือนกับเราเป็นผู้น้อย ซึ่งสำหรับตัวผมเองแล้วรู้สึกคุ้นเคยครับ

นอกจาก blog แล้ว พระเจ้าที่ได้ปัญญาแล้ว น่าจะเปิดชุมชน camfrog ด้วยนะครับ ถามตอบกันสด ๆ

คงจะได้ความรู้มากมาย สงสัยไม่แจ่มชัดก็ซักกันจนรู้เรื่องไปเลย แต่ต้องกำหนดเวลาที่เหมาะสมนะครับ เวลาที่ว่างจากกิจกรรมประจำวัน เช่นตอนกลางคืนต้องจำวัดจะมาเข้าชุมชนไม่ได้ คงเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไปที่วัดหรือแหล่งนำเสนอธรรมะต่าง ๆ เช่น วัดปทุมฯมีหลวงพ่อไปเทศน์เป็นประจำ บางทีอยากไมฟังเทศน์แต่ไปไม่ได้เพราะอยู่ไกล หากออนไลน์ด้วยจะเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งเลย

พระคุณเจ้านะครับ ไม่ใช่ พระเจ้า พิมพ์ผิดไปขอภัย

กราบนมัสการหลวงพี่ครับ

  • จำเป็นอย่างยิ่งเลยครับที่ควรจะมีพระคุณเจ้ามาเขียนแสดงความคิดเห็นมุมของธรรมใน G2K นี้
  • พระคุณเจ้าก็เสนอสิ่งที่ท่านต้องการนำเสนอได้ดีมากๆ และสะท้อนมุมมองในเพื่อน Blog อื่นๆ
  • สังคมเราขากมุมมองด้านศาสนามากครับ มีแต่หลักการ มีแต่ทฤษฎี มีแต่ความเห็นที่คนเราคลุกคลีแต่ทางโลก  ควรที่จะมีความเห็นจากทางธรรมประกอบด้วย  จึงจะเกิดความสมดุลทางความคิดครับ
  • ไม่ใช่เฉพาะทางศาสนาพุทธเท่านั้นนะครับ ศาสนาอื่นๆก็สมควรที่จะมีมุมมองมาเสนอแนะด้วยครับ
  • ถ้าไม่เข้าใจผิด ท่านหลวงพี่ จบ มช.หรือเปล่าครับ ระหัสอะไรครับท่านครับ
  • กราบนมัสการครับ
  • ผมเห็นด้วยกับท่านนายวรเดช 
  • ทางเหนือมีพระคุณเจ้าที่เทศนาแบบขำกลิ้ง ขอประทานโทษครับ บางท่านปัสาวะราดเลยครับ นี่เรื่องจริงที่ผมทำงานชนบทภาคเหนือผ่านพบมาแล้ว
  • พระที่ทำหน้าที่นี้เช่นนี้เรียก "ตุ๊จก" ญาติโยมแห่กันมาแน่นลานวัดเลยครับ
  • บางปีที่มีผ้าป่ามาทอดที่วัด ผู้เป็นเจ้าของผ้าป่าเป็นคนต่างถิ่นยอดเงินทำบุญยังน้อยกว่า "ตุ๊จก" เทศนาแล้วญาติโยมถวายเงินเลยนะครับ
  • ท่านเทศนาตลกด้วยมุมของภาษาถิ่นภาคเหนือ ผสมผสานหลักธรรม อย่างลึกซึ้ง  ผมจากมานานแล้วไม่ทราบว่ายังมีอยู่หรือเปล่า น่าที่จะมีอยู่นะครับ
  • ที่ผมกล่าวถึงนี้ ต้องการสนับสนุนว่าจำเป็นต้องมีพระคุณเจ้าใน G2K อย่างที่ท่านนายวรเดช กล่าวคือ เป็นการเทศนาอย่างหนึ่งในรูปแบบใหม่ G2K หรือ Dhamma on the space นับว่าเป็นการปรับตัว ปรับธรรมให้เข้ากับยุคสมัยครับ
  • กราบนมัสการหลวงพี่ครับ
P

ก็พยายามเสนอความคิดความเห็นทั่วๆ ไป...

แต่บางอย่าง อาตมาก็ไม่ตอบ หรือขี้เกียจตอบ..ถ้าเห็นว่า ใครๆ ก็สามารถค้นหาในโลกอินเตอร์เน็ตได้ไม่ยาก... 

อาตมา จบ ป.โท ปรัชญา มช. ประมาณ ๓ ปีมาแล้ว (จำระหัสไม่ได้แล้ว).. แต่จบ. ป.ตรี ปรัชญา มจร. สิบกว่าปีก่อน...

เจริญพร

พระมหาสุพจน์ สิทฺธิญาโณ

ดีครับท่าน   ผมรู้จักท่านดีนะครับ  ท่านก็คงจะรู้จักผม

ท่านเป็นผู้มีความรู้ดี  ควรจะมาเขียนอะไรดี ๆ  ให้โยม

ได้อ่านกัน  เปิดเผยนี่ดีแล้ว 

ไม่มีรูป
พระมหาสุพจน์ สิทฺธิญาโณ

ตยา วุตฺตวจนํ สาธุ โหติ

อามนฺตา

กราบนมัสการพระคุณเจ้า

ดีค่ะชุมชน G2Kจะได้มีที่พึ่งอันประเสริฐ และรู้สึกใกล้ชิดกับพระพุทธศาสนา

นมัสการพระคุณเจ้า...ติดตามอ่านบันทึกของพระคุณเจ้าเสมอ...แต่ไม่ให้ความเห็น...พระคุณเจ้าเป็นแรงดลใจให้เขียนเรื่องบาป บุญ มุมมองธรรม จากคารวาส เพราะทราบว่าเวลาเขียนเรื่องธรรม...เรื่องวัด...จะมีพระคุณเจ้าคอยมาให้ความเห็น...กราบนมัสการ
P

บ้างครั้งก็อาจทักท้วง บ้างครั้งก็อาจวางเฉย... ซึ่งนอกจากจะความเห็นที่เสนอนั้นๆ ความคุ้นเคยส่วนตัวแล้ว ... บางครั้งก็อาจขึ้นอยู่กับอารมณ์ของอาตมาขณะนั้นด้วย...

อนึ่ง คำว่า คารวาส เขียนผิด... ต้องเขียนว่า ฆราวาส ... 

ฆราวาส ศัพท์นี้ มีความหมายเหมือนกันกับคำว่า คฤหัสถ์ แปลว่า ผู้ครองเรือน หรือ ชาวบ้าน ...

เจริญพร

 

กราบนมัสการ พระคุณ เจ้า

         รู้สึกยินดีครับที่มีท่านพระอาจารย์ เขียน Blog คอยเตือนสติ อยู่เป็นเนืองนิจ  อีกทั้งได้ความรู้ จากหลายๆ ศาสตร์ ด้วยกัน ทั้งศาสตร์ ทางโลก และทางธรรม ครับ การเปิดเภย ตัวจริงของพระ อาจารย์ ก็เป็นการดีทำให้เรา ทราบถึงการมีตัวตนของท่านพระอาจารย์จริง ครับแล้วพระอาจารย์ ก็สบายใจไม่ต้อง ใช้ชื่อแฝง ด้วยสบายใจทั้งผู้อ่าน และผู้เขียน ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท