ประสบการณ์เป็น sellwoman ครั้งแรกในชีวิต ตอนที่ 4


เมื่อวานคิดอุตริ จากขายออนไลน์มาขายหน้าร้าน

เนื่องจากทำการค้าออนไลน์มาได้เกือบปี มีคนดูกว่าสองหมื่นสองพันคน แต่ก็ยังไม่ทันระบายสินค้าในตู้เสื้อผ้าได้ดั่งใจ ประกอบกับความอยากลองของเจ้าของร้านทั้งสองคนกับการขายตรงแบบพบปะลูกค้า ตลาดที่หาง่ายที่สุด ไม่ต้องลงทุนมากคือ ตลาดนัดเปิดท้ายขายของ นั่นเอง นัยว่ามีเสื่อผืนเดียวก็สามารถขายของได้แล้ว

 แต่เราก็ไม่ได้กระจอกขนาดนั้นหรอกน่า...เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วก็เริ่มต้นโดยการรวบรวมสินค้าของเราในสนนราคาไม่เกิน 200 บ. เพราะคิดว่าตลาดนัดไม่น่าขายของแพงเกิน 200 บ. มีไม้แขวนเสื้อ ราวแขวนผ้า โต๊ะอีกนิดหน่อย ผ้าปูโต๊ะ สวยงามและไฟฟ้าในยามค่ำคืน อ้อ..ต้องหาถุงใส่สินค้าด้วยค่ะ จากนั้นก็ต้องไปติดต่อกับเจ้าของที่เช่าล็อก เล่นตัวชะมัดเลย...ต้องมาติดต่อในเวลาเที่ยงตรงเท่านั้น เจ้าของล็อกจะเป็นผู้จัดสรรที่ให้กับเจ้าของร้านที่มาติดต่อโดยมีราคาล็อกวันเสาร์ที่ 80 บ. และวันอาทิตย์ 120 บ. ที่เป็นเช่นนี้เพราะในวันอาทิตย์จะมีคนมาเดินมากกว่าวันเสาร์นั่นเอง เมื่อไปถึงก็พบว่ามีเจ้าของร้านทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มารอกันเต็มแล้ว แม้แดดจะร้อนแต่ก็ไม่ยั่น เจ้าของล็อกขี่ช้อปเปอร์มาดเท่ สวมหมวกเหมือนคาวบอย ดูแล้วเหมือนผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง เดินไปมาพร้อมกับถือกระดาษสองสามพันซึ่งมีตารางล็อกต่าง ๆ กับปากกาเน้นข้อความ เพื่อระบายล็อกที่ร้านต่าง ๆ เข้ามาจอง เราได้รู้จักกับคนขายซีดีร้านหนึ่งที่มีอัธยาศัยดีมาเล่าให้ฟังถึงการขายของเค้า ซึ่งเค้าจะมาขายที่นี่เป็นประจำและเค้าก็สนใจที่จะขายของออนไลน์หลังจากที่เราเล่าให้เค้าฟัง แต่ธุรกิจของเค้าออกจะเสี่ยงไปสักหน่อยกับกฎหมายบ้านเมืองที่กำลังจับเทปผีซีดีเถื่อนอยู่ขณะนี้ จากการคุยอย่างถูกคอทำให้เค้าช่วยเหลือเราไม่น้อยในการจองล็อกกับเจ้าของ เราจองได้ 2 ล็อกในราคา 80 บ. (วันเสาร์) ซอย 3 ซึ่งเจ้าของร้านซีดีเล่าว่าซอยนี้คนมักเดินเข้าบ่อย นั่นก็หมายความว่า พื้นที่ก็มีความสำคัญในการขายสินค้ามากในตลาดนัด เพราะหากพื้นที่ที่อยู่ไกล คนเดินไปไม่ถึงก็มักขายสินค้าไม่ได้

บ่ายแก่ ๆ เราก็เริ่มขนของทั้งหมดในการตั้งร้านมากอง ๆ ๆ แล้วก็จัดร้าน เพิ่งรู้ว่าการจัดร้านเนี่ยก็ต้องอาศัยศิลปะเหมือนกัน จัดอย่างไรให้สินค้าดูเด่น น่าซื้อและลูกค้าสนใจในตัวสินค้า เข้ามาดูเข้ามาชมสินค้า ไม่ง่ายเลย กว่าจะจัดเสร็จก็ปาไปกว่าห้าโมงเย็น ซึ่งมองรอบข้างแล้วเป็นร้านที่ตั้งช้าที่สุด อาจเป้นเพราะประสบการณ์ของเรายังน้อย ร้านด้านข้างทั้งสองทำเป็นอาชีพ เค้าสามารถตั้งหน้าร้านได้เร็วมาก การขายก็เริ่มขึ้น โดยต้องใช้ศิลปะในการพูดเชื้อเชิญลูกค้า การโฆษณาสินค้า ต่าง ๆ นา ๆ เราก็เริ่มขายได้เรื่อย ๆ ยิ่งดึก ยิ่งค่ำก็ยิ่งขายดี เป็นที่น่าสนใจของร้านข้างเคียงเดินเข้ามาแวะเวียนถามว่าเค้าขายอะไรกัน ทำไมคนมุงกันเยอะจัง เป็นการขายที่น่าสนใจและสนุกมาก ในความคิดของเรานะ อาจจะเป็นครั้งแรกด้วย การขายแบบนี้ทำให้รู้สึกว่าได้เงินเพราะเราได้เห็นเงิน เราได้จับเงินนั่นเอง แต่เหนื่อยกว่าการทำหน้าร้านออนไลน์มาก อีกอย่างหนึ่งคือ เราไม่ต้องรอลูกค้าคลิกเข้ามา สามารถใช้ศิลปะการพูดในการเชื้อเชิญลูกค้าได้ทันที สิ่งที่เรา 2 คน คิดว่าเสียเปรียบก็คือเรื่องการต่อรองราคานั่นเอง สินค้าบางชิ้นไม่ได้ต้องการขายในราคาที่ต่ำ แต่คนขายก็อยากขายคนซื้อก็อยากซื้อเลยต้องเลือกกันคนละครึ่งทาง เราก็ต้องลดให้เค้าบ้างนิดหน่อย หากตั้งราคาสูงเกินไป (เพื่อเผื่อลูกค้าต่อ) ในตลาดนัดเปิดท้ายแบบนี้คงจะขายยากพอสมควร เอาเป็นว่าการขายครั้งนี้ก็จบลงไปด้วยดีพอมีกำไรและระบายของเก่าออกไปจากตู้เสื้อผ้าของเราทั้งสองไปได้มาก ได้เงินมาสามพันกว่าบาท ชักเริ่มติดใจแล้วสิ สงสัยคราวหน้าต้องลองใหม่ แต่อีกนานกว่าจะทำได้อีกครั้งหนึ่ง ข้าราชการ 2 คนจะมีเวลาว่างตรงกันได้ เป็นเรื่องยากจริง ๆ

หมายเลขบันทึก: 84925เขียนเมื่อ 18 มีนาคม 2007 20:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ดีมากเลย  ต้องเจอของจริงถึงจะเข้าใจหัวอกคนค้าคนขาย  เข้าใจชีวิต  ถ้าเคยขาดทุนบ้างจะเก่งกว่านี้อีก  เรียกกว่าเจอมาครบเครื่อง อิอิ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท