ช่วงเช้าของวันนี้ (15 มี.ค. 50) เราชาว NUKM (อาจารย์วิบูลย์ ตูน โอ) ได้มีโอกาสนำ KM ไปแนะนำให้กับบุคลากรทั้งส่วนของผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครพิษณุโลก และบุคลากรทางการศึกษาจากบางสถาบันของจังหวัดพิษณุโลกได้เริ่มต้นทำความรู้จักกัน (ซึ่งจริงๆ แล้วมีหลายท่านที่พอจะรู้จัก และเคยได้สัมผัสกับ KM มาบ้างแล้ว)
ที่มาของโครงการนี้เริ่มต้นจากที่คุณหมอสุธี ฮั่นตระกูล (รองนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก) หนึ่งในสมาชิก G2K ที่ได้รับความสนใจจากผู้อ่านเป็นจำนวนมาก ได้ประสานผ่านมาทางท่านอาจารย์มาลินี (เมื่อราวเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา) ว่าทางเทศบาลฯ สนใจนำ KM เข้าไปในองค์กร และคาดว่าจะจัดโครงการได้ในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งท่านอาจารย์มาลินีจะต้องไปอบรม นบม. ในช่วง 2-3 เดือนนี้จึงได้มอบหมายงานนี้ผ่านมาทางดิฉันฝากถึงท่านอาจารย์วิบูลย์ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างเดินทางไปราชการที่ประเทศพม่า ทุกท่านอาจกำลังงงถึงความซับซ้อนในการประสานงานรึเปล่าคะ แต่จริงๆ แล้วไม่ยุ่งอย่างที่คิดค่ะ เพราะที่ มน. ถ้ามีกิจกรรม KM ติดต่อมาจากข้างนอกเรา (หมายถึงสมาชิก NUKM จากแต่ละคณะ/หน่วยงานที่ได้รับการทาบทามก็จะประสานมายัง QAU เพื่อจะได้ทราบและร่วมกันวางแผนและจัดสรรทีมไปทำงานอยู่เสมอตามความเหมาะสมค่ะ)
หลังจากที่คุณหมอสุธีได้ประสานงานในส่วนต้นมาบ้างแล้วจึงได้มอบหมายให้คุณชวลิต จันทร์นฤมล (เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน สังกัดกองแผนงานและวิชาการ) เป็นผู้ประสานงานในส่วนของเทศบาลฯ ในการจัดงานดังกล่าว โดยโจทย์เบื้องต้นของที่ทีมเราจะต้องแก้คือ “การบรรยาย KM” ให้กับ “บุคลากรของเทศบาลจำนวนประมาณ 200 ท่าน“ โดย “ใช้เวลาครึ่งวัน” เพื่อปูพื้น KM ก่อนที่จะคัดเลือกผู้เข้าร่วม 40 ท่าน จาก 200 เพื่อเข้าร่วม KM Workshop ในช่วงต่อไปของโครงการ ทีมของเราแก้โจทย์ดังกล่าวข้างต้นคือ
เราคงจะยืนยันปณิธานที่จะไม่บรรยาย KM แหะๆ ความจริงไม่ใช่ปณิธง ปณิธานอะไรหลอกค่ะ แต่จริงๆ คงเป็นเพราะเราเองไม่สามารถบรรยาย KM ให้คนเข้าใจ KM ได้ เพราะอย่างที่ทราบๆ กันว่าKM ไม่ทำไม่รู้ (จริงมั้ยคะ ...) และที่สำคัญถ้าเราบรรยายคงโดนท่านอาจารย์หมอวิจารณ์แอบค้อนเป็นแน่แท้
จำนวนคน 200 คน ใช้เวลาครึ่งวัน โอ้โห 200 คน ครึ่งวันเนี่ยนะแถมมีเงื่อนไขในการจัดห้องว่าน่าจะต้องจัดเป็น study room แทนการจัดเป็นกลุ่ม เนื่องจากก่อนเริ่มโปรแกรมของเราคุณเปรมฤดี ชามพูนท ท่านนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกได้ให้เกียรติมาเป็นประธานกล่าวเปิดและมอบนโยบายด้าน KM ให้กับบุคลากรที่เข้าร่วมงาน ซึ่งคงไม่เหมาะหากเราจะให้ผู้เข้าร่วมจัดเป็นกลุ่มและนั่งหันหลังฟังท่าน
แต่ทุกอย่างแก้ไขได้ค่ะ ... และที่สำคัญก็จะต้องดีที่สุดด้วยเราจึงนำโปรแกรมที่เราใช้ในมหาวิทยาลัยซึ่งมี 2 โปรแกรม (ซึ่งชาว มน. ตามคณะวิชาต่างๆ จะคุ้นเคยพอสมควร) คือ
1.โปรแกรมครึ่งวัน (เป็นโปรแกรมชุดเล็ก)
2.โปรแกรมวันครึ่ง (ซึ่งเป็น KM Workshop เต็มรูปแบบสำหรับตอนนี้ที่เราทำไว้)
สำหรับครั้งนี้เรานำโปรแกรมแรกมาปรับเล็กน้อยให้เหมาะสมกับจำนวนคนที่มากค่ะ สำหรับเอกสารที่เราได้จัดส่งไปยังทีมงานของเทศบาลเพื่อมอบให้กับผู้เข้าร่วมโครงการได้อ่านก่อนเข้าร่วมโครงการได้แก่
เอกสารประกอบ KM Workshop
หน่วยประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร
***********************************************************************
KM Workshop 1 : PowerPoint handout โดย ผศ.ดร.วิบูลย์ วัฒนาธร (ซึ่งจะปรับทุกครั้งเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ค่ะ)
KM Workshop 2 : แนวทางแห่งความสำเร็จ (ทศปฏิบัติ) เขียนโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
KM Workshop 3 : สกว. กับความเป็นองค์กรเคออร์ดิค (31)เขียนโดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
KM Workshop 4 : เอกสารอ่านก่อนเข้าร่วม KM Workshop
4.1 KM (ภาคปฏิบัติ) วันละคำ : 51. พลังลึกลับ
4.2 วิธีทำ KM ในองค์กรภาครัฐ : 15. เล่นไม่ยากถ้าเริ่มจากความสำเร็จ
4.3 KM (ภาคปฏิบัติ) วันละคำ : 119. บุญของผู้ให้
4.4 การเล่าเรื่อง (Storytelling)
4.5 ภาพรวม Workshop (หลายท่านคงเคยได้เห็นจากบันทึกของท่านอาจารย์วิบูลย์มาบ้างแล้ว)
ดิฉันขอเล่าบรรยากาศเรียงลำดับตามกำหนดการนะคะเราเริ่มพิธีเปิดเวลา 09.00 น. โดยท่านนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้ให้เกียรติกล่าวเปิดงานและพูดคุยกับผู้เข้าร่วมโครงการเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และนโยบายการนำ KM เข้ามาใช้ในเทศบาลนครพิษณุโลก
ต่อจากนั้นเป็นคิวของท่านอาจารย์วิบูลย์ในการเกริ่นนำกระบวนการ แต่เนื่องจากเวลาของเรามีค่อนข้างจำกัดอาจารย์จึงแจ้งกำหนดการให้กับผู้เข้าร่วมโดยแบ่งช่วงเวลาออกเป็น 3 ช่วง คือ
ช่วงที่ 1 ชมวีซีดีเสียงกู่จากครูใหญ่ โดยอาจารย์ได้ตั้งโจทย์ให้กับผู้เข้าร่วมซึ่งนั่งเป็น 4 แถวว่าเมื่อชมวีซีดีชุดนี้แล้วขอให้ช่วยกันตอบโจทย์ 2 ข้อ ดังนี้
1. ได้แรงบันดาลใจอะไรจากการชมวีซีดี
2. ปัจจัยสู่ความสำเร็จของครูใหญ่คืออะไร
ซึ่งเท่าที่ดิฉันสังเกตผู้เข้าร่วมตั้งใจดูวีซีดี และมีการตอบสนองจากการชมเป็นระยะ โดยช่วงนี้เราใช้วิธีเดินไมค์สุ่มผู้เข้าร่วมที่สมัครใจในการตอบโจทย์ที่ได้ตั้งไว้แต่ต้นทีละท่านประมาณ 15 ท่าน ซึ่งในการชมวีซีดีเรื่องเดียวกันเราได้แนวคิดที่หลากหลายและล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ค่ะ
ช่วงที่ 2 ชมวีซีดีเกษตรพิจิตร และโรงพยาบาลบ้านตาก สำหรับวีซีดีชุดนี้ท่านอาจารย์ได้ให้ผู้เข้าร่วมซึ่งมี 4 แถวแบ่งกันโฟกัสกรณีศึกษาโดยแบ่งออกเป็น 2 แถว ต่อ 1 เรื่อง โดยตั้งโจทย์ไว้ 4 ข้อ ดังนี้
1. KM คืออะไร
2. ใช้ KM แล้วได้อะไร
3. ปัจจัยสู่ความสำเร็จขององค์กรที่ได้ชมจากวีซีดีคืออะไร
4. ท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน /องค์กรอย่างไร
หลังจากชมวีซีดีจบเราได้ขอให้ผู้เข้าร่วมหันเก้าอี้เข้าหากันคือ กลุ่มละ 6 คน เพื่อ ลปรร. กันในโจทย์ที่ตั้งไว้และส่งตัวแทนเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว เราได้คำตอบจากเกือบทุกกลุ่ม (เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด) สำหรับคำตอบค่อนข้างหลากหลายในมุมมองของแต่ละท่าน การดำเนินใน 2 ช่วงแรกเป็นไปได้ค่อนข้างเร็วเนื่องจากโจทย์ที่เราตั้งไว้ค่อนข้างชัดเจนและผู้เข้าร่วมได้มีส่วนร่วมกับเราทั้งห้องประชุม
จึงทำให้ท่านอาจารย์วิบูลย์มีเวลาพอสมควรสำหรับช่วงที่ 3 ช่วงสรุปภาพรวมโดยท่านอาจารย์ได้ใช้ PowerPoint ในการสรุปค่ะ ซึ่งตามกำหนดการเราจะมีเวลาถึง 12.30 น. ซึ่งท่านอาจารย์วิบูลย์ก็สามารถทำเวลาได้เป็นอย่างดีและจบก่อนเวลา 10 นาที เพื่อคืนเวลาให้กับผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่านที่ให้ความสนใจในกิจกรรมเป็นอย่างดีและที่สำคัญไม่ลุกหนีไป
ในระหว่างโครงการและหลังจากจบโครงการมีหลายๆ หน่วยงานและหลายสถานศึกษาได้ติดต่อขอวีซีดี 2 ชุดดังกล่าวและแจ้งว่ากำลังมีแนวคิดในการนำ KM เข้าไปในหน่วยงานและจะนำวีซีดีไปเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงจูงในและจัดกิจกรรมซึ่งทางเราก็ยินดีแต่ได้พูดคุยกันในรายละเอียดว่าโปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมฉบับย่อ ที่สำคัญยังมีเครื่องมือ KM อีกหลายชนิดที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจที่แต่ละหน่วยงานจะสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาคนพัฒนาองค์กรได้อย่างทรงประสิทธิภาพ หากท่านใดสนใจอย่าลืมสมัครเข้าร่วม KM Workshop แบบเต็มรูปแบบที่ทางเทศบาลนครพิษณุโลกจะได้จัดให้กับ 40 ท่านที่ฉายแววและยื่นใบสมัครจากงานนี้ ซึ่งตอนนั้นเราจะได้พบกันอีกครั้งแบบเต็มรูปแบบเต็มทีมมากกว่านี้อีกครั้งค่ะ
โอ้โห บอกได้คำเดียวว่า เต็มอิ่ม และคุ้มค่าจริง ๆ กับบันทึกนี้ค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์วิบูลย์และทีมงานจากมหาวิทยาลัยนเรศวรมากครับที่ช่วยสนับสนุนเทศบาลนครพิษณุโลก หวังว่าคงได้รับความกรุณาจากท่านและทีมงานอีกนะครับ
สวัสดีจ๊ะ น้องตูน
แวะมาทักทาย ....จะมาบอกด้วยว่า พี่ประทับใจมากกับกิจกรรมในวันนั้น เลยเอาไปเขียนต่อยอด เรื่อง KM Workshop สำนักงานเทศบาลนครพิษณุโลก ในมุมมองของผู้เข้าร่วมการอบรม ที่บันทึกนี้ค่ะ