ไฟป่าผลจากวิถีชีวิต


ความคิดเดิมเดิม

ครูแอนเพิ่งกลับจากการอบรมครูสอนภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษาที่ ร.ร.ห้องสอนศึกษา อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ก่อนไปดีใจมากที่จะได้ไปเที่ยวตัวเมืองแม่ฮ่องสอนอีกครั้ง  แต่การไปครั้งนี้รู้สึกเหนื่อยและอึดอัดมาก เนื่องจากหมอกควันอันเกิดจากไฟป่านั่นเอง หายใจไม่ค่อยออก มลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละอองเยอะ จนความรู้สึกที่อยากอยู่แม่ฮ่องสอนนาน ๆ กลับรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาโรงเรียน ขณะที่บันทึกอยู่นี้มองไปรอบ ๆ โรงเรียนก็เต็มไปด้วยหมอกควัน การที่เราจะรณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านไม่เผาป่านั้นมันคงไม่ยากต่การเปลี่ยนความคิดคนอย่างชาวบ้าน...คงยาก  เพราะทั้งชีวิตก็อยู่กับป่า เขา การดำรงชีวิตขึ้นอยู่กับธรรมชาติ แต่พวกเขาก็ทำลายธรรมชาติเสียเอง อย่างที่เป็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ คนภาคเหนือตอนบน  ต้องประสบกับมลภาวะทางอากาศ จนต้องเจ็บป่วยไปตาม ๆ กัน วิถีชีวิตคนเมืองคงจะแปลกใจว่า ก็แล้วจะเผาป่ากันไปเพื่ออะไร? ส่วนหนึ่งก็คือหาของป่า  ผักหวาน เห็ด หน่อไม้ รอช่วงฝนตก อาหารก็จะอุดมสมบูรณ์ ซึ่งความคิดของคนเห็นแก่ตัวจนทำให้เกิดปัญหาขึ้น บางรายก็อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ ทราบ เพราะการไม่มีงานทำ อาชีพหลักคือการทำไร่ พื้นที่การทำเกษตรไม่มีก็ต้องเผาป่า ทำไร่เลื่อนลอย มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เราในฐานะครูก็ทำได้ด้วยการสั่งสอนเด็กรุ่นใหม่ ๆ ให้รู้จักคุณค่าของธรรมชาติ การที่จะไปเปลี่ยนความคิดเดิม เดิม ของคนที่เกิดมาบนโลกเกินกว่า 30 ปีคงยาก แต่ครูก็หวังว่า คนที่เราสั่งสอนคงรักสังคม รักโลก รักธรรมชาติ ที่สำคัญ คือรักตัวเอง

      ขอให้ทุกคนรักธรรมชาติ แล้วธรรมชาติจะรักเรา

คำสำคัญ (Tags): #หมอกควัน
หมายเลขบันทึก: 84211เขียนเมื่อ 15 มีนาคม 2007 13:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 พฤษภาคม 2012 20:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)
เป็นเรื่องที่ดีในการนำแนวคิดดีดีไปปลูกผังสำหรับเด็กรุ่นใหม่ ในโอกาสต่อเขาจะต้องอยู่และสอนลูกหลายในสิ่งที่ถูกอย่างที่เขาเห็นปัญหาอยู่ในขณะนี้

มันมีทางที่ลำบากน้อยกว่า ได้ผลตอบแทนมากกว่า เป็นมิตรกับธรรมชาติมากกว่า การเผาป่าหรือเปล่า?

หรือว่าเป็นลักษณะ ได้อย่าง เสียอย่าง? 

ได้ผลน้อยแต่เสียมาก เหมือน "ฆ่าช้างเอางา" น่ะค่ะ

P
Ann: ปกติคนที่ฆ่าช้างเอางาได้ เขามีทักษะที่จะประกอบอาชีพอะไรแทนได้?

ในเมื่อมนุษย์ทำลายธรรมชาติก่อน...

เราก็คงต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นครับ...

แล้วเราจะทำอย่างไรดีล่ะค่ะ กับคนเห็นแก่ตัวพวกนี้ ครูแอนได้แต่ปลูกฝังให้นักเรียนของครูแอนอย่าทำตามบรรพบุรุษ ทำลายธรรมชาติเพื่อสิ่งตอบแทนน้อยนิด

คงต้องรอให้เจเนอเรชั่นเก่าหมดไปก่อนครับ รอจนกว่าเจนเนเรชั่นใหม่เข้ามาแทนที่ครับ..

ต้องเริ่มปลูกฝังจากเด็ก ๆ นี่แหละครับ เพราะกับผู้ใหญ่ไม่รู้จะทำยังงัยได้แล้ว....

ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ..เมื่อไรน้อ..เพราะยิ่งคนเก่าแก่เนี๊ยะยิ่งอายุยืน.เด็กรุ่นใหม่ วิถีชีวิตคนยุคใหม่ต้องเผชิญอะไรต่อมิอะไรมากมาย อายุเฉลี่ยสั้นเหลือเกิน....เอาเป็นว่าโลกยังโชคดีที่มีผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ใช่ไหมค่ะ
การอยู่กับธรรมชาตินั้นมีความสุขมากถ้าเรารู้จักรักและเข้าใจมัน  ไม่เอาผลประโยชน์ข้างเดียว เมื่อเรารับสิ่งดีๆจากธรรมชาติเราต้องให้ธรรมชาติกลับด้วยนะเราจะได้ทั้งความรู้สึกที่ดีๆและผลตอบแทนที่กลับมาสู่เราในปัจจุบันและอนาคตสู่ต่อไปนะครับคุณครูแอน จากครูแดนสะตอผู้คอยความหวังความสุขที่โลกนี้มีให้แก่กัน
ดีใจมากที่คุณครูมาเยี่ยมเยือนกัน ขอความสุขในโลกนี้เป็นของคุณครูน่ะค่ะ สู้..สู้ค่ะ
  • มาขอบคุณครับผม
  • อบรบเรื่องอะไรบ้างครับ

วิถีชีวิตกับความอยู่รอด มันแยกออกจากกันยากครับ...

  • นี้คือ... ความโหดร้ายของทุนนิยม ในมุมที่มองไม่เห็น

--เอาใจช่วยคุณครูครับ 

ก็หวังการศึกษาจะสร้างคนทำดีเพื่อสังคมค่ะ

ดีใจค่ะที่ได้เห็นคนส่วนหนึ่งให้ความสำคัญกับธรรมชาติอยู่ ออนก็เป็นคนหนึ่งที่อยากให้ทุกคนหันมาสนใจธรรมชาติมากขึ้น จริง ๆ แล้วเราก็สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้ แต่ก็ควรใช้ให้ประหยัดและใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด  ขอเอาใจช่วยคุณครูด้วยนะคะถ้ามีครุคอยสอนเด็ก ๆ อย่าง นี้เยอะ ๆ รุ่นต่อๆไปเค้าจะได้หวงแหนทรัพยากรธรรมชาติของเขามากกว่านี้ *-*

ขอบคุณค่ะคุณออน อย่างน้อย ๆ ก็รู้สึกดีใจที่ยังมีคนรุ่นใหม่มีแนวคิดรักธรรมชาติ เรามาช่วยกันน่ะค่ะ

สวัสดีครับ ครูแอน

เคยรับปากว่าจะเขียนเรื่องเกี่วกับไฟป่าให้ จนป่านนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลย  คงรำคาญและรอจนทน(ควัน)ไม่ใหว  เลยต้องจัดการซะเองเลย  หลังฤดูกาลท่องเที่ยวกลับมาอยู่บ้านครับ อยู่กับต้นไม้ห่างไกลอินเตอร์เนต 

ต้องขอโทษด้วยครับ แต่ก็ขอตามมาชื่นชม สำหรับความตั้งใจจริงครับ   นานๆเจอทีขอเก็บเข้าแพลนเน็ตน่ะครับ

ขอบคุณครับ

 

ยินดีค่ะ ดีใจที่เจอคนรักธรรมชาติ รักต้นไม้ค่ะ

ไปเป็นนักการเมืองได้จริงๆ เหรอครับ :-P

เรื่องไฟป่า เป็นยาขมสำหรับผู้รับผิดชอบในระดับจังหวัด ไฟป่าเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก จะแก้ปัญหาไฟป่าต้องเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวแม่ฮ่องสอนเสียก่อน ไม่เช่นนั้น แค่ผิด..ก็ผิดแล้ว ลุงเกพยามยามเสนอแนะให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบทุกครั้งที่ได้รับเชิญประชุมในเรื่องนี้ ชี้ให้เห็นระบบคิดในการแก้ปัญหาประเด็นปัญหา กระบวนการแก้ปัญหาเชิงระบบ แต่เมื่อเห็นนโยบายของผู้ว่า แต่ละท่านแล้ว ลุงเกจึงบอกว่า แค่คิดก็ผิดแล้ว...ไม่มีทางสำเร็จ ร้อยล้านเปอเซ็นต์

ลุงเกเสนอแนะสั้นๆก็แล้วกัน ถ้าอยากได้รายละเอียดต้องคุยกันถึงวิธีการ เอาเป็นว่า ลุงเกขอใช้คำว่า การป้องกัน และจัดการไฟป่าก็แล้วกัน

หลักการ

เราไม่สามารถทำให้ไฟป่าหมดไปจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะ วิถีชีวิตชาวดอย ทุกคนต้องกิน ต้องใช้ เพื่อความอยู่รอด

ไฟป่าคู่กับป่า ไม่ได้คู่กับเมืองหรือป่าคอนกรีต

ไฟป่าป้องกันไม่ได้ แต่จัดการได้

ไฟป่ามีทั้งคุณและโทษ

มีภูมิปัญญาในการจัดการไฟป่า

ขอให้เชื่อในหลักการตัวนี้ก่อน แล้วเราก็มาเริ่มต้นในการจัดการกับมัน โดยใช้ภูมิปัญญาที่มีอยู่เป็นเครื่องมือ

หลายท่านบอกว่า ติดขัดที่กฏหมาย เพราะกฏหมายทุกฉบับ มักจะมีคำว่าห้าม บุกรุก ครอบครอง เผา..ฯลฯ แต่อย่าลืมว่า กฏหมายเป็นเครื่องมือหนึ่งของการจัดการสังคมเท่านั้น ไม่หมายถึงความยุติธรรมทั้งหมด

ลุงเกฝากไว้ให้ลูกหลานคิดต่อนะครับ แค่แจมด้วยคนเท่านั้นเอง

อาจารย์เก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท