ความรู้เรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์


โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ลดลงจริงหรือ ?

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ Sexual tranmitted disease     

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เริ่มจะพบมากขึ้นในวัยรุ่นซึ่งจะมีเพศสัมพันธ์ก่อนการแต่งงาน โดยที่ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ การป้องกันตัวเองทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อ การที่เรามีความรู้เกี่ยวกับการติดต่อ อาการของโรค การรักษา จะเป็นขั้นแรกของการป้องกันโรค ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ควรทราบ

1. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถเป็นได้ทุกเพศทุกวัย ทุกชนชั้น แต่พบมากในหมู่วัยรุ่น
2. อัตราการติดเชื้อของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์พบมากขึ้นเนื่องจากวัยรุ่นมีค่านิยมที่จะอยู่ก่อนแต่งงาน หรือนิยมมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังไม่มาก และที่สำคัญมีการหย่าล้างสูงทำให้คนมีสามีหรือภรรยาหลายคน ทำให้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น
3. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยมากมักจะไม่เกิดอาการ ดังนั้นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อโดยที่ไม่รู้ตัว แพทย์บางประเทศจึงแนะนำให้มีการตรวจค้นหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สำหรับคนที่สำส่อน
4. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยังก่อให้เกิดปัญหาทางสาธารณสุขอย่างมาก
         -  โรคอาจจะลุกลามไปยังมดลูกหรือท่อรังไข่ทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง Pelvic inflammatory disease ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก
         -  โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจจะทำให้เกิดโรคมะเร็ง เช่นการติดเชื้อ human papillomavirus infection (HPV) ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
         -  โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

                    คือโรคต่างๆ ที่ติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง ทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในซิฟิลิส เริมและเอดส์หากเป็นโรคนี้แล้วส่วนใหญ่จะมีอาการแสดงออกมาให้เห็นชัดเจน บางครั้งอาการอาจเป็นๆหายๆ แต่ไม่หายขาด และจะรุนแรงมากขึ้น ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีผลที่ตามมาคือ ทำให้ระบบขับถ่ายผิดปกติ เป็นหมันและที่สำคัญจะนำไปสู่การรับเชื้อเอดส์ได้ง่าย

* รักษาแต่แรกเริ่ม คุณและคนที่คุณรักจะปลอดภัย *

อาการ..น่าสงสัย!!

           หากติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นหลังการมีเพศสัมพันธ์ 2 – 3 วัน หรืออาจเป็นเดือน

              *  ปัสสาวะแสบ ขัด
              *  เจ็บ ปวดหรือคันบริเวณอวัยวะเพศ
              *  มีผื่น แผล ฝีหรือตุ่มบริเวณอวัยวะเพศ
              *  ขาหนีบบวม
              *  ผู้ชายจะมีของเหลวไหลออกมาภายหลังการมีเพศสัมพันธ์ เช่น เมือกใส หนอง เมือกปนหนอง
              *  ผู้หญิงจะมีปริมาณ สี กลิ่น ของสิ่งที่ออกมาจากช่องคลอดผิดปกติ เช่น ตกขาวมากมีสีเหลืองเข้มหรือมีกลิ่นเหม็น
             *  ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือมีเลือดออกจากช่องคลอดหลังการมีเพศสัมพันธ์

คุณควรสังเกตอาการผิดปกติ เมื่อมีอาการ หรือ สงสัยว่าติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์ที่คลินิก หรือโรงพยาบาล

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดโรค

-   การมีเพศสัมพันธ์กับชายหรือหญิงบริการใน 3 เดือนที่ผ่านมา
-   การมีคู่นอนมากกว่า 1 คนใน 3 เดือนที่ผ่านมา
-   การมีเพศสัมพันธ์กับคู่คนใหม่ใน 3 เดือนที่ผ่านมา
-   การที่มีประวัติป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ใน 1 ปีที่ผ่านมา
-   การที่สามีหรือภรรยามีคู่นอนมากกว่า 1 คนใน 3 เดือนที่ผ่านมา
-   การที่คู่ครองอยู่กันคนละที่

ซื้อยากินเอง ไม่หายอย่างที่คิด

                     การซื้อยากินเองโดยไม่ไปพบแพทย์นั้น อาจช่วยอาการหายไประยะหนึ่ง แต่ไม่หายขาดอาการจะแสดงออกมาภายหลังและรุนแรงยิ่งขึ้นอาการของชายและหญิงที่รับเชื้อจากกันมิได้หมายความว่าจะรักษาด้วยยาประเภทเดียวกัน ดังนั้น การให้แพทย์ตรวจรักษารวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำ อย่างเคร่งครัดจะให้หายจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้แน่นอนกว่า  และเพื่อให้ได้ผลในการรักษา คุณจึงควรพาสามีหรือภรรยาหรือคู่นอนไปตรวจรักษาด้วย แม้จะยังไม่ปรากฏอาการ 

ควรปฏิบัติตนอย่างไร? ขณะป่วย และรักษา

  1. งดร่วมเพศโดยเด็ดขาด รวมทั้งการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคและการอักเสบลุกลาม
  2. งดดื่มเหล้า-เบียร์ และของมึนเมาทุกชนิด
  3. นำคู่นอนไปตรวจและรักษาโดยเร็วที่สุด
  4. รักษาอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียงให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
  5. ในผู้ชาย
    ห้ามรีดอวัยวะเพศ เพื่อดูหนองเป็นอันขาด
    -   ให้กลั้นปัสสาวะ อย่างน้อย 4 – 6 ชั่วโมง ก่อนมาตรวจทุกครั้ง

                6.  อย่าซื้อยากินเองให้ตรวจรักษากับแพทย์เท่านั้น
         7.  ไปรับการตรวจตามนัดทุกครั้งและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

สำหรับผู้ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

         -  ให้รักษาอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
         -  แจ้งให้คู่นอนทราบว่าคุณเป็นโรคเพื่อที่จะป้องกันโรคมิให้แพร่สู่คนอื่น และให้ได้รับการรักษา
         -  รักษาตามแพทย์สั่ง
         -  งดร่วมเพศ

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีที่สุดคือการไม่มีเพศสัมพันธ์ หากยังมีเพศสัมพันธ์ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก

        -  ไม่เปลี่ยนคู่นอน ให้มีสามีหรือภรรยาคนเดียว
      -  ใส่ถุงยางห้ถูกต้องหากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
        -   อย่ามีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อยเพราะจากสถิติหากมีเพศสัมพันธ์อายุน้อยจะมีโอกาสติดโรคสูง
        -  ให้ตรวจประจำปีเพื่อหาเชื้อโรคแม้ว่าจะไม่มีอาการ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการแต่งงานใหม่
        -  เรียนรู้อาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
        -   อย่าร่วมเพศขณะมีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดโรคติดต่อได้ง่าย
        -   อย่ามีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก หากจำเป็นให้สวมถุงยางอนามัย
        -   อย่าสวนล้างช่องคลอดเพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

กลุ่มอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

>>>>>>โรคเอดส์<<<<<<<<
เป็นโรคที่เริ่มมีรายงานเมื่อปี 1981 เกิดจากเชื้อ human immunodeficiency virus (HIV), ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อพวกฉวยโอกาสและมะเร็ง

>>>>>การติดเชื้อ clamydia<<<<<<
เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุด ทำให้เกิดอาการมีหนองไหลและมีอาการระคายเคืองบริเวณอวัยวะเพศ สำหรับผู้หญิงที่ไม่ได้รักษาอาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องเชิงกรานเป็นหมัน หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก

>>>>>เริมที่อวัยวะเพศ<<<<<
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดเชื้อไวรัส herpes simplex virus ทำให้เกิดอาการปวดแสบบริเวณขา ก้นหรืออวัยวะเพศ และตามด้วยผื่นเป็นตุ่มน้ำใส แผลหายได้เองใน 2-3 สัปดาห์แต่เชื้อยังอยู่ในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอ เชื้อก็จะกลับเป็นใหม่

>>>>>หนองในแท <<<<<
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ทำให้เกิดอาการระคายเคืองในท่อปัสสาวะ แสบขัดเวลาปัสสาวะ มีหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบในช่องท้อง หรือเป็นหมันหากไม่ได้รับการรักษา

>>>>> หูด<<<<<
เกิดจากเชื้อไวรัส human papillomavirus ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศลักษณะเป็นผื่นนูน ไม่เจ็บ ผื่นจะมีขนาดใหญ่ขึ้น หากไม่รักษาผื่นจะโตเป็นลักษณะหงอนไก่ Molluscum

>>>>>ซิฟิลิส <<<<<
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ไม่บ่อย การติดเชื้อเริ่มแรกจะเป็นก้อนแข็งไม่เจ็บที่อวัยวะเพศ ไม่ไม่รักษาจะกลายเป็นระยะที่สองที่เรียกว่าเข้าข้อหรือออกดอก หากทิ้งไว้นานจะติดเชื้อที่ระบบประสาท และหัวใจ

>>>>>แผลริมอ่อน <<<<<<
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi ลักษณะของโรคจะมีแผลที่อวัยวะเพศ บวมและเจ็บ บางคนมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบหรือที่ชาวบ้านเรียกไข่ดันบวม หากไม่รักษาหนองจะแตกออกจากต่อมน้ำเหลือง

>>>>>ตัวโลน <<<<<
เกิดจากแมลงตัวเล็กที่เรียกว่า pediculosis pubis อาศัยอยู่ที่ขนหัวเหน่า ดูดเลือดคนเราเป็นอาหาร ผู้ที่เป็นโรคจะมีอาการคันเป็นหลัก เมื่อเกาจะทำให้เจ้าตัวเชื้อแพร่ไปยังบริเวณอื่น การวินิจฉัยสามารถทำได้ด้วยตาเปล่า จะพบไข่สีขาวเกาะตรงโคนขน ไข่จะมีลักษณะวงรี ส่วนตัวแมลงเมื่อกินเลือดเต็มที่จะออกสีน้ำตาล

หิด ตับอักเสบ หนองในเทียม อุ้งเชิงกรานอักเสบ ช่องคลอดอักเสบ ติดเชื้อtrichomonase ฝีมะม่วง การติดเชื้อราในช่องคลอด

การรักษาตัวโลนสามารถซื้อยาทาได้ตามร้านขายยา แต่คนท้องหรือเด็กควรจะปรึกษาแพทย์

การป้องกัน สมาชิกในครอบครัว เพื่อนสนิท คู่นอนควรจะได้รับการดูแลพร้อมกันเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ เสื้อผ้าหรือผ้าปูที่นอนควนจะนำไปต้มหรือซักแห้ง แล้วรีดด้วยเตารีด ตัวแมลงอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเมื่อไม่ได้อยู่กับคน ส่วนไข่อยู่ได้นานถึง 6 วัน

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์

               คุณมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อทั้งสองชนิด จากการมีเพศสัมพันธ์ แต่ผลที่เกิดขึ้นต่างกันตรงที่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รักษาให้หายได้ แต่โรคเอดส์นั้นยังไม่มีทางรักษา  ดังนั้นหากมีเพศสัมพันธ์กับใครโดยไม่ป้องกัน จึงมีโอกาสรับทั้งเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเชื้อเอดส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีเชื้อเอดส์ จะไม่แสดงอาการใดๆ ในปีแรก แต่ขณะเดียวกันก็สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นได้และหากคุณเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณมีโอกาสรับเชื้อเอดส์ได้ง่ายกว่าคนปกติหลายเท่า

การใช้ถุงยางอนามัย

  1. ฉีกซอง ระวังอย่าให้เล็บสะกิดถุงยาง
  2. บีบปลายไล่ลมก่อนใส่เสมอ หากปล่อยให้มีฟองอากาศที่ปลายถุงจะทำให้ถุงยางแตก ขณะร่วมเพศ
  3. สวมถุงยางขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัว บีบปลายถุงยางขณะสวม แล้วรูดให้สุดโคน
  4. อาจใช้สารหล่อลื่อที่มีน้ำเป็นส่วนผสมหยดด้านนอก 1 – 2 หยด ลูบไล้ให้ทั่ว
  5. เมื่อเสร็จกิจให้รีบถอนอวัยวะเพศออกขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยใช้นิ้วสอดเข้าในของถุงยางแล้วรูดออก
  6. ระหว่างให้ถ้าลื่นหลุด หรือแตกต้องเปลี่ยนอันใหม่ทันทีและทิ้งในถังขยะที่มิดชิด

 ทุกวันนี้……..

                 เชื้อเอดส์กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หากคุณมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย จะช่วยป้องกันตัวคุณเองและคนที่คุณรัก ทั้งจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเอดส์

รักษากามโรคให้หายขาด ลดโอกาสรับเชื้อเอดส์

หากมีอาการผิดปกติใดๆ หลังการร่วมเพศรีบมารับบริการตรวจรักษาและขอคำปรึกษาจากแพทย์พยาบาลหรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการอบรม

updateanimat.gif (670 bytes)   ดูรายละเอียดต่อที่นี่ 

 

  ทดลองทำข้อสอบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ผ่านระบบ E - learning

  สถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หมายเลขบันทึก: 8416เขียนเมื่อ 30 พฤศจิกายน 2005 02:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 01:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ยังมีคนเป็นโลนอีกเหรอ เคยถามนักศึกษารู้จัดไหม คำตอบคือไม่รู้จัก ก็เลยบอกว่าโลนเป็นพี่น้องกับเหา แต่ชอบหากินอยู่ตามขนในที่ลับ นักศึกษาฮากันทั้งห้องเลย

ไม่เอาโรคไม่เอา

แล้วถ้ามีตุ่มแข็งบริเวณปากช่องคลอด เม็ดเดียวแต่แข็ง จะมีอาการคันเมื่อไปโดนเป็นบางครั้ง ลักษณะคล้ายสิว เค้าเรียกว่าเป็นอะไร

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท