ไม่มีความรู้ดีเลิศประเสริฐศรีเรื่องใดสมบูรณ์จนไม่ต้องแก้ไขอะไรอีก อะไรที่ว่าดีพอไปสักระยะหนึ่งมนุษย์จะรู้สึกซ้ำซากจำเจ หาทางพลิกแพลงให้แปลกใหม่และดีขึ้นกว่าของเดิมอยู่เสมอ วันนี้ขออนุญาตเล่าเรื่องอาหารลือชื่อของอีสาน เพราะสืบเนื่องจากก๊วนเฮฮาศาสตร์ทางหาดใหญ่ ส่งภาพอาหารชุดเด็ดทางใต้มายั่วพยาธิจนไหวหวั่น จึงถือโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้อาหารในวันนี้ ครั้นจะเสนออาหารพื้นถิ่นอีสานธรรมดาๆก็ดูจะงั้นๆ จึงยกเอาต้มเปรตปลาไหลมาสาธยาย ชาวบ้านเขาตั้งชื่ออาหารชุดนี้ว่าต้มเปรตปลาไหล สุภาพสตรีบางท่านแค่ได้ยินชื่อก็สะดุ้งโหยง
ที่จริงประเทศที่อยู่ย่านเอเซียด้วยกัน รับประทานปลาไหลกันทั้งนั้น ข้าวอบปลาไหลญี่ปุ่นยังระบาดมาถึงบ้านเรา ช่วยให้ปลาไหลได้รับความนิยมไม่น้อย เมื่อ 4-5ปีที่แล้วผมไปเที่ยวชายแดนเขมร เห็นมีสินค้าจำพวกที่หาได้ในท้องถิ่นพวกผักหวาน ผักป่า เครื่องหวาย หอย ปู ปลา กบ เขียด สัตว์ป่า และแมลงต่างๆแล้ว สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาก็คือปลาไหล ไม่รู้ไปจับมาได้ยังไงจำนวนมากมายมหาศาล วันๆหนึ่งเป็นคันรถ10ล้อ มีให้เลือกทุกขนาด
ในอีสานชาวบ้านจะไปดักปลาไหลด้วยเครื่องมือที่เรียกว่าลัน เป็นกระบอกไม้ไผ่ยาวขาด 4-5ปล้อง เขาจะเอาหอยมาทุบใส่ลงในที่ใส่เหยื่อล่อ ด้านล่างมีช่องให้ปลาไหลเข้าเขาจะทำงาสวมไว้ เป็นช่องกลที่เข้าได้ออกไม่ได้ นักล่าจะสังเกตถิ่นที่อยู่แล้วไปวางเฉียงๆให้ปลายกระบอกพ้นน้ำ ปลาไหลได้กลิ่นเหยื่อก็เข้าลัน รุ่งเช้าเจ้าของจะมากู้ บางกระบอกอาจจะได้3-4ตัว ข้อดีของการดักปลาวิธีนี้ทำให้ปลาไม่บาดเจ็บ เอาไปขังไว้จำหน่ายได้หลายวัน
มีผู้สันทัดกรณีเล่าว่าให้เอาพริกขี้หนูตำผสมลงไปในเหยื่อ พอปลาไหลมากินมันเผ็ดก็จะส่งเสียงร้อง เพื่อนๆก็จะตามมาเป็นพรวน เท็จจริงยกให้ผู้เล่านะครับ หรือใครจะเอาไปทำการวิจัย นอกจากใส่ลันแล้ว ยังจับโดยวิธีปักเบ็ด หรือเอาผ้าตาข่ายช้อนใต้กอผักตบชวา จะได้ทั้งปลา กบเขียด หอย และปลาไหล ในฤดูนี้ชาวบ้านจะนิยมใช้หลาว เป็นเหล็กแหลมๆมีเงี่ยงที่ปลาย เดินแทงตามริมห้วยหนองที่น้ำงวดเป็นโคลน มองไม่เห็นหรอกว่าปลาไหลอยู่ตรงไหน แทงไปเรื่อยๆ เจอเข้าจะสะเทือนที่มือ ด้วยความชำนาญก็จะรู้ได้ จับมาใส่ตะข้องได้สบายแฮ
ผมเคยทดลองเลี้ยงปลาไหลในบ่อซีเมนต์ ก่อเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 2เมตรx5เมตร เอาหนังโคผืนหนึ่งมาปูไว้ด้านล่างสุด เอาดินโคลนในหนองมาใส่ไว้สูงสัก1ศอก ทำให้มีส่วนสูงๆต่ำๆลาดเองเลียนแบบฝั่งหนอง เอาผักตบชวามาคลุมด้านต่ำที่มีน้ำสูงประมาณ 1คืบ ไปคัดซื้อปลาไหนขนาดเดียวกันมา1ครุถังเทลงไป ชั่วไม่นานทุกอย่างก็เงียบสงบอยู่ใต้โคลน ผมเลี้ยงแบบตามเขาว่าไม่ได้ศึกษาอะไร คุยกันไปคุยกันมาเรื่องอาชีพที่เหมาะกับคนขี้เกียจ
ไม่ยุ่งยากเรื่องหัวอาหาร ประหยัดน้ำ ลงทุนน้อย ไม่ต้องไปดูแลบ่อยๆ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะตนเองขี้เกียจอยู่แล้ว จึงลงมือเลี้ยงอย่างที่เล่า เลี้ยงไป2-3เดือนผมไปโกยโคลนดู เห็นลูกปลาไหลตัวเล็กออกมา และบางส่วนก็ยังเป็นไข่สีเหลืองเล็กๆอยู่ในโคลน เออปลาไหลออกลูกเป็นไข่เสียก่อน ปัญหาก็คือว่า..มันจะไม่กินลูกมันหรือ เราควรจะคัดแยกแม่มันออกมารึเปล่า จะจับออกมาวิธีไหน เกิดคำถามให้ต้องไปหาคำตอบมากมาย แสดงว่าเรื่องอะไรก็ตาม จะทำอะไรก็ตาม มันมีสิ่งที่เรียกว่าความรู้ซ่อนอยู่เป็นขั้นเป็นตอน ประเภทที่ไม่ศึกษาล่วงหน้าแบบผมก็ยุ่งสิครับ ตัวปริศนาวิ่งวนอยู่รอบศีรษะ และแล้วสวรรค์ก็ประทานคำตอบ
คืนนั้นฝนตกเหมือนฟ้ารั่ว พระพิรุณเปิดก๊อกเทกระหน่ำตั้งแต่หัวค่ำ ช่วงย่ำรุ่งยังตกจักๆๆแรงบ้างค่อยบ้างตามอารมณ์เทวดา แต่น้ำก็เจิ่งนองไปทั้งสวน เสียงกบเขียดร้องระงม ผมเดินไปสำรวจบริเวณบ้าน เห็นปลาหมอกระโดดมาดิ้นกระแด่วๆ 2-3ตัว ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะปลาหมอกับฟ้าร้องฝนตกเป็นของคู่กัน จึงจับโยนกลับไปที่เดิม ขืนปล่อยไว้ก็จะตายเสียก่อนเพราะแหล่งน้ำอย่างใกล้สุดประมาณ2 กิโล คงยากที่จะเถือกไถไปถึง แต่ถ้าเป็นท้องนาปลาพวกนี้ไปหาน้ำได้สบายมาก
ผมเดินสำรวจย่ำดินแฉะไปเรื่อยๆ มีมะพร้าวแก่หล่นลงมากองทั้งทะลาย ต้นไม้ใบไม้เขียวขจี ปราศจากฝุ่นละออง น้ำฝนทำความสะอาดให้ทั้งผืนป่า ถ้าคิดแบบนักเศรษฐศาสตร์ก็คงจะประมาณได้ว่าเป็นเงินกี่ร้อยล้าน ที่เป็นค่าจ้างฝนทำหน้าที่นี้ น่าคิดนะครับเราได้รับบริการฟรีจากสวรรค์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ต้นไม้คลายออกซิเย่นแล้วดูดคาร์บอนไดอ็อกไซด์เข้าไป ถ้าครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์โยงเข้าสู่ความจริงในธรรมชาติ เด็กๆก็จะรักต้นไม้มากขึ้น อธิบายประกอบให้เห็นคุณค่าและมูลค่า ของแสงแดด น้ำฝน แมลง แม้แต่ไส้เดือน จุลินทรีย์ หรือเชื้อราต่างๆ ออกแบบทดลองได้ทั้งนั้น
อ้าว ! อะไรกันนี้ ระยะห่างจากบ่อปลาไหลประมาณ100เมตร เริ่มเห็นปลาไหลทีละตัวสองตัวซุกหัวอยู่ในพงหญ้า เจอที่โน่นที่นี่หนาตาขึ้น ตอนนี้ผมค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า จะจับพ่อแม่ปลาไหลแยกออกจากลูกอ่อนได้อย่างไร แต่คงไม่ใช่วิธีนี้ โธ่ๆๆ ..ไปถึงบ่อที่เลี้ยง ปรากฏว่ามีน้ำท่วมจากพื้นบ่อประมาณ1 เมตร ยังเหลือส่วนต่างระยะห่างจากน้ำไปขอบบ่อด้านบนอีก1เมตร นั่นก็หมายความว่าปลาไหลเป็นนักกระโดดแบบดีดตัวได้สูงประมาณ1เมตร ไม่งั้นมันจะออกไปเต็มป่ารึครับ ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลิกทำอาชีพที่เหมาะกับคนขี้เกียจนี้ เพราะว่ามันไม่จริงสักกะหน่อย
ห่างหายไปจากปลาไหลไปนาน เพราะคุณคนสวยทั้งหลายไม่มีใครกินปลาไหล ไม่ว่าจะเกลียดตัวกินน้ำแกงหรืออะไรเขาส่ายหน้าไม่ๆๆทั้งนั้น ผมก็เลยอดกินปลาไหลมาหลายปีแล้วละครับ ทั้งๆที่ชอบผัดเผ็ดปลาไหลใส่กระชายฝอยกับพริกไทยสดเยอะๆ หรือแกงเผ็ดปลาไหล ปิ้ง อบ ปลาไหล ย่างเหลืองๆหอมฉุยฉีกจิ้มๆๆอร่อยอย่าบอกใคร
ช่วงนี้มีหนุ่มอุบลและลูกศิษย์มาอยู่ฝึกงานภาคฤดูร้อน วันไหนว่างเขาก็จะหาเวลาไปตลาดปลา ซื้อปลาตัวช่อนมาต้มยำชวนผมชิม บางวันก็มีปลาไหลตัวโตๆย่างขดมาในจานพร้อมน้ำจิ้ม มีต้มเปรตปลาไหลตักเต็มชามใหญ่มาชวนแบบ ”อุทัยชวนชิม” ผมก็ชิมด้วย2-3ครั้ง ก็เห็นว่าพ่อครัวหัวป่าส์ยังขาดกระบวนการKM.ธรรมชาติ ช่วงบ่ายผมชวนหนูออยไปตลาด ซื้อปลาไหล ปลาทู หอยแครง ไข่มดแดง กะสาธิตวิธีต้มเปรตปลาไหลแบบภูมิปัญญาท้องถิ่น ว่าเขามีเคล็ดลับอะไรให้หนุ่มอุบลได้ศึกษาไว้ ซึ่งปลาไหลนี่จะมีวิธีการที่แตกต่างจากปลาอย่างอื่น คือควร ต้มปลาในน้ำเย็น
ปลาชนิดอื่นเขาจะตั้งหม้อให้น้ำเดือดแล้วค่อยเอาเนื้อปลาใส่ลงไป แต่ปลาไหลไม่ใช้วิธีนั้น เขาจะทุบศีรษะก่อน ทำความสะอาดให้ดี ไม่ต้องหั่นใส่ลงไปทั้งตัว เติมน้ำพอควร ใส่ปลาใส่เกลือเล็กน้อย ใส่ตะไคร้ ข่า กับมะขามเปียกลงไป แล้วยกหม้อตั้งบนเตาไฟ ให้น้ำเดือดสัก 5นาที เอาเครื่องปรุงใส่ลงไป หัวหอม กระเทียม รากผักชี ใบมะกรูด พริกสด มะเขือเทศสุก ที่สำคัญใบยี่หร่าใช้มากหน่อยประมาณ10ต้นมาหั่นหยาบๆ เครื่องปรุงเหล่านี้ใส่ช่วงยกลงจากเตาแล้วปิดฝาหม้อทันที เพื่อให้กลิ่นเครื่องปรุงส่งกลิ่นหอมกระจาย ก่อนขึ้นโต๊ะมะรุมมะตุ้มชิม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว พริกป่น บุบพริกขี้หนูสวนลงไป ชิมรสได้ที่แล้วก็โจ้กัน เมื่อคืนนี้นะครับ ต้มไก่ ที่มาประชันตกโต๊ะ หามีใครสนใจไม่ ทุกคนอยากลื่นเป็นปลาไหลกันทั้งนั้น ..
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย ครูบา สุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ใน KM ในมหาชีวาลัยอีสาน