"เทศกาลกินผัก" หรือ "เทศกาลกินเจ" (เจี๊ยะฉ่าย) ชาวไทยเชื้อสายจีนมักจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคมเป็นประจำทุกปี เพื่อเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ รักษาศีลห้า เทศกาลกินผัก เข้ามาในประเทศไทยประมาณ 170 ปี เทศกาลนี้ใครๆ ก็รู้จักไม่ว่าจะเป็นคนจีน คนไทย เพราะเป็นเรื่องที่ดีมากต่อสุขภาพ
ว่ากันว่าหากใครคิดกินผักในเทศกาลนี้ โดยไม่กินเนื้อสัตว์ ถือว่าจะได้รับอานิสงส์อย่างแรง คือสุขภาพร่างกายดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย เหมือนล้างพิษที่สะสมมาจากเนื้อสัตว์ในร่างกายให้ออกไป และยังไดัรับผลบุญจากการรักษาศีล ไม่ต้องเบียดเบียนชีวิตสัตว์ที่อยู่ร่วมโลกกับมนุษย์
อย่างเช่น จังหวัดตรังไม่เหมือนที่อื่น คือเป็นเทศกาลกินผัก ไม่ได้กินเจ ถือแค่ศีล 5 ไม่ถึงกับถือศีล 8 และเน้นกินผักแบบล้างพิษ เรียกว่าเน้นกันที่ผักจริงๆ
ทุกคนที่ถือศีลกินผักจะนุ่งขาวห่มขาวกันทั้ง
"คนนครตรังกินผักมาประมาณ 100 ปีแล้ว แต่การถือศีลกินผักของคนตรังไม่พูดว่ากินเจ เพราะไม่ได้กินเจ แต่กินผัก คำว่ากินผักกับกินเจต่างกันนิดเดียว คือกินผักถือศีล 5 ถ้ากินเจถือศีล 8 การกินผักเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ปัจจุบันมีการทำดีท็อคซ์ (detox) หรือล้างพิษออกจากร่างกายการที่คนตรังเป็นโรคไขมันอุดตันมาก ก็เพราะชอบกินของมันๆ คือหมูย่าง เป็นอาหารยอดนิยมของคนตรังมานานแล้ว ซึ่งเฉลี่ยแล้วคนตรังจะใช้หมูทำอาหารเฉพาะในเขตเมืองวันละ 100 กว่าตัว ดังนั้นถ้าหากมีการกินผักกันในเมืองตรังทั้งเมืองก็จะทำให้หมูไม่ถูกฆ่านับพันตัว
การทำอาหารเจอย่าใช้น้ำมันมาก ใช้แต่พอควร ในหนึ่งวันไม่ควรใช้น้ำมันปรุงอาหารเกินสองช้อนโต๊ะ น้ำตาลไม่ควรเกินสองช้อนชาเป็นอย่างมาก ก็จะทำให้สุขภาพดี ถ้าเป็นอาหารเจแบบไทยๆ จะดีมาก เนื่องจากคนกินเจจะมีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอลสูง กินไขมันมาก เพราะอาหารเจที่ขายในตลาดจะใช้น้ำมันมาก ทุกวันนี้คนกินเจเพิ่มขึ้น และทำกันเป็นประเพณี" ปรมาจารย์ด้านอาหารกล่าว
เทศกาลกินผักเป็นอีกแบบอย่างหนึ่งของการสนับสนุนให้คนหันมารักษาสุขภาพให้แข็งแรง และได้บุญ อีกทั้งยังสร้างความสามัคคีให้เกิดในหมู่เหล่าได้อย่างดียิ่ง
ที่มา : www.mthai.com