ทุกเช้าที่เรามีนักท่องเที่ยว เรือของเราค่อยๆแล่นออกจากท่า ผ่านลำคลอง สองข้างคลองเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ เรือของชาวบ้านที่ออกทะเล แล่นสวนทางกลับมา ส่งเสียงทักทายกันตามประสาคนหมู่บ้านเดียวกัน...
"คุณเคยนั่งเรือเที่ยวอย่างนี้มาก่อนมั๊ย" ที่บ้านคุณมีป่าแบบนี้มั๊ย" เสียงนักท่องเที่ยวบอกว่า "เรามาเมืองไทยครั้งแรก และไม่เคยเห็นป่าอย่างนี้มาก่อนเลน มันอัศจรรย์มาก"
เราบอกเขาว่า.."ใช่ป่านี้มันอัศจรรย์ มันดูแล และปกป้องชีวิตคนที่นี่ให้มีชีวิตยืนยาวและปลอดภัย" ...ในป่านี้มีอาหาร และป่าผืนนี้ช่วยเราให้ปลอดภัยจาก สึนามิ...
...วันนี้เราปกป้องป่านี้เท่าชีวิตของเรา เพราะเรายังมีลูกหลานที่ต้องใช้ชีวิตอีกยาวนาน..
...เรือของเราแล่นไปเรื่อยๆตามลำคลองเล็กๆที่เลาะเข้าไปในป่า พอถึงจุดหนึ่งเราก็ดับเครือ่งยนต์..เพื่อฟังเสียงธรรมชาติ..
นกกระเต็นสีนำเงินบินหัวเราเราไป..ได้ยินเสียงเจ้าลิงร้องอยู่ไกลๆในป่า ใบตะบูนดำตอนนี้กำลังผลัดใบเป็นสีแดง ร่วงหล่นจากต้นเมื่อลมพัด ใบสีแดงลอยไปตามน้ำในลำคลอง ริมตลิ่งเจ้าปูสีฟ้า สีแดง สีเหลือง และมีสีอื่นๆด้วยจำไม่หมด กำลังหากินตามปกติชีวิต...
"ทำไมคุณถึงทำท่องเที่ยวไม่เหมือนใครๆเขา?"นักท่องเที่ยวถาม... แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นอะไรที่เราไม่เคยเห็น ที่สำคัญเหมือนเราได้กลับคืนสู่ธรรมชาติ..เราอยู่ในเมืองใหญ่มีแต่ตึก..
..เรายังคงไม่ตอบ แต่บอกนักท่องเที่ยว เดี๋ยวเราจะออกสู่ปากอ่าว เพื่อจะไปดูหมู่บ้าน ไปดูเกาะ พร้อมกับฟังตำนานของเกาะแห่งนี่...
...โปรดติดตามตอนต่อไป...
...........................................................
เรือของเราค่อยๆแล่นออกจากผืนป่าไปตามลำคลองที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ
และกำลังออกสู่ปากอ่าว เราเรียกอ่าวนี้ว่าอ่าวลันตาซึ่งอยู่ฝั่งด้านทิศตะวันออกของเกาะ....จากจุดนี้ทำให้เราและนักท่องเที่ยวของเรามองเห็นหมู่เกาะน้อยใหญ่มากมาย ทั้งที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ และไม่มี
เราแล่นเรือออกไปอีกนิดหน่อยจะเห็นเกาะที่เราอาศัยเป็นแนวยาว ซึ่งเราบอกนักท่องเที่ยวของเราว่าคุณพักอยู่ที่เกาะนั้นแหละแต่อยู่อีกด้านหนึ่งของเกาะ ...บางครั้งนักท่องเที่ยวก็หลงทิศเหมือนกัน....เราต้องคอยบอกเขา...
เกาะที่เราอาศัยอยู่เป็นแนวยาว เราบอกนักท่องเที่ยวว่า...เราอยู่ที่นี่มากว่า 200 ปีมาแล้วนับจากบรรพบุรุษของเรา และก่อนที่จะมีการท่องเที่ยวเข้ามา พวกเราและชาวเกาะแห่งนี้ทำมาหากินอยู่กับทะเล อยู่กับป่าที่เราผ่านมา เราทำสวน ทำนา และก็ทำไร่....เราชี้ให้นักท่องเที่ยวดูที่ปลายสุดของเกาะซึ่งมองเห็นอยู่เป็นเลาๆจากจุดที่เรือเราอยู่ เราบอกว่านั่นคือหมู่บ้านชาวเล พวกเขาคือชนกลุ่มแรกที่เดินทางสู่เกาะ ทำมาหากินอยู่กับทะเลอย่างเดียวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ใช้ภาษาที่เราฟังไม่รู้เรื่องออกไปทางมาลายู พวกเขาคือชนกลุ่มแรกที่เข้ามาอาศัยบนเกาะแห่งนี้คาดว่าราว 200 ปีก่อน เมื่อก่อนยังไม่เป็นหมู่บ้านเพราะพวกเขาอาศัยอยู่บนเรือบ้าง สร้างเพิงพักตามริมฝั่งบ้าง...วันนี้วิถีของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป มีบ้านเรือนใหญ่โต บางคนเลิกอาชีพประมงไปแล้วก็มี ด้วยเหตุผลที่เราคิดว่าน่าจะมาจากการเดินทางของโลกและสังคมที่พัฒนา วิถีดั้งเดิมจึงค่อยหลุดหายไป....แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงมองเห็นเป็นความแตกต่างอยู่ก็คือเรื่องราววัฒนธรรมของพวกเขาที่ยังคงยึดถืออย่างมั่นคงเหนียวแน่น...ชนกลุ่มก็ไปเราชี้ให้นักท่องเที่ยวดูก็คือชาวจีน และมุสลิม ซึ่งอยู่ถัดมาทางใจกลางของเกาะ และอยู่ลึกเข้าไปข้างใน....
..................โปรดติดตามตอนต่อไป "เรื่องราวของ 3 วัฒนธรรม"
ถึง มะปรางเปรี้ยว...ผมภาพเยอะแยะเลยจะให้ดูวันหลังนะ..
แวะมาทักทายค่ะ
หากมีเวลาว่าง รบกวนนำภาพมาให้ดูบ้างนะค่ะ ^-^