ก่อนออกจาก "ถ้ำภูผาเพชร" ทางคณะเราก็เลยมาสุมหัวว่าเราจะเอายังไงกันดี ??
ประเด็นคือ จะไปหรือไม่ไป "น้ำตกวังสายทอง" เพราะหลายคนไม่อยากกลับเย็นย่ำจนเกินไป ทำเอาผู้เขียนใจแป๊วแล้วมั๊ยล่ะ ? แต่จุดนี้ผู้เขียนภูมิใจมาก เพราะไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร อย่างไร ?? จะมีการถามความเห็นกันโดยตลอด และทุกคนก็มีสิทธิเท่าเทียมกัน ขึ้นกับจำนวนเสียงเป็นส่วนใหญ่
และแล้วคำตอบคือ หลาย ๆ เสียง ก็เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างไรซะ ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วก็ ยังไง ยังไง ก็ขอชมน้ำตกวังสายทองหน่อยเถอะ ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ?? ถึงไม่เล่นน้ำก็ขอชมเป็นขวัญตา จะได้ไปโม้ เอ๊ย ! เล่าให้คนอื่นได้เต็มปากเต็มคำ
แต่เนื่องจากเป็นเวลาที่ใกล้เที่ยงเข้าไปแล้ว พวกเราจึงลงมติเป็นเอกฉันท์ "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" กลับไปเติมพลังยังรีสอร์ทที่พัก แล้วค่อยคิดต่อกันอีกที
แต่ หลังจากกินอิ่ม ยิ้มได้ เราก็เลือกเล่นน้ำกันบริเวณหลังรีสอร์ทนั่นเอง สาเหตุที่เราเลือกเล่นน้ำบริเวณหลังรีสอร์ทเพราะสะดวกในการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือใครที่ไม่อยากลงเล่นน้ำก็อาจจะจัดการกับภารกิจส่วนตัวหรือเก็บข้าวเก็บของไปพลาง ๆ สำหรับผู้เขียนก็เลือกเอกเขนก นอนรอเด็ก ๆ บริเวณริมตลิ่งนั่นเอง
ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากอิ่มหนำสำราญใจ กับการเล่นน้ำ ก็ได้เวลาเคลื่อนทัพอำลาที่พักและเจ้าของ "วังแว่นรีสอร์ท" หรือคุณบุญเลิศ เรานี่เอง แต่เราก็ไม่ลืมที่จะแวะชม "น้ำตกวังสายทอง" โดยให้เวลาเล็กน้อย ห้ามเล่นน้ำ เพราะจะใช้เวลานานเกินไป แต่นักสำรวจทั้งเล็กและใหญ่ ก็อดไม่ได้ที่จะปีนป่ายขึ้นไป เที่ยวชมความงามของน้ำตกวังสายทอง
น้ำตกวังสายทอง
หลังจากออกจาก "น้ำตกวังสายทอง" พวกเราก็แยกย้ายกันกลับโดยสวัสดิภาพ ก็เป็นอันจบโครงการทัศนศึกษา พัฒนาจิต Trip นี้เล่นเอา เป็น "ปลื้ม" กันไม่รู้จบ คราวหน้าพวกเราจึงตกลงกันว่าจะไปฉลองปีใหม่กันที่นี่อีกรอบ ส่วนผู้เขียนก็จะไปแก้ตัวเรื่องล่องแก่ง อีกสักหน
เต็มอิ่มกับต้นแบบของสปาแบบธรรมชาติเลยนะครับ...
ผมเป็นไงไม่รู้ชอบลำธาร...ชอบเดินเล่นใกล้ลำธาร แต่ก็ไม่ชอบลงเล่น ชอบดูก้อนหิน ต้นไม้ ก้อนกรวด และอื่น ๆ
และเรียนรู้เสมอมาว่า แม่น้ำหรือลำธาร ให้ความชุ่มชื่นเสมอ