การวางระบบในการปลูกพืชไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ต่างก็ต้องมีการวางแผนในระบบการปลูกเช่นกัน เพียงแต่ว่าในแปลงที่น้อยกว่า หรือมีพื้นที่ที่จำกัดจะต้องมีการวางแผนผังที่เข้มข้น และพิถีพิถันมากว่า ทั้งนี้ก็เพื่อมุ่งหวังให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยกันทั้งสิ้น
ดังนั้น เมื่อเรามีพื้นที่ที่น้อย แต่มีความต้องการที่จะให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพเราคงต้องมองอย่างครอบคลุม และรอบด้าน อีกทั้งต้องมีความเข้าใจต่อชนิดของพืชที่เราจะปลูกเป็นอย่างดี และหากถามว่า แล้วปัจจัยใดบ้างล่ะที่เราต้องพิจารณาบ้าง ก็คงต้องเรียนอย่างนี้ครับว่า พืชที่เราจะปลูกมีพฤติกรรม และมีนิสัยการจริญเติบโตอย่างไร ชอบอากาศแบบไหน ดินลักษณะอย่างไร ต้องการน้ำอย่างไร สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งและผมคิดว่าเป็นปัจจัยที่เราสามารถควบคุมหรือจัดการได้
แต่มีอีกประเด็นหนึ่งครับที่ผมมองว่ามีความสำคัญไม่น้อยเช่นกันที่นักปลูกพืชจะต้องพิจารณา โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่ปลูกพืชในระบบเกษตรกรรมแบบประณีต เนื่องจากมีพื้นที่ที่จำกัด ปัจจัยนั้นก็คือ แสง (Light) เพราะแสงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการสร้างอาหารของพืช ดังนั้นในการที่จะปลูกพืชชนิดใดควบคู่กับการปลูกพืชชนิดใดนั้น หรือหลายๆ พืชรวมกันแบบผสมผสาน พี่น้องเกษตรกรต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความต้องการแสงของพืชชนิดนั้นๆ เพื่อจะได้จัดการระบบการปลูกได้อย่างถูกต้อง
เมื่อเป็นเช่นนั้นในการที่เราจะปลูกพืชชนิดใด ควรที่จะเข้าใจสภาพความต้องการแสงของพืชชนิดนั้นๆ ก่อน ดังตัวอย่างที่ผมได้ไปพูดคุยกับคุณกมล พรหมมาก จากชุมชนอโศกวังศรีเมฆ จังหวัดนครราชสีมา ที่มาจัดนิทรรศการในงานวันเกษตรแห่งชาติ เมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ท่านได้ยึดหลักการการปลูกพืช 3 ระดับ จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการปลูกพืช
คุณกมล ได้เล่าว่าในการปลูกพืชเราต้องใช้ประโยชน์จากพื้นดินให้มากที่สุด ในขณะเดียวกันต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย การปลูกพืชสามชั้นคือ 1 การปลูกไม้หลัก ได้แก่ไม้ยืนต้นชนิดต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการออมเพื่ออนาคตให้ลูกหลานได้ใช้ประโยชน์ ชั้นที่ 2 การปลูกไม้รอง ได้แก่ พวกไม้ผล และไม้พุ่มต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการบริโภค และชั้นที่ 3 ได้แก่กลุ่มของพืชผักชนิดต่างๆ หรือพวกไม้คลุมดิน ซึ่งนอกจากจะใช้ในการบริโภคแล้วยังเป็นการรักษาหน้าดินอีกทางหนึ่งด้วย
จากกระบวนการดังกล่าวเป็นเป็นการวางระบบการปลูกพืชเพื่อให้พืชไม่ได้บดบังในเรื่องของแสงซึ่งกันและกันสำหรับการสร้างอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มพืชผักที่ไม่ต้องการแสงมาก ก็จะได้ร่มเงาจากกลุ่มไม้ผล และไม้ยืนต้น จึงทำให้มีการเจริญเติบโตที่ดี ในขณะเดียวกันพืชผักที่มีต้น หรือทรงพุ่มเตี้ยก็จะรักษาความชื้นให้กับไม้ผลและพืชยืนต้นได้ นับเป็นการใช้ประโยชน์แบบเกื้อกูล
ดังนั้น การวางแผนการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่คนทำการเกษตรแบบไม่เอาจริงเอาจังโดยทั่วไป จะประสบความสำเร็จได้โดยง่าย หากจะต้องมีการจัดการเอาใจใส่อย่างประณีต อย่างเช่นกลุ่มสันติอโศก แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากเกินไปนักที่พี่น้องเกษตรกรโดยทั่วไปจะทำไม่ได้ เพียงแต่เรามีความขยัน และความเพียร เหมือนพี่น้องชาวอโศก ซึ่งผมมองว่าเกษตรกรโดยทั่วไปยิ่งมีข้อได้เปรียบพี่น้องชาวอโศกด้วยซ้ำไปเพราะในกระบวนการปรับปรุงดินที่เป็นหัวใจสำคัญในการปลูกพืชเรามีโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่มีราคาถูกกว่า เนื่องจากเรามีการเลี้ยงปศุสัตว์ ในขณะที่กลุ่มพี่น้องชาวอโศกต้องพึ่งจากภายนอกที่มีความยากลำบาก และต้นทุนสูงกว่า
นี่คงเป็นอีกแนวทางหนึ่งสำหรับการจัดการระบบการปลูกพืช และการจัดการเรื่องของแสง ในระบบเกษตรกรรมแบบประณีต อันจะนำไปสู่การวางแผนการทำงานต่อไปนะครับ
ขอบคุณครับ
อุทัย อันพิมพ์
8 มีนาคม 2550
พอดีว่าตอนนี้ ฉันนั้นเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น (เกษตรศาสตร์) และอาจารย์ที่สอนพวกฉันนั้นเคยได้นำ VDO เกี่ยวกับการเปลี่ยนสภาพพื้นที่ส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยอุบล ให้เป็นการทำเกษตรแบบประณีตโดยกลุ่มพวกเกษตรอโศก ฉันว่านั้นเป็นเรื่องที่ดีมากเลยและถ้าหากมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีโอกาสที่ดีอย่างนั้นบางคงดีไม่น้อย(อิจฉา) อยากให้คุณพยายามที่จะเผยแพร่การทำเกษตรแบบประณีตนั้ออกไปให้ไกลมากที่สุด เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของชาวเกษตรกร
ขาดข้อมูลอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็ยินดีนะครับ
ขอบคุณครับ