ท่านผอ...
บ้าน วัด โรงเรียน ....นั่นอดีต
โรงเรียน สำนักกวดวิชา เน็ต .... นี้ปัจจุบัน
ประเด็นหลังค่อนข้างใกล้เคียง ครับ..
เจริญพร
บ้าน วัด โรงเรียน ยังคงมีบทบาทร่วมกันอยู่ครับผมขอยืนยัน
ผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน...เริ่มนิยมฝากเด็กเข้าเรียนมากขึ้น
พระสงฆ์องค์เจ้า...เริ่มนิยมฝากเด็กเข้าเรียนมากขึ้น
โรงเรียน...ยินดีรับฝาก เนื่องจากต้องพึ่งพางบประมาณนอกราชการอยู่ครับผม
5555555555555555555555555555555555
(ไม่ได้เป็นทุกโรงเรียนหรอกครับผม ส่วนน้อยนิดเท่านั้นเอง....)
เพราะฉะนั้น ปลาบางตัวก็ถูกคนเลี้ยงปลาชักจูงให้เข้าไปวนเวียนอยู่ในน้ำ (น้ำที่สะอาดบ้าง ไม่สะอาดบ้าง)
วัด...เป็นโรงเรียนดั้งเดิมของคนไทย
แต่เนื้อความนี้ชัดเจน คม ชัด ลึก ยิ่งนัก ครับ "การเปรียบการศึกษาเป็นดั่งปลา บ้านและวัดรวมถึง ชุมชนเปรียบเป็นน้ำ การศึกษายุคใหม่เป็นดังปลาหนีน้ำ"
การศึกษา ในทางพุทธศาสนามักจะใช้คำว่า สิกขา แล้วสิกขาที่ว่านี้ จะประกอบด้วย 2 ส่วนคือ ปริยัติ และปฎิบัติ ในส่วนของกระบวนการได้มาซึ่งการศึกษานั้นไม่ต้องอธิบาย พูดแต่ว่า ปริยัติและปฏิบัต ต้องมีสถานที่ ที่พร้อมสำหรับสิกขา ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ต้องสิกขาที่ สำนักตักศิลาถือว่าโด่งดังที่สุด เพราะเหตุใด เพราะว่า ต้องใช้เวลาในการเรียนปริยัติ เรื่องการปกครองบ้านเมือง เรื่องโหราศาสตร์ เป็นต้น และปฏิบัติ เป็นวิชชาการทั้งหลาย เช่น การยุทธการต่อสู้ด้วยอาวุธสั้นยาว ต้องฝึกฝน การฝึกอาคมต่าง ๆ มีสถานที่ฝึกต้องเงียบต้องพร้อม
ปัจจุบัน สิกขามักอยู่ที่วัด เพราะสิกขา(ปริยัติ)มีขั้นตอนการเรียนจากการเรียนธรรมะ ตั้งแต่หมวด 2 จนถึงปกิณกะ พุทธประวัติ การเรียนอภิสมาจาร การเรียนอธิกรณ์ จนถึงบาลี ไวยกรณ์ต่าง ๆ ฯลฯ ส่วนปฏิบัติ ตั้งแต่ ภิกษุบวชใหม่ ต้องท่องสวดมนต์ ทำวัตร พิจารณาปัจเวกณ์ เจริญภาวนา โดยพิจารณาจากจริต เจริญกัมมฐาน ใน 40 อาการ ผ่านการเป็นพระใหม่แล้ว ต้องศึกษาพระไตรปิฎก พระอภิธรรม ปฏิบัติธุดงค์วัตร เป็นต้น รวมเวลา ต้องผ่านทั้งหมดใช้เวลา 5 พรรษา พอดี
แล้วการศึกษาปัจจุบัน เป็นปลา บ้าน วัดและโรงเรียน เป็นน้ำ คงถูกไม่หมดหรอกครับ เพราะวัดยังมีสิกขาอยู่ เพียงแต่ว่าเราให้ความสำคัญมากน้อยเท่าไหร่ ถ้าเราเอาการศึกษาปัจจุบันที่เป็นแบบเรือไม่มีหางเสือ อนาคตคงไม่ต่างกับที่อาจารย์ศักดิ์พงศ์ว่าเท่าไหร่ แต่ถ้าเรียนทางโลกแล้ว สิกขาทางธรรมอีกก็จะทำให้สังคมคงอยู่ได้ ต่อไป.................