รูป นาม เป็นอารมณ์


ผมเริ่มต้นศึกษาพระพุทธศาสนาเชิงปฏิบัติเป็นครั้งแรกราว 10 ปีก่อน กับการใช้ลมหายใจเป็นอารมณ์กรรมฐานและมีบัญญัติเป็นองค์บริกรรม รู้สึกมีความสุขสบายใจมากเป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นความสุขที่ปราศจากอารมณ์อย่างทั่วไป อย่างเช่น การได้ท่องเที่ยว ได้ทานอาหารอร่อยๆ ได้ฟังเพลง หรือดูภาพยนตร์เรื่องโปรด. ความสุขครั้งนั้นเกิดจากความสงบซึ่งได้พากเพียรด้วยตนเอง ตามคำแนะนำของครูบาอาจารย์ืั้

ครั้นต่อมาก็ได้อธิษฐานอยู่เนื่องๆว่า ขอให้ได้พบแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา ในปีต่อมา ผมได้พบอาจารยหญิงท่านหนึ่ง ท่านสอนปฏิบัติ โดยแนะให้พิจารณานามธรรมเป็นอารมณ์ ท่านสอนสติปัฎฐาน 4 โดยยกองค์บริกรรมออก การบริกรรมในครั้งนั้นจะมีเพียงตอนที่สวดมนต์ถวายพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นไปด้วยความไพเราะและซาบซึ้งในความรู้สึกเหลือเกิน

ในการได้พบท่านอาจารย์ครั้งนั้นได้มอบความแตกฉาน ในการปฏิบัติและเข้าใจหลักการในพระพุทธศาสนามากขึ้น เริ่มมองเห็นความไม่ดีที่เกิดขึ้นภายในใจของตนเอง เริ่มกางกั้นอกุศลเป็น และแยกสภาวะของรูปธรรม นามธรรมได้ง่ายขึ้น 

ครั้นปฏิบัติมาจนปัจจุบันพิสูจน์โดยความรู้สึกได้ว่า ตัวตนไม่มีเลย แต่ที่มีตัวตนเพราะความยึดถือว่าเป็นตัวเอง พอความยึดถือมันมากเข้ามันก็กลายเป็นตนเอง

การเสียสละออกทั้งวัตถุ และความช่วยเหลือท่านผู้อื่น เป็นการกระจายความเห็นแก่ตนออก เมื่อมองเห็นตนน้อยลง ความเห็นแก่ตนก็ลดลง ความฉลาดก็มากขึ้น เมื่อภาวนาก็สามารถ เข้าในลักษณะของธรรมชาติออกทีล่ะอย่างๆได้ง่ายขึ้น เพราะแยกเป็น เช่น ความโกรธก็อย่างหนึ่ง ความรักก็มีลักษณะอย่างหนึ่ง ความเพียรก็มีลักษณะอย่างหนึ่ง  ธรรมชาตินามธรรมเช่นนี้เกิดที่ใจ

ธรรมชาตินามธรรมบางอย่างต้องอาศัยร่างกายที่สมบูรณ์จึงเกิดขึ้นได้ เช่น การมองเห็น การได้ยินเสียง การรู้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัส ซึ่งการรับรู้ทั้ง 5 นี้ ก็ไม่เหมือนกัน

การกระทบอารมณ์ครั้งหนึ่งๆ ก็ แตกต่างกันไม่ใช่สภาพอันเดียวกัน เช่น ได้รสอาหารอย่างหนึ่งในครั้งหนึ่ง ก็แตกต่างจากรสอาหารอีกครั้งหนึ่งเพราะรสชาดกระทบลิ้น แล้วหมดไป หมดไป เกิดแล้วหมดไป จะหาตัวตนที่ไหนมาเล่า เมื่อแยกร่างกาย ออกวางเรียงกันเป็นส่วนๆ จะเอาตัวตนที่ไหนมาเรียกว่า เรา เล่า 

แต่ที่ถือว่าเรา  เพราะเหตุแห่งการรวมเป็นกลุ่มเป็นก้อน แล้วยืดไว้ต่างหาก

โปรดพิจารณา

"ธรรมะสนุกดี" 

 

หมายเลขบันทึก: 82651เขียนเมื่อ 8 มีนาคม 2007 14:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 00:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เห็นด้วยๆๆๆ  หลวงพ่อพุทธทาส แสดงไว้นานแล้ว

นี้คือแก่นแท้  ไม่มีเปลือก+กระพี้ ปลอมปน

ขอให้เจริญก้าวหน้าในธรรม.. โมทนาบุญด้วยค่ะ

*****..สู้ๆ.. (^o,^)*****

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท