มุมมองเชิง "เอกภาพ" ของอุดมศึกษา นี่แหล่ะ ที่ผมคิดว่าเป็นมุมมองที่เป็นอันตรายต่อสังคมไทย จะฉุดให้สังคมไทยไม่สามารถมี "อุดมศึกษาแบบเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการระดับสากล" ได้
การได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคนหนุ่มสาว เป็นคุณต่อคนแก่อย่างผม ทำให้ผมได้ทำความเข้าใจว่าโลกยุคปัจจุบันเขาอยู่กันอย่างไร คิดอย่างไร เรียนอย่างไร ผมจะได้ไม่ตกยุคมากนัก
คุณ (---) นิสิตระดับดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา (---) ภาควิชา (---) คณะ (---) อยู่ระหว่างการดำเนินงานวิจัยวิทยานิพนธ์เรื่อง "---" โดยมี (---) และ (---) เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
คุณ (---) เธอพากเพียรพยายามจะสัมภาษณ์ผมให้ได้ เพื่อใช้ความเห็นของผม และของผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนหนึ่ง ไปประกอบการพัฒนาแนวคิดรูปแบบการจัดอันดับและจัดระดับคุณภาพหลักสูตร
ผมบอกว่า การที่ นศ. ไม่ review ความรู้เดิมและวิเคราะห์ สังเคราะห์ เป็นความเข้าใจที่คมชัดของตัวเอง และมองเห็น "ช่องว่าง" ของความรู้ สำหรับใช้เป็นปัญหาวิจัย แต่ดำเนินการ "เรียนลัด" โดยการมุ่งไปถามผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นวิธีเรียนที่ผิด ไม่ควรทำ
เธอจึงส่งเอกสารหนา ๒๑๓ หน้า ชื่อ "โครงการวิทยานิพนธ์.........." ตามชื่อข้างต้น เพื่อแสดงว่าผมประเมินเธอผิด เธอทำการบ้านมากมาย อ่าน reference ถึง ๔๙ รายการ
ผมพลิกๆ ดูแล้วถามตัวเองว่าวิทยานิพนธ์นี้จะให้ความรู้ใหม่แก่สังคมไทยหรือไม่ เป็นความรู้ที่แม่นยำน่าเชื่อถือไหม
ผมตอบตัวเองว่า (ผมอาจจะผิดโดยสิ้นเชิง) ผลการวิจัยชิ้นนี้จะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่ออุดมศึกษาไทย เพราะเป็นโจทย์วิจัยที่อยู่บนฐานคิดที่ผิด คือคิดว่า "อุดมศึกษา" มีหนึ่งเดียว หรือเป็นกลุ่มเดียว และ "ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย" ต่ออุดมศึกษาเป็นคนกลุ่มเดียวกันทั้งหมด
มุมมองเชิง "เอกภาพ" ของอุดมศึกษา นี่แหล่ะ ที่ผมคิดว่าเป็นมุมมองที่เป็นอันตรายต่อสังคมไทย จะฉุดให้สังคมไทยไม่สามารถมี "อุดมศึกษาแบบเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการระดับสากล" ได้
นี่คือประเด็นที่ผมต้องการสื่อต่อท่านอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสองท่าน โดยที่ผมไม่ยืนยันว่าความเห็นของผมจะต้องถูกต้องเสมอไป แต่ผมเชื่อเช่นนี้โดยบริสุทธิ์ใจ
สิ่งที่ผมต้องการสื่อต่อคุณ (---) ก็คือ ผมเห็นใจคุณ(---) ที่อยากได้ปริญญาเอก ก็ต้องทำวิทยานิพนธ์ ๑ ชิ้น อาจารย์ที่ปรึกษาคงจะแนะให้ทำเรื่องนี้ จึงต้อง review เอกสารที่เกี่ยวข้องมากมาย นำมาเขียนเป็น "ความรู้ที่ค้นคว้ามาได้" ซึ่งก็คงจะเป็นการทำตามจารีตของนิสิตระดับดุษฎีบัณฑิต แต่ถ้ามองในด้านการเรียนรู้ที่แท้จริงของคุณ (---) ผมไม่เห็นคำถามที่เป็นของคุณ (---)าเอง และความพยายามตอบคำถามหลักเหล่านั้นให้คมชัด
ถ้าเป็นผม ผมจะถามว่า "คุณภาพของหลักสูตรอุดมศึกษา" คืออะไร บอกได้อย่างไรว่าคุณภาพสูงหรือต่ำ
พอถามอย่างนี้เราก็จะเห็นได้ทันทีว่าหลักสูตรอุดมศึกษามันมีหลายกลุ่ม บางกลุ่มต้องการเน้น "รู้" เพื่อไป "รู้" วิชาถัดไป พอผ่านหลายๆ วิชา ก็บอกว่าความรู้เพียงพอที่จะออกไปทำงานได้แล้ว นี่คือหลักสูตรที่มีเป้าหมายสร้างคนออกไปทำงานหาเลี้ยงชีพ
หลักสูตรอุดมศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งเน้นฝึกตั้งคำถาม ไม่ใช่เน้น "รู้" ความรู้สำเร็จรูป เป็นหลักสูตรสร้างนักวิชาการ นักวิชาชีพ
หลักสูตร ๒ แบบนี้เอามารวมกันให้เกิด "เอกภาพ" แล้วเอามาประเมิน จัดอันดับ ร่วมกันไม่ได้
ที่จริง สิ่งที่ผมอยากจะบอกคุณ(---) คือ วิธีตักตวงผลประโยชน์เข้าตัว จากการทำวิทยานิพนธ์
วิธีของผม คือ ตั้งโจทย์หรือคำถามของตัวเราเอง แล้วเชื้อเชิญให้ ๔๙ reference นั้นช่วยกันตอบ ถ้ายังตอบได้ไม่หนำใจ ก็ไปค้น reference เพิ่มอีก ถ้าค้นแล้วค้นอีก และถามใครๆ แล้วก็ยังตอบได้ไม่ครบถ้วน ไม่ตรงประเด็น ก็แสดงเราค้นพบคำถามวิจัยที่ "ใหม่และสด" แล้ว ขั้นต่อไปก็คือ การหาวิธีตอบคำถามวิจัยนั้น ถ้าหาวิธีที่ "ใหม่และสด" ได้อีก วิทยานิพนธ์ของเราก็จะมีคุณค่ายกกำลังสอง
ผมคิดว่า ผมได้ทำการบ้านให้แก่คุณ (---) มากกว่าเวลา ๔๕ นาที ที่มาขอสัมภาษณ์นะครับ และได้นำมาลงบันทึกในบล็อกเพื่อ ลปรร. วงกว้างด้วย โดยที่เสี่ยงต่อการประกาศความเบาปัญญาของผมด้วย
วิจารณ์ พานิช
๕ มี.ค. ๕๐
เมื่อ พฤ. 14 มิ.ย. 2550 @ 06:22
292328 [ลบ]
นิสิตคนหนึ่ง