(20)
ตัวอย่างการฝึกวิธีคิดพื้นฐาน : การฝึกจัดเก้าอี้
ตั้งแต่คาบเรียนแรกที่เจอนักศึกษาปี 2 ซึ่งมักจะมีห้องละ 35-40 คน ดิฉันจะสั่งให้นักศึกษาจัดเก้าอี้ให้เป็นวงกลม ให้เวลา 3 นาที (โดยประมาณ) เก้าอี้ที่มหาวิทยาลัยดิฉัน เป็นเก้าอี้ที่มีที่เขียนหนังสือติดอยู่ด้วย ออกจะหนักหน่อย (ทั้งนี้ดิฉันจะแจ้งอาจารย์ห้องข้างๆ และห้องข้างล่างก่อนว่าอาจมีเสียงรบกวน ต้องดูทิศทางลมด้วยค่ะ)
เด็กๆก็จะลากเก้าอี้เพื่อจัดให้เป็นวงกลมด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คือแนวๆว่าเกือบทุกทีที่ให้ทำกิจกรรมนี้ ก็เป็นต้องลากกันสนั่นหวั่นไหวทุกกลุ่ม ไม่ทราบเพราะอะไร
เก้าอี้ที่เธอจัดแถวเป็นวงกลมนั้น บางคนจะลากเฉพาะตัวที่เธอนั่ง เก้าอี้ตัวอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตเธอ เธอไม่สนใจ ปล่อยให้วางระเกะระกะอยู่ทั่วไป บางคนช่วยลากตัวที่ไม่มีคนนั่งไปให้พ้นแถววงกลม แต่ไม่ได้จัดอะไร ขยะชิ้นเล็กชิ้นน้อยใดๆ เธอก็ไม่เก็บ เพราะต่างคนต่างมุ่งให้เสร็จหน้าที่ตัว สิ่งอื่นหรือคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง เธอก็ปล่อยไว้เช่นนั้น ทั้งที่อยู่ในห้องเดียวกัน และขยะก็จ่ออยู่ตรงหน้าเธอแท้ๆ
ดิฉันรอให้จัดจนเสร็จ แล้วบอกว่าดีมาก จัดห้องตามคำสั่งได้ดี ทีนี้ถามหน่อย แล้วดิฉันก็ถาม ให้เธอตอบ ขณะที่พูดดิฉันจะยิ้มอยู่เสมอ ถอดเป็นสคริปต์ได้ดังนี้
ครู : เมื่อตะกี้ใครเป็นหัวหน้าคะ
เด็ก : ไม่มีค่ะ
ครู : ใครสั่งให้จัดเก้าอี้แบบนี้
เด็ก : อาจารย์ค่ะ
ครู : แล้วเก้าอี้ที่เกินมาล่ะคะ ตัวที่ไม่มีคนนั่ง ใครเป็นคนสั่งให้วางเกะกะไว้ ไม่ต้องสนใจ
เด็ก : ไม่มีใครสั่งค่ะ
ครู : แล้วขยะที่อยู่ที่พื้นล่ะคะ เปลือกลูกอม เศษชอล์ก ใครเป็นคนสั่งว่าให้อยู่ที่เดิม ห้ามแตะต้อง
เด็ก : (จำนวนหนึ่งทำหน้างงๆ อีกบางคนที่กล้าๆหน่อยก็บอกว่า)...... ก็หนูไม่ได้ทิ้งนี่คะ
ครู : (ดิฉันยิ้มให้ด้วยสีหน้าปกติ แล้วพูดต่อว่า ) ดีมาก... แล้วเสียงที่ดังเมื่อตะกี้ เกิดจากอะไร
เด็ก : พวกหนูลากเก้าอี้ค่ะ พวกหนูคุยค่ะ ฯลฯ
ครู : งั้นเมื่อตะกี้ แปลว่า
แปลว่าถ้ามีสิบแต้ม ครูก็ยังให้ไม่ได้เลยสักแต้ม เพราะงานที่ทำนี่ คุณภาพคนทำงาน และคุณภาพงาน ยังไม่ได้มาตรฐานเลย ถูกไหม (เธอก็ตอบว่าถูก)
จากนั้นดิฉันก็อธิบายให้เด็กทราบถึง
โดยบอก "วิธีคิด" แก่เด็กๆดังนี้
จากนั้นดิฉันก็บอกเด็กๆว่า
" .....เอ้า...งานต่อไปให้จัดเก้าอี้เป็นรูปตัวยู สองแถวซ้อนกัน เงื่อนไข คือจัดให้เร็วและเงียบ ดูดีมีระดับ ถูกต้องตามที่สั่ง จงประชุมกันก่อนปฏิบัติงาน ให้เวลาทั้งหมดรวมจัดเก้าอี้ด้วย 7 นาที
ครูจะเข้ามาในห้องนี้อีกที เมื่อครบ 7 นาที เอ้า.. เชิญประชุมได้.. "...
แล้วดิฉันก็เดินไปรอเธอหน้าห้อง เพื่อคอยระวังไม่ให้เสียงดังเกินพิกัดอีก พอเธอจัดเสร็จกะว่าให้เวลาเถียงกันอีกเล็กน้อยพองามแล้ว ดิฉันก็เดินเข้าห้อง แล้วก็ตั้งคำถามเธอใหม่
ครู : โอ.เค.ดีมาก ทีนี้ครูถามหน่อย ตะกี้ใครเป็นหัวหน้า ยกมือซิคะ
(คืองี้นะคะ ทำไมต้องพูดคำว่า "โอ.เค." ด้วยก็ไม่รู้ ดิฉันติดปาก อยากพูดคำอื่นก็นึกคำไม่ออก)
เด็ก : (คนที่เป็นหัวหน้าก็ยกมือ)
ครู : แล้วใครเป็นลูกน้องคะ
เด็ก : (ทั้งห้องก็ยกมือ และถ้าบางคนไม่ยกมือ หรือทำท่าเบื่อหน่าย หรือมีเคสอื่นๆ ดิฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย เพราะการฝึกด้วยการทำงานที่เขาไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะได้อะไร เช่นนี้ เด็กบางคนอาจไม่ชอบและรับไม่ได้เอาจริงๆ ดิฉันต้องทำใจนิ่งๆ และดำเนินการต่อไป )
ครู : เมื่อตะกี้ได้ประชุมใช่ไหมคะ ใครเป็นประธาน
เด็ก : เธอตอบพร้อมกันว่า "หัวหน้าคร้าบ..ค่า.."
ครู : เอ้าแล้วตกลงกันว่ายังไงคะ?
เธอก็อธิบายว่า ว่าต้องคุยกันก่อนว่าจะ(ออกแบบ) จัดตัวยูแบบไหนกี่แถว แถวละกี่ตัว หันหัวไปทางไหน เอาทิศใดเป็นจุดเริ่มต้น เก้าอี้ที่ไม่มีเด็กนั่งจะจัดรวมไปด้วยไหม ถ้าไม่รวมจะไว้ตรงไหน เก็บขยะหมดแล้วยัง หน้าต่างนั่น ต้องเปิดด้วยไหม โต๊ะอาจารย์จะเอาไว้ตรงไหน โดยรวมทั้งหมดที่จัดเนี่ยดูดีมีระดับแล้วไหม ฯลฯ
ดิฉันอยากเข้าข้างตัวเองว่า เด็กๆเริ่มจะปรับนิสัย และเกิดทักษะการรู้เท่าทันการสื่อสาร อย่างง่ายแล้ว
ดิฉันบอกเธอว่าดีมาก นี่เป็นการทำงานที่ดูดีมีระดับ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นอย่างง่าย คือ
แล้วดิฉันก็ให้เธอเขียนบทความ เรื่อง “ก่อน และ หลัง” คือก่อนเริ่มเรียนการจัดเก้าอี้ และหลังประชุมแล้วจัดเก้าอี้ ว่าเธอคิดอย่างไร ให้เขียนโดยอิสระเสรี ให้เวลาเต็มที่ ตามสบาย
เธอก็เขียนกันมือเป็นระวิงเช่นเคย.... ได้ข้อคิดที่ดูดีมีระดับมาประดับวงการ ให้รุ่นน้องได้อ่านเป็นอนุสติอีกหลายข้อ
หวัดดีจ๊ะ ยสถ์
สวัสดีค่ะ น้องเม้ง