ถึงแม้ว่ารางวัล "ฅ KM" หรือ "ฅ KM มมส." ที่ผมเพิ่งได้รับการประกาศชื่อจากทีมอนุกรรมการฯ Km ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จะดูไม่ยิ่งใหญ่เหมือนรางวัลของชาวบล็อกที่ได้รับจากการประกาศยกย่องจาก สคส. ไม่ว่าจะเป็นรางวัล “สุดคะนึง” หรือแม้แต่ “จตุรพลัง” ก็ถามเถอะ แต่ผมก็ตระหนักแก่ใจว่า ทุกรางวัล ไม่ว่าจะมาจากสถาบันใดเป็นผู้ประกาศรับรองก็ล้วนแล้วแต่มีคุณค่าในตัวเองเสมอ
แต่ในเวทีของคนเขียนบล็อก ผมกลับมองว่ามิตรภาพของแต่ละคนที่ส่งถึงกันนั้น เป็นเสมือนอีกรางวัลหนึ่งที่ทรงคุณค่าไม่ด้อยไปกว่ารางวัลใด ๆ
การได้รับรางวัล "ฅ KM" หรือ "ฅ KM มมส." เป็นคนแรกของ มมส กลายเป็นหินก้อนแรกที่ถูกโยนออกไปเพื่อถามทาง , กระเด็นกระดอน พลิกหล่นไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อสร้างความชัดเจนของเส้นทางในอนาคต แต่ผมก็ภูมิใจที่เป็นหินก้อนแรกแห่งการบุกเบิกครั้งนี้... (บางทีก็ติดตลกว่า เป็นความโชคดีที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายติดโผเป็นกรรมการฯ จึงอดได้รับรางวัลนี้ซะเอง...ส้มจึงหล่นมายังผมอย่างช่วยไม่ได้)
ผมรับปากเพื่อนชาวบล็อกท่านหนึ่งว่าจะสะท้อนความรู้สึกที่มีต่อรางวัล (บ้าง) โดยอันที่จริงผมไม่อยากกระทำเช่นนั้น มันเหมือนดาราในทีวีที่ต้องขึ้นกล่าวความรู้สึกตนเองที่ได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง (ประมาณนั้น)
แต่ก็เถอะ..เพื่อเป็นการขอบคุณมิ่งมิตรชาวบล็อก รวมถึงการ “คารวะ” คณะกรรมการที่พิจารณารางวัลนี้แก่ผม... ผมจึงตัดสินใจที่จะกระทำเช่นนั้นอย่างไม่หลีกเลี่ยง
หากแต่ขออนุญาตนำเอาถ้อยคำที่เคยเขียนไว้ในบล็อกของ “น้องแจ๊ค” กัมปนาท... มาเผยแพร่ซ้ำ แต่งเติมเท่าที่จะทำได้ ...
นี่คือ บางส่วนของความรู้เมื่อผมรู้ว่าตนเองได้รับรางวัล "ฅ KM" หรือ "ฅ KM มมส."
ผมเป็นคนที่เกิดจากหมู่บ้านติดลำน้ำปาว และลำน้ำนั้นก็เติบใหญ่เป็นเขื่อนลำปาว...ถึงไม่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ก็ลึกและยาวหล่อเลี้ยงผู้คนอย่างกว้างไกล..
ผมจึงชอบสายน้ำ เพราะสายน้ำสอนให้รู้คุณค่าของความฉ่ำเย็นและกว้างลึก อันหมายถึง "ใจกว้างและอาทร" หากแต่ผมเป็นสายน้ำที่อาทรและหลากไหลได้ทั้งชาเย็น ห้วนแรง หรือแม้แต่กระชากกระชั้น
แหละเมื่อเข้าสู่การเขียนบล็อก เป็นการเข้าสู่เวทีโดยภาวะส่วนตัวผ่านการเชิญชวนของรุ่นพี่ในสำนักงาน มิได้เข้าสู่กระบวนการในนามขององค์กร และมิใช่คนทำงาน KM ในทีมอนุกรรมการของมหาวิทยาลัยฯ
แต่เพราะการได้ฟังผู้บริหารท่านหนึ่งพูดในเวทีว่า "เริ่มด้วยใจ" และจากนั้น ทุกครั้งที่พบกับท่าน, ท่านก็จะกำชับเสมอคือ "มาช่วยกันนะ"
ผมให้ความเคารพต่อท่านไม่น้อยกว่าการให้ความเคารพตนเอง ปรารถนาที่จะช่วยทั้งกายและใจ แต่ก็ขอให้ขึ้นอยู่กับโอกาสเป็นสำคัญ เพราะผมรู้ดีว่าตนเองเป็นคนมีราชการไปโน่นไปนี่เสมอ และทำงานไม่มีเวลาแน่ชัด หากเข้าไปร่วมทีมอย่างเต็มตัวอาจกระทบต่อองค์กรก็เป็นได้
ด้วยความสัตย์จริง, โดยส่วนตัวแล้วผมไม่รู้ที่มาที่ไป และไม่อาจหยั่งรู้ราวศาสดาที่จะฟันธงว่า KM คืออะไร และเช่นไรกันแน่...และที่ตนเองเขียน หรือกระทำอยู่นั้น คือ KM หรือไม่... แต่หลายท่านก็เปรยปลอบใจผมอยู่เนือง ๆ ว่า เนื้อหาที่บันทึกอยู่นั้น "ไม่มีผิด ไม่มีถูก" และการเขียนบันทึก หรือเขียนบล็อกก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการจัดการความรู้เท่านั้น
กระนั้น ผมก็มีความสุขที่จะเขียนบล็อก เพราะบทบาทหน้าที่ของผมคือ "การอยู่กับนิสิต และดูแลนิสิต" การบอกเล่าและสื่อสารเรื่องราวต่าง ๆ ที่คิดว่ามีผลต่อการสร้างจินตนาการและสำนึกที่ดีแก่นิสิตเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนกลวิธีที่ใช้อยู่ในรูปแบบใด วิธีการใดก็สุดแท้แต่สไตล์ของผู้เล่า ซึ่งนักเขียนท่านหนึ่งก็พูดไว้ว่า "เรื่องของเรา เราต้องเล่าด้วยวิธีของเราเอง"
ผมยังมีความสุขที่จะเขียน, เพราะการเขียนบล็อก คือการเสริมสร้างและสำรวจบางสิ่งบางอย่างในตัวเอง (ซึ่งบ่อยครั้งก็ไม่อาจกล้าหาญที่จะบอกว่ามันคือ ความรู้ในตัวผมเอง) และสำคัญคือ ผมต้องการบอกเล่าเรื่องราวของนิสิตและหน่วยงานไปสู่เวทีที่ "กว้างและไกล" ขึ้นกว่าเดิม เพื่อบอกเล่าให้รู้ว่า "ที่ตรงนี้มีนาฏกรรมอะไร ! เช่นไร ! และเป็นไปอย่างไร !"
และการเขียนก็ไม่ติดยึดและเคร่งเครียดว่าทุกอักษรที่ดูเหมือนนวนิยายของผมนั้น คือ KM หรือไม่...แต่รู้และตระหนักมั่นอยู่เสมอว่าทุกตัวอักษร "คือเรื่องจริง ... คือความจริง และเป็นความสัตย์จริง" เสมอ
และที่สำคัญก็คือ "น้ำใสใจจริง" ของผมเองก็เป็นไปตามกระบวนความในอักษรแต่ละตัวอย่างไม่ต้องสงสัย
ผมมีความสุขที่จะเขียนบล็อกในวิถีของผม ..เพราะโลก G2K สอนให้ผมเห็นคุณค่าของ "มิตรภาพ, กำลังใจ การเติมเต็มกันและกัน" รวมถึงการสอนให้เห็นถึงธรรมเนียม (อันควรนิยม) ที่หมายถึงการให้ความเคารพรัก นับถือ ให้เกียรติและส่งเสริมกันและกันอย่างไม่มีสิ่งใดกั้นขวาง
ที่นี่สอนให้ผมนิ่งขึ้น เยือกเย็นขึ้น ..และที่สำคัญคือการรู้จักที่จะแสดงความชื่นชมต่อคนรอบข้างมากขึ้น เพราะก่อนนั้นถึงแม้ผมตระหนักในเรื่องนี้ก็จริง, แต่กลับไม่ใคร่แสดงออกถึงพฤตินัยเช่นนั้นนัก และที่สำคัญอีกประการ คือการ "เปิดรับ" อย่างมีมิตรภาพ รู้จักเฝ้ารอคนอื่น โดยไม่ด่วนทำตนโชว์เด่นแบบ "ลูกทุ่ง ,ข้ามาคนเดียว" ....
และบัดนี้ผมก็ได้เห็นความเปลี่ยนสำหรับผมอีกประการก็คือ "ความทระนงที่มีอยู่อย่างมากล้นจนดูเหมือนกระด้างได้อ่อนตัวลงอย่างมาก" ...
สิ่งที่ผมเคยบอกว่า "ฉันรู้.." (ทำตัวเป็นผู้รู้) วันนี้ผมเรียนรู้จากที่นี่ว่า "นั่นคือสิ่งที่ฉันเข้าใจผิดว่า ฉันรู้"
รางวัล..ที่ได้รับครั้งนี้ , ถึงแม้เป็นรางวัลที่ผมไม่ได้สมัครเข้าประกวดแข่งขัน หรือแม้แต่การเขียนบล็อกก็เขียนในลักษณะส่วนตัว โดยไม่ได้รับมอบหมายจากองค์กรเลยแม้แต่น้อย รวมถึงการไม่ใช่คณะทำงานอนุกรรมการ KM ของ มมส ดังนั้น บล็อกหรือบันทึกของผมจึงมีความเป็นอิสระจากระบบอย่างชัดเจน เพียงแต่เรื่องราวทั้งหลายเป็นเรื่องราวที่มาจากวิถีงานประจำของผมเท่านั้นเอง
ผมยังมีความสุขใจและกล้าที่บอกว่า "ขอบพระคุณทุกคน ทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งโดยตรง และโดยอ้อม" ...ที่มาเติมเต็ม หรือถ้าจะไม่เต็ม มันก็เพิ่มต้นทุนให้ผมได้เรียนรู้ที่จะ "เต็ม" อย่างมีคุณค่าและมี "คุณภาพ" ในอนาคต
รางวัลจะไม่ทำให้ผมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ หรือกลับไปสู่จุดแห่งความทระนงเหมือนเก่าก่อน และจะไม่มีวันทำให้ผม เป็น "นก" ที่กลายพันธุ์เป็นนกที่บินได้ยิ่งกว่า "นก"
ผมยังคงปรารถนาเป็นนกที่บินอยู่ในฝูง...ไม่ประสงค์ที่จะบินเหนือฝูง, ต่ำกว่าฝูง หรือแยกฝูงไปตัวเดียวโดด ๆ ...
ผมไม่ปรารถนาเป็นผู้ชนะแต่ปราศจากคุณค่าใด ๆ ในสายตาคนรอบข้าง....
นี่กระมัง..คือ ความรู้สึกบางอย่างที่บางท่านอยากรู้ว่าผมรู้สึกเช่นไร....ต่อการได้รับรางวัล....
เช่นเดียวกัน, ผมก็ยังต้องขออนุญาตกล่าวซ้ำว่า "ผมไม่รู้หรอกว่า KM เป็นอย่างไร" ผมรู้แต่เพียงว่าบล็อกช่วยให้ผมเรียนรู้ความงดงามของมิตรภาพที่เป็นประหนึ่งสายน้ำที่ไหลอย่างไม่ขาดห้วง , เบาบ้าง แรงบ้างตามวาระและฤดูกาล หากแต่ยังคงไว้ซึ่งความฉ่ำเย็นและอาทรอย่างไม่รู้จบ
นี่มิใช่สุนทรพจน์...หากแต่เป็นความรู้ที่เป็นเสมือนคำขอบคุณที่มีต่อกัลยาณมิตรทั้งหลาย
ให้โอกาสผมได้พูดในสิ่งที่รู้สึกอย่างสัตย์จริงเช่นกับการให้โอกาสผมได้เขียนบันทึกอย่างสัตย์จริงโดยไม่จำเป็นต้องชั่งวัดคุณค่าใด ๆ ...
วันเวลา 2 เดือนในโลกแห่งการเรียนรู้นี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงผมไปในทางที่ดีแล้ว...
ส่วนบันทึกของผลจะมีประโยชน์ต่อใครอื่นหรือไม่ และเป็น KM มากน้อยหรือไม่นั้น...ผมไม่มีความรู้พอที่จะชี้วัดใด ๆ .... และไม่จำเป็นที่ผมจะต้องชี้วัดด้วยตนเอง หากแต่ขอรับผิดชอบในทุกอักษรในบันทึกของผมอย่างทระนง
ท้ายที่สุดผมไม่มีคำอื่นใดที่ควรกล่าวปิดประเด็นอันยาวยืดและปราศจากสาระความรู้นี้เท่ากับคำว่า "ขอบคุณ"
และ ขอบคุณครับ ...
(ผมได้ทำหน้าที่บอกกล่าวความรู้สึกนี้ตามคำสัญญาแล้ว) ....
ขอบคุณพี่พนัสเช่นกันครับ บันทึกนี้มีประโยชน์แน่นอนครับ
ขอบคุณอีกครั้ง
กัมปนาท
พี่แผ่นดิน
ลึกซึ้งมากค่ะ..พี่ชาย..ยินดีด้วยนะค่ะ..กับสิ่งที่ได้รับนั้น...ไม่ต้องคิดและกังวล...ให้พี่ภูมิใจเถอะค่ะ.. เพราะสิ่งเหล่านั้นมันสะท้อนถึงความเป็นตัวของพี่เองทั้งสิ้น
บันทึกนี้ยาวกว่าปกติ
ที่คุณ แผ่นดินเขียน
แต่อ่านเรียบลื่น มีคุณค่า
ยิ่งแสดงความเหมาะสม กับรางวัล
เห็นเองว่าเหมาะสม และเห็นด้วยกับกรรมการค่ะ
กัมปนาท อาชา |
เรียนพี่พนัส
กัมปนาท
มาเยี่ยม...ขอแสดงกุศลเจตนาต่อคุณแผ่นดิน
ที่ได้รับรางวัล...นี้นะครับ
การได้รับรางวัลใด ๆ ของที่ใด ๆ นั้น เขาต้องเห็นว่าผู้ที่จะได้รับนั้นเหมาะสมแล้วนะครับผม