มูลนิธิสื่อเพื่อเยาวชน
ว่าที่ร้อยตรี จิรศักดิ์ กรรเจียกพงษ์

นศ.ม.รังสิต แจกโปรแกรมปิด “แคมฟร็อก” สกัดการใช้งาน ฟรี!


นักศึกษาและอาจารย์สาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมส์มัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต พัฒนาโปรแกรม AntiCamfrog Beta1.0 เพื่อบล็อกการเล่นโปรแกรมแคมฟร็อก สามารถสกัดการใช้งานได้ 100% โดยนศ.ผู้คิดค้นยินดีให้นำโปรแกรมไปใช้งานฟรี!

ยุทธนา ศุภรัตน์ภิญโญ

ยังคงถกเถียงกันไม่จบกรณีโปรแกรมแคมฟร็อกถูกนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ทั้งๆ ที่โปรแกรมดังกล่าวนั้นผู้คิดค้นมีวัตถุประสงค์ให้ผู้คนสามารถสนทนาแบบเห็นหน้าเห็นตากัน อีกทั้งผู้ที่บกพร่องทางด้านการได้ยินสามารถที่จะพูดคุยกันโดยใช้ภาษามือกันได้

ดร.ชนวัฒน์ ศรีสะอ้าน คณบดีคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า โปรแกรมแคมฟร็อกมีห้องหลายประเภทที่มีการพูดคุยและแสดงวิดีโอ เช่น การท่องเที่ยว กีฬา ภาษา วัฒนธรรม แต่ก็มีกลุ่มคนและเยาวชนที่ใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด เพราะตอนนี้การเข้าถึงสื่อประเภทนี้ง่ายมาก จนทำให้ดูเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็มี ใครๆก็ทำได้ แต่ก็ไม่ถูกต้องนัก

“ตัวผู้ใช้งานควรจะเป็นคนที่เหมาะสมและต้องการใช้ในทางที่ถูกที่ควร เพราะถ้าเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี สามารถใช้งานโปรแกรมเหล่านี้ได้ โอกาสที่เขาจะถูกล่อลวงไปในภัยมืดก็เยอะ เช่นในเร็วๆ นี้ที่มีข่าวเด็กอายุ 16 ปี ถูกดีเจแคมฟร็อกแอบอ้างทำให้เด็กเชื่อใจล่อลวงไปข่มขืน ซึ่งคนที่ทำแบบนี้ก็เป็นผู้มีความรู้และก็รู้ว่าผิด แต่ยังกล้าทำสิ่งเหล่านี้ได้”

ด้วยเหตุดังกล่าวทางคณะฯ จึงพยายามที่จะให้นักศึกษาได้หาทางพัฒนาโปรแกรมให้เป็นประโยชน์กับสังคม โดย “ยุทธนา ศุภรัตน์ภิญโญ” นักศึกษาชั้นปีที่ 2 ของคณะฯ ได้เสนอความคิดที่จะทำโปรแกรมที่สามารถบล็อกโปรแกรมแคมฟร็อก ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ

ยุทธนา เล่าว่าเขาได้รับโปรเจ็คนี้มาจากอาจารย์เสกสันต์ แสงสวัสดิ์ และหลังจากได้รับโจทย์ เขาเริ่มศึกษาการใช้งานต่างๆ ทั้งการไฮเปอร์เนต การบล็อกในฟังค์ชั่นต่างๆ ระหว่างที่พัฒนาโปรแกรมก็ทดลองใช้ไปด้วย เพื่อให้ได้โปรแกรมและวิธีการทำงานที่เหมาะสมที่สุด จึงเสร็จสมบูรณ์เป็น
โปรแกรม AntiCamfrog Beta1.0 โดยโปรแกรมจะตรวจจับการทำงานและจะทำการปิดทันทีเมื่อโปรแกรมแคมฟร็อกเริ่มทำงานบนเครื่องพีซี

“การลงโปรแกรม AntiCamfrog นี้ครั้งแรกผู้ใช้จะต้องดับเบิ้ลคลิกที่ตัวโปรแกรมก่อน และในครั้งต่อๆ ไปที่มีการเริ่มใช้โปรแกรมแคมฟร็อก โปรแกรมนี้จะเรียกตัวเองขึ้นมาเอง เพื่อตรวจจับและปิดโปรแกรมแคมฟร็อกทันที หรือเรียกง่ายๆ ว่า ห้ามไม่ให้มีการเปิดใช้โปรแกรมแคมฟร็อกบนเครื่องพีซีได้เลย”


ทั้งนี้ยุทธนาเล่าว่าโปรแกรมดังกล่าวเขียนจาก Visual C#.Net ซึ่งรองรับ Window เวอร์ชั่น 2006 ขึ้นไป มีขนาดเพียง 380 KB สะดวกและง่ายในการลงโปรแกรม และไม่ใช้พื้นที่ในเครื่องพีซีเยอะ ซึ่งทำงานเป็นแบ็คออฟฟิศ (Back Office) อยู่ในแบ็คกราวน์โหมด

“การตรวจจับจะใช้เวลา 10 วินาที แต่จริงๆ แล้วเราทำให้เวลาน้อยลงกว่านี้ได้ แต่เพื่อความเหมาะสมและไม่ให้เร็วเกินไป เราจึงให้เวลา 10 วินาทีในการปิดโปรแกรม หลังจากที่โปรแกรมแคมฟร็อกถูกปิดจากหน้าจอ ผู้ใช้จะพบคำชี้แจงของโปรแกรมนี้” ยุทธนากล่าวเสริม

นอกจากนี้เพื่อเป็นการช่วยแก้ไขปัญหาสังคม ยุทธนาบอกยินดีที่จะให้โปรแกรมนี้กับผู้ที่มีวัตถุประสงค์ในการห้ามใช้โปรแกรมแคมฟร็อกบนเครื่องพีซี ซึ่งผู้ปกครอง สถาบันศึกษา ร้านอินเตอร์เน็ตที่สนใจนำโปรแกรมนี้ไปลงที่เครื่องพีซี หรือเว็บไซต์ที่ต้องการนำโปรแกรมนี้เพื่อให้ดาวน์โหลดฟรี สามารถติดต่อที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิตได้โดยตรงที่ www.rsu.ac.th โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

“ในฐานะนักศึกษา ผมคิดว่า โปรแกรมแคมฟร็อกมีข้อดีมากมาย เป็นทั้งทีวีคอนเฟอร์เรนซ์ การเรียนออนไลน์ การพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องต่างๆ ทั้งทางใกล้และไกล และเป็นประโยชน์มากกับคนใบ้ ซึ่งสามารถพูดคุยเห็นหน้ากันได้

แต่ตอนนี้มีกลุ่มคนที่นำมาโปรแกรมแคมฟร็อกมาใช้ในทางลามกอนาจาร ทำให้เกิดปัญหาสังคมมากมาย ซึ่งเยาวชนได้รับผลกระทบมากที่สุด ผมจึงอยากให้ทุกคนร่วมมือกันทำให้ที่บ้าน สถานศึกษาและร้านอินเตอร์เน็ตเป็นอินเตอร์เน็ตสีขาว”

ส่วนอาจารย์เสกสันต์ แสงสวัสดิ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์เกมส์มัลติมีเดีย คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่าปัจจุบันการบล็อกโปรแกรมแคมฟร็อกยังเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ผู้ใช้บริการก็ยังสามารถกลับมาเล่นได้อีก เพราะการบล็อกต้องใช้โปรแกรมบล็อกที่เครื่องพีซี ไม่ใช่บล็อกไอพีของเว็บไซต์ ดังนั้น การทำงานของโปรแกรมนี้จะเป็นการบล็อกโปรแกรมที่เครื่องพีซีโดยตรง โปรแกรมนี้จะบล็อกตั้งแต่เริ่มเปิดใช้ เพราะมิฉะนั้นจะสายเกินแก้
“หลังจากนี้ จะนำงานวิจัยชิ้นนี้มาต่อยอดและพัฒนาร่วมกันต่อไป เพื่อให้สามารถบล็อกโปรแกรมตามการใช้งานได้ โดยตรวจสอบว่าห้องที่เปิดใช้อยู่นั้นเข้าข่ายอนาจารหรือเปล่า ด้วยวิธีการตรวจจับเม็ดสีของผิวและการเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายอนาจาร

ซึ่งตอนนี้ก็มีงานวิจัยเรื่อง “การแยกแยะรูปดิจิตอลอนาจารคุณสมบัติเม็ดสี” ของนักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต สามารถนำมาพัฒนาร่วมกับโปรแกรมนี้ได้ เพื่อให้ผู้ใช้งานในทางเหมาะสมและไม่เหมาะสมสามารถเล่นโปรแกรมแคมฟร็อกได้อย่างเป็นประโยชน์มากที่สุด”

ที่มา : http://www.manager.co.th/Campus/ViewNews.aspx?NewsID=9500000021696<hr width="100%" size="2" />

คำสำคัญ (Tags): #camfrog
หมายเลขบันทึก: 80099เขียนเมื่อ 22 กุมภาพันธ์ 2007 18:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน 2014 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • จริงๆแล้วโปรแกรมที่เป็นปัญหาอยู่นั้น ผมเห็นมาตั้งนานแล้วครับ เพียงแต่ช่วงแรกมีการใช้ไปในทางสร้างสรรค์
  • ต่อมาเมื่อใช้ไปในทางเสื่อมก็เลยเป็นข่าว จริงๆเป็นโปรแกรมที่ดีนะครับ หากใช้ให้ถูกวิธี
  • ยินดีและชื่นชมกับ นศ.ม.รังสิตครับ
  • นับเป็นนวัตกรรม แต่ทางที่ดี สร้างโปรแกรมแก้จิตสำนึกเยาวชนจะดีที่สุดครับ
  • ขอบคุณและชื่นชมครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท