หน้าแรก
สมาชิก
niti pyu
สมุด
งานอาจารย์เอ๋
สภาพปัญหาระหว่างป...
niti pyu
นางสาว ดาริณ นิติศาสตร์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
สภาพปัญหาระหว่างประเทศ
กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์สำหรับเด็กและเยาวชนแทนการดำเนินคดีอาญา
สภาพปัญหาระหว่างประเทศของ
กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์สำหรับเด็กและเยาวชนแทนการดำเนินคดีอาญา
เด็กและเยาวชนไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ถือว่าเป็นกำลังสำคัญของชาติในการที่จะพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคตแต่เนื่องจากสถานการณ์การกระทำผิดของเด็กและเยาวชนในประเทศไทยที่มีจำนวนมาก
คือ มีเด็กและเยาวชนถูกจับกุมและส่งตัวมายังสถานพินิจทั่วประเทศ ระหว่างปี
พ.ศ.
2541–2545
มีจำนวน
38,472
คน
,37,388
คน
, 35,439
คน
, 31,448
คน และ
35,285
คน ตามลำดับ และพบว่าจำนวนเด็กและเยาวชนที่ถูกจับกุมปี
2545
มีอยู่ร้อยละ
40
ที่ถูกจับกุมด้วยข้อหาที่มีโทษจำคุกทางอาญา น้อยกว่า
5
ปี ซึ่งจัดว่าเป็นการกระทำผิดเล็กน้อย และข้อมูลของสถานพินิจพบว่า สถิติการกระทำผิดซ้ำของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจมีอยู่ประมาณร้อยละ
15 –19
ของจำนวนเด็กและเยาวชนที่ถูกจับกุมทั้งหมด เนื่องจากกระบวนการยุติธรรมไทยในปัจจุบันยังมีลักษณะที่ผูกขาดโดยรัฐ รัฐมุ่งหมายที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดหรือผู้ที่ก่ออาชญากรรมด้วยวิธีการแก้แค้นทดแทน
(Retributive Justice)
มากกว่าที่จะใช้วิธีการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิด
(Rehabilitation)
ซึ่งมิได้ส่งผลให้อาชญากรรมลดลงทั้งทางด้านปริมาณและความรุนแรง ดังนั้น
กระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์จึงมีความจำเป็นที่จะนำมาใช้ในประเทศไทยเพื่อลดความรุนแรงจากกระบวนการยุติธรรมกระแสหลัก กระบวนก
ารยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนของประเทศไทยมีแนวความคิดในการจัดตั้งที่แยกมาจากกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้ใหญ่โดยมีฐานความคิดมาจากแนวคิดของประเทศตะวันตกโดยเฉพาะประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาซึ่งดังนั้นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์สำหรับเด็กและเยาวชนแทนการดำเนินคดีอาญานั้นจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหาจำนวนนักโทษเด็กและเยาวชนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นและยังเป็นการให้โอกาสเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดได้กลับตนเป็นคนดีพร้อมที่จะใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างปกติกระบวนการยุติธรรมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการกระทำผิดของเด็กและเยาวชน
โดยมีความพยายามที่จะแก้ไขฟื้นฟูพฤติกรรมของผู้กระทำผิดควบคู่ไปกับการลดภาระของเรือนจำ
แต่ปัญหาจำนวนผู้ต้องขังมากเกินกว่าพื้นที่ของเรือนจำจะรับได้ก็ยังดำรงอยู่และขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ภาวะเช่นนี้ทำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สถานพินิจมีข้อจำกัด
ปัญหาด้านการแก้ไขฟื้นฟูพฤติกรรมของผู้กระทำผิดซึ่งมีจำนวนมากและแออัดจึงเป็นไปได้ยาก
ก่อเกิดผลต่อเนื่องไปถึงการกระทำผิดซ้ำจนประชาชนทั่วไปมักวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการแก้ไขหรือการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดว่าล้มเหลวแล้วกระนั้นหรือ
หรือเป็นเพราะระบบงานยุติธรรมไทยมิได้ปรับตัวเองให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
เราควรที่จะสร้างทางเลือกสร้างเครื่องมือให้กับบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมใช้ในการปฏิบัติต่อผู้กระทำผิด
จากข้อมูลดังกล่าวนำมาซึ่งแนวคิดที่ว่า
ถ้าเด็กและเยาวชนที่ถูกฟ้องในข้อหาที่มีโทษเล็กน้อยได้รับการบำบัดแก้ไขด้วยวิธีการทางเลือกที่ผันเด็กและเยาวชนออกไปจากกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ต้น
จะเป็นผลดีต่อเด็กและเยาวชนเอง อีกทั้งสถานพินิจจะได้ทำหน้าที่ดูแล
และบำบัดแก้ไขเฉพาะเด็กและเยาวชนที่จำเป็นจริง ๆ กับการควบคุมในสถานพินิจเท่านั้น
จะทำให้การแก้ไขฟื้นฟูเด็กและเยาวชนกระทำผิดมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลดีขึ้น
เด็กและเยาวชนจัดได้ว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่อ่อนด้วยประสบการณ์
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีต่าง ๆ และขาดความรู้เท่าทันในด้านต่าง ๆ การเรียนรู้
และการอบรมจากผู้ใหญ่รอบข้างจึงนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เด็กและเยาวชนเติบโตขึ้นทั้งทางด้านร่างกาย
ด้านสติปัญญา และความประพฤติเป็นผู้ใหญ่ที่ดี เพื่อช่วยพัฒนาและนำพาสังคม
ประเทศชาติไปสู่ความรุ่งเรืองต่อไป
แต่ประเทศไทยของเรากำลังเผชิญกับปัญหาการกระทำความผิดจากเด็กและเยาวชนเพิ่มจำนวนขึ้นทำให้เกิดปัญหาเด็กล้นเรือนจำ
รวมถึงปัญหาเด็กที่อยู่ในสถานพินิจต่างๆรวมตัวกันหนีออกจากสถานพินิจหลายๆแห่งดังที่เป็นข่าว
จึงเกิดคำถามว่าการที่เด็กและเยาวชนนั้นถูกควบคุมตัวอยู่ในสถานพินิจนั้นจะทำให้เด็กและเยาวชนเหล่านั้นมีสภาพชีวิตความเป็นออยู่ที่ดีในอนาคตหรือไม่และเป็นการถูกต้องแล้วหรือไม่ที่จะแก้ไขฟื้นฟูเด็กและเยาวชนโดยการคุมตัวไว้ในสถานพินิจเมื่อมีเด็กอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมากการดูแลและฟื้นฟูของเจ้าหน้าที่ก็ทำได้ไม่ทั่วถึง
จึงได้มีการนำกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์เข้ามาใช้ในคดีที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน
เนื่องจากประเทศไทยได้ลงนามในภาคยานุวัติสารของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
(Convention on the Rights of the Child)
เมื่อวันที่
12
กุมภาพันธ์
2535
และมีผลบังคับใช้ในประเทศไทย มาตั้งแต่เมื่อวันที่
26
เมษายน
2535
ซึ่งมีผลให้ประเทศไทยต้องดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของอนุสัญญา อาทิ กำหนดนโยบายพัฒนาเด็กและเยาวชนไว้ในนโยบายของรัฐบาลหรือแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายที่ส่งเสริมสิทธิเด็กที่มีอยู่ให้สมบูรณ์และแพร่หลายยิ่งขึ้น แต่ในความเป็นจริง ปัญหาเกี่ยวกับเด็กก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป อาทิ เด็กจรจัด เด็กที่ได้รับหรือป่วยจากเชื้อโรคเอดส์เด็กที่ได้รับการทรมาน ถูกปฏิบัติหรือลงโทษที่โหดร้ายในครัวเรือน เด็กที่ถูกทอดทิ้งโดยบิดามารดาหรือผู้ปกครอง เด็กที่ติดยาเสพติดและสารที่มีพิษต่อสุขภาพ เด็กที่มีคุณภาพชีวิตอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ตลอดจนเด็กที่เป็นผู้กระทำความผิด ปัญหาเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนมิได้เป็นเพียงปัญหาของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเพียงประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายจะต้องระดมความคิดเห็นและแสวงหาความร่วมมือในการหาทางแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน ดังจะเห็นได้จากการมีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (
Convention on the Rights of the Child)
และกฎแห่งกรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ครั้งที่
11
ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ได้มีการประกาศปฏิญญากรุงเทพ (
Bangkok Declaration)
และได้มีการเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสร้างความมั่นใจว่ามีการปฏิบัติต่อเด็กที่เป็นเหยื่ออาชญากรรมและเด็กที่ทำผิดกฎหมายอย่างได้มาตรฐานอีกด้วย กรณีตัวอย่าง ถ้าเกิดเด็กต่างด้าวกระทำความผิดในไทยแล้วกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์จะมีส่วนช่วยเหลือเขา
ได้อย่างไรเนื่องจากปัจจุบันมีการนำเอาการประชุมกลุ่มครอบครัวเข้ามาช่วยลดจำนวนเด็กในสถาน
พินิจโดยการให้ผู้ปกครองเด็กเข้ามามีส่วนร่วมแต่ถ้าเป็นเด็กต่างด้าวเข้าเมืองมาเองเราจะใช้กระบวนกานยุติธรรมเชิงสมานฉันท์อย่างไรกับเด็กกลุ่มนี้ และรวมถึงมาตรฐานเรื่องอายุของเด็กและเยาวชนด้วยซึ่งของไทยเรานั้นกำหนดต่างจากข้อ
1
ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เราควรที่จะมีการแก้ไขให้สอดคล้องกันด้วย
โดยหลักกฎหมายระหว่างประเทศแล้วรัฐย่อมมีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนของตนการใช้อำนาจอธิปไตยดังกล่าวรวมถึงการที่รัฐจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาในดินแดนของตน แต่เมื่อใดก็ตามที่รัฐอนุญาตให้คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในดินแดนของตน รัฐจะต้องให้
ความคุ้มครองแก่คนต่างด้าวไปพร้อมๆกันกับที่คนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในดินแดนของรัฐก็จะต้องเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายของรัฐเจ้าของดินแดน และรัฐมีหน้าที่ที่จะต้องให้ความคุ้มครองแก่คนต่างด้าวเช่นเดียวกันกับคนชาติ แต่หากคนต่างด้าวหรือเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นคนต่างด้าวซึ่งเป็นคนต่างด้าวได้เข้ามากระทำความผิดในไทยพวกเขาเหล่านั้นก็ควรได้รับการดำเนินคดีเฉกเช่นเดียวกันกับคนชาติ ดังนั้นเมื่อเรานั้นเอากระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้ก็ควรใช้กับเด็กต่างด้าวที่กระทำผิดด้วยและควรจะมีมาตรฐานในระดับเดียวกันกับคนชาติ
เขียนใน
GotoKnow
โดย
niti pyu
ใน
งานอาจารย์เอ๋
คำสำคัญ (Tags):
#สภาพปัญหาระหว่างประเทศ
หมายเลขบันทึก: 79843
เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2007 12:33 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม 2012 15:36 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
niti pyu
สมุด
งานอาจารย์เอ๋
สภาพปัญหาระหว่างป...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท