เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โรงเรียนข้างบ้านดิฉัน ถึงกับอุทิศครึ่งวันบ่าย เป็นการจัดงานวันนี้ มีกิจกรรม เสียงกรีดกราด หัวเราะ สนุกสนานของเด็ก ๆ ดังสนั่น
จากข่าวคราวทางโทรทัศน์ ก็จะมีการพยายามโน้มน้าวให้ผู้คนได้จดทะเบียนสมรสด้วยกลยุทธ์อันประหลาด พิสดารต่าง ๆ นา ๆ ที่คิดว่าเป็นสิ่งสร้างสรรค์ แปลกใหม่ไปเรื่อย ๆ ทำไมชีวิตต้องแปลกใหม่ไปเรื่อย มันน่าเบื่อนักหรือ ไม่มีอะไรจะทำหรืออย่างไร
สถานทีท่องเที่ยวก็ประกาศกันครึกโครม มีกิจกรรมพิเศษ ลดราคากระหน่ำ แจกแถมพิเศษในวาระนี้
และขณะเดียวกันก็มีเสียงปราม
อย่าหลงใหลในวัฒนธรรมตะวันตก
ให้รักษาความเป็นไท
ภาคภูมิใจในความไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร
ที่โรงเรียนประกาศวันต่อมาว่า มีน้อง ๆ อนุบาลซื้อดอกกุหลาบกับเขา
ครูพยายามบอกเด็กว่า ความรักที่ยิ่งใหญ่คือรักของพ่อแม่ ให้รักตัวเอง......
มันจะไหวหรื้อ.....
เล่นกับใครไม่เล่น เล่นกับนักมวยรุ่นโคตรรอภิมหาโหด อาวุธรอบด้าน
ทำเหมือนกับ ข้อความที่ซองบุหรี่ที่ว่า มันเป็นอันตราย
มันแปลกที่สังคมบ้านเรา พากันทั้งดึงไปทางหนึ่งและลากไปอีกทางหนึ่งพร้อม ๆ กัน ที่สำคัญคือด้านทั้งสองนั้นมีกำลังในการฉุดดึงคนละเรื่องกันเลย...
หรือข่าวสารที่มาถึงประชาชน โดยเฉพาะข่าวกีฬาซึ่งนำมาเล่า วิพากย์วิจารณ์เป็นตุเป็นตะ มีรายละเอียดถี่ยิบ ใครเป็นใคร ในช่วงข่าวที่สำคัญที่ประชาชนควรได้รู้ ดิฉันรู้สึกว่า เอ๊ะ มันเกี่ยวอะไรกับชีวิตของบ้านที่ดำนา เกี่ยวข้าวในทุ่ง ซึ่งก็ยังถูกลากจูงมารับรู้ด้วย
ส่วนสถานีวิทยุทั้งวัน มีเพลงและการบอกเล่าให้ไปซื้อนั่น ไปเอานี่ที่นั่นที่นี่ สิ่งนี้ดีอย่างโน้นอย่างนี้ อยู่ทั้งวันทั้งคืน รวมทั้งการหยอกเอินกันทางอากาศ
มีการสร้างกระแสตลอดเวลา และในกระแสนั้นก็มีฝ่ายที่ถูกกระทำอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน
ในบ้านเราก็เป็นชาวบ้าน
ในระดับโลกก็เป็นประเทศที่อ้างว่ากำลังพัฒนาทั้งหลาย
อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย แม้แต่ผู้ที่มีความรู้ทั้งหลายก็หลับและไหล หรือไม่ก็ครึ่งหลับครึ่งตื่นกับกระแสนั้นเช่นกัน