ด้วยมีวิถีชีวิตผูกพันอยู่กับการเกษตรกรรมซึ่งดินฟ้าอากาศและฤดูกาลเป็นปัจจัยสำคัญทำให้บรรพชนจีนประดิษฐ์คิดค้นปฏิทินขึ้น เพื่อใช้กำหนดวันเวลาเหมาะสมในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว การสังเกตอย่างชาญฉลาดทำให้การโคจรของดวงดาวทั้งหลายมีอิทธิพลต่อการกำหนด วันเดือนปี ผู้คนเฝ้าดูวันคืนที่เวียนวนผันผ่านไม่สิ้นสุดจากปีเก่าสู่ปีใหม่อันน่า ยินดี ควรแก่การเฉลิมฉลอง ตรุษ แปลว่า สิ้นปี ดังนั้นเทศกาลตรุษจีนจึงเป็นเทศกาลที่มีขึ้นเพื่อฉลองการสิ้นสุดของปีเก่า และการเริ่มต้นของปีใหม่ ถือกันว่าเป็นการเฉลิมฉลองที่สามารถรอดพ้นจากเรื่องไม่ดีของปีเก่ามาพบปี ใหม่ที่สุขสันต์ได้ชาวจีนเรียกเทศกาลนี้อีกอย่างหนึ่งว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือ ขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ และเชื่อกันว่าช่วงเวลานี้เทพเจ้าจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ฉะนั้นจึงควรสักการบูชาท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก
การไหว้ตรุษจีน
การไหว้ตรุษจีนมีประวัติยาวนานย้อนหลังกลับไปถึงสมัยราชวงศ์โจว เมื่อกว่า ๓,๐๐๐ ปีมาแล้วแต่เดิมมีการไหว้กันยาวนานถึง ๑๕ วัน แต่ในปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไป ธรรมเนียมการไหว้ตรุษจีน จึงลดลงเหลือเพียง ๓ วัน ดังนี้ วันจ่าย หรือ ตื่อเส็ก คือวันก่อนวันสิ้นปี เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องไปซื้ออาหาร ผลไม้และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดร้านหยุดพักผ่อนยาว ในตอนค่ำจะมีการจุดธูปอัญเชิญเจ้าที่ หรือ ตี่จู่เอี๊ย ให้ลงมาจากสวรรค์เพื่อรับการสักการะบูชาของเจ้าบ้าน หลังจากที่ได้ไหว้อัญเชิญขึ้นสวรรค์เมื่อ 4 วันที่แล้ว ถ้าเราเดินเข้าไปในบ้านหรือร้านค้าของจีน คงเคยเห็นศาลเจ้าเล็กๆสีแดงสด ศิลปะจีน วางอยู่บนพื้น ข้างหน้าศาลวางเครื่องบูชา นั่นคือศาลตี่จู่เอี๊ยหรือเจ้าที่นั่นเอง ธรรมเนียมการนับถือตี่จู่เอี๊ยนี้คล้ายกับการนับถือพระภูมิเจ้าที่ของคนไทย นั่นเอง
ในสมัยโบราณจะมีการเซ่นไหว้เทพเจ้าเตาในวันนี้ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่หุงข้าวต้มปลาให้เราได้กินตลอดมา และเชื่อว่าเทพเจ้าเตาจะนำบันทึกความดีความชั่วที่เราทำมาตลอดปีขึ้นไปให้ เทพเจ้าบนสวรรค์ตรวจสอบจึงต้องมีการเลี้ยงส่งท่าน นัยว่าเอาใจท่านนั่นเอง รุ่งขึ้นคือ วันสิ้นปี จะมีการไหว้ 3 ครั้ง ตอนเช้ามืดจะไหว้ ไป๊เล่าเอี๊ย เป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เครื่องไหว้คือ เนื้อสัตว์ 3 อย่าง (ซาแซ ได้แก่ หมูสามชั้นต้ม ไก่ เป็ด ปรับเปลี่ยนเป็นชนิดอื่นได้ หรือมากกว่านั้นได้จนเป็นเนื้อสัตว์ห้าชนิด) เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง ตอนสาย จะไหว้ไป๊เป้บ๊อ คือการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ถึงแก่กรรมไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูตามคติจีน การไหว้ครั้งนี้จะไหว้ไม่เกินเที่ยง เครื่องไหว้จะประกอบด้วย ซาแซ อาหารคาวหวาน (ส่วนมากจะทำตามที่ผู้ที่ล่วงลับเคยชอบ) รวมทั้งการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เสื้อผ้ากระดาษเพื่ออุทิศแก่ผู้ล่วงลับ หลังจากนั้น ญาติพี่น้องจะมารวมกันรับประทานอาหารที่ได้เซ่นไหว้ไปเพื่อความเป็นสิริมงคล และถือเป็นเวลาที่ครอบครัวหรือวงศ์ตระกูลจะรวมตัวกันได้มากที่สุด จะแลกเปลี่ยนอั่งเปาหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว ตอนบ่าย จะไหว้ ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว และผีไม่มีญาติ เครื่องไหว้จะเป็นพวกขนมเข่ง ขนมเทียน เผือกเชื่อมน้ำตาล กระดาษเงินกระดาษทอง พร้อมทั้งมีการจุดประทัดเพื่อไล่สิ่งชั่วร้ายและเป็นสิริมงคล
วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว
วันขึ้นปีใหม่ หรือ วันเที่ยว หรือ วันถือ คือวันที่หนึ่งของเดือนที่หนึ่งของปี เรียกว่าวันชิวอิด วันนี้ชาวจีนจะถือธรรมเนียมโบราณที่ยังปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน คือ ไป๊เจีย คือ การไปไหว้ขอพรและอวยพรญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพรัก โดยนำส้มสีทองไปมอบให้ เหตุที่ให้ส้มก็เพราะออกเสียงภาษาจีนแต้จิ๋วว่า "กา" ซึ่งไปพ้องกับคำว่าทอง เพราะฉะนั้นการให้ส้มจึงเหมือนนำโชคดีไปให้ เหตุที่เรียกวันนี้ว่าวันถือเพราะเป็นวันที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นวันเริ่ม ต้นชีวิตใหม่ จะถือเคล็ดบางอย่าง เช่น ไม่พูดจาไม่ดีต่อกัน ไม่จับไม้กวาด เชื่อกันว่าเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย ซึ่งเป็นเทพแห่งโชคลาภ จะเสด็จลงมาบนโลก จึงต้องตั้งเครื่องไหว้รับท่าน มีเกร็ดว่าเทพองค์นี้จะเสด็จมาในเวลาและทิศทางต่างๆกันไปในแต่ละปี จึงต้องมีซินแสคอยบอกเพื่อให้ผู้ไหว้ตั้งโต๊ะและหันหน้าไหว้ท่านได้ถูกทิศ
นอกจากนี้ในการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนเรายังพบแต่สีแดง ซึ่งเชื่อว่าเป็นสีแห่งความเป็นมงคล สีขอ งจักรวาล มีการติดแผ่นป้ายเขียนคำมงคลไว้ที่หน้าประตูบ้านเรียกว่า แผ่นตุ้ยเลี้ยง คำมงคลที่เราคุ้นเคยเช่น ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ แปลว่า ขอให้ประสบโชคดี ขอให้มั่งมีปีใหม่ เป็นต้น การจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดี การเชิดมังกรและสิงโต ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคล เป็นต้น ธรรมเนียมจีนให้ความสำคัญการความเป็นสิริมงคลในการดำเนินชีวิต มีนัยแห่งการสร้างความเชื่อมั่นเป็นกำลังใจในการดำเนินชีวิต นับเป็นความชาญฉลาดทางจิตวิทยา อย่างน่ายกย่องของบรรพชน
สิ่งที่ไม่ควรทำตอนวันขึ้นปีใหม่ (วันตรุษจีน)
ควรหลีกเลี่ยงการทำงานบ้านในวันขึ้นปีใหม่ ตรุษจีน,วันตรุษจีนเนื่องจากการทำงานบ้าน เช่น การซักล้าง หรือ การกวาดบ้านปัดฝุ่น จะเป็นการขับไล่ความโชคดีออกไป ดังนั้นการทำความสะอาดบ้านจึงควรเริ่มทำตั้งแต่ก่อนที่วันขึ้นปีใหม่จะมาถึง
ตรุษจีน,วันตรุษจีนไม่ควรสระผมในวันเริ่มต้นและวันสุดท้ายของวันขึ้นปีใหม่ เนื่องจากการสระผมถือเป็นการชะล้างความโชคดีที่มาถึงในวันขึ้นปีใหม
่ ตรุษจีน,วันตรุษจีนไม่ควรใช้ของมีคมในวันขึ้นปีใหม่ ของมีคมต่างๆ เช่น มีด , กรรไกร , ที่ตัดเล็บ เนื่องจากถือว่าการกระทำของของมีคมนี้จะเป็นการตัดสิ่งหรืออนาคตที่ดี ที่จะนำมา ในวันขึ้นปีใหม่
ตรุษจีน,วันตรุษจีนควรระมัดระวังในการใช้คำพูดที่มีความหมายไปในทางลบรวมทั้งหลีกเลี่ยงการโต้เถียงกัน คำที่เกี่ยวข้องกับการเจ็บป่วยหรือความตายเป็นคำที่เราควรหลีกเลี่ยงในวันขึ้นปีใหม่
ตรุษจีน,วันตรุษจีนหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับงานศพ และการฆ่าสัตว์ปีก
ตรุษจีน,วันตรุษจีนควรระมัดระวังในการทำสิ่งใดๆ ไม่ควรที่จะให้เกิดการสะดุด หรือ ทำสิ่งของตกแตก ซึ่งนั่นจะหมายถึงการนำความโชคไม่ดีเข้ามาในอนาคต
อั่งเปา
สัญลักษณ์อีกอย่างของเทศกาลนี้ คือ อั่งเปา (ซองแดง) คือ ซองแดงใส่เงินที่ผู้ใหญ่แล้วจะมอบให้ผู้น้อย และมีการแลกเปลี่ยนกันเอง หรือ หรือจะใช้คำว่า แต๊ะเอีย (ผูกเอว) ที่มาคือในสมัยก่อน เหรียญจะมีรูตรงกลาง ผู้ใหญ่จะร้อยด้วยเชือกสีแดงเป็นพวงๆ และนำมามอบให้เด็กๆ เด็กๆ ก็จะนำมาผูกเก็บไว้ที่เอว
เฮงๆๆ รวยๆๆ