อนุสนธิจากอาจารย์ นาย เต็มศักดิ์ พึ่งรัศมี ในกรณี Blog Tag: ความลับของสิงห์อีซ้าย ก็ต้องว่าไปตามธรรมเนียม...
อายุเลยหลักสี่มาแล้ว ความลับส่วนตัวมีมากมาย แต่ความลับที่คิดว่าเปิดเผยเพื่อระลึกความจำเก่าๆ ๕ อย่าง ดังต่อไปนี้
๑. ตอนอยู่ ป. ๖ โรงเรียนเทศบาล ๓ (วัดศาลาหัวยาง) เคยเถียงกับครูฝึกสอนในเรื่องการวัดเวอเนียร์ คาลิเปอร์...โดยผู้เขียนบอกว่า ครูสอนผิด แต่ครูว่า ถูก บอกครูก็ไม่ค่อยถูกต้องว่าผิดอย่างไร เพื่อนในห้องก็ค่อยๆ โห่...ผู้เขียนก็เลยร้องไห้ เพื่อนก็โห่อีก นักเรียนห้องข้างๆ ก็เริ่มมามุงดู..(จำได้เป็นวิชาตอนบ่ายหลังพักเที่ยงไม่นาน และเป็นวันศุกร์)
ด้วยความเจ็บใจจึงเก็บหนังสือในกระเป๋าเดินกลับบ้าน อาคารเรียนอยู่ชั้นสอง มีราว ๔ ห้อง เพื่อนออกมาดูทั้งอาคารเลย พอข้ามถนนไป ฝนก็ตก ผู้เขียนก็เดินฝ่าสายไฟไป เปียกทั้งตัว พอใกล้ถึงบ้านฝนก็แล้ง
ถึงบ้านบังเอิญเจอโยมแม่ ถามว่า ทำไมไม่เรียนหนังสือ ก็บอกว่าเถียงกับครู ครูสอนผิด จะไม่เรียนหนังสือแล้ว ...สรุปว่า โยมแม่ก็เฆี่ยน โดนไปหลายที...
วันจันทร์ไปโรงเรียนอีก ครูฝึกสอนคนเดิมเข้า บอกว่า ผู้เขียนเข้าใจถูก ท่านสอนผิดจริงๆ...นี้เป็นความลับประการแรก
๒. เคยหนีออกจากบ้าน อย่างเป็นทางการ ๒ ครั้ง (ไม่เป็นทางการ ไม่คิด) ครั้งแรกตอนอยู่ ป. ๗ ทะเลาะกับโยมแม่จึงหนีมาอยู่วัด ..ครั้งที่ ๒ ตอนอยู่ ม.ศ. ๒ ถูกน้าชายจับได้ว่าหนีโรงเรียน จึงหนีไปทำงานอยู่ร้านอาหารที่นคร...
ใครเคยได้ยินประกาศเด็กหายออกจากบ้าน นั่นแหละ ครั้งหนึ่งเป็นชื่อของผู้เขียน ..นี้เป็นความลับประการที่สอง
๓. เคยออกเรือตังเก... ตอนเรียนเทคนิคปี ๒.(อายุ ๑๘-๑๙ ปี) ก็บอกทางบ้านว่าขี้เกียจเรียนแล้ว จึงออกมาเที่ยวบ้างทำงานบ้าง ครั้งหนึ่งคนข้างๆ บ้านมาหาคนงานออกเรืออวนลอยฉุกเฉินเพราะคนเก่าถูกไล่ออกไป เมื่อผู้เขียนตกลงไปด้วย ตอนเย็นเค้าก็เอาเงินมาให้ก่อน ๓๐๐ บาท เรียกว่าเบี้ยวิก เพื่อซื้อของส่วนตัวก่อนออกเรือ และอีก ๒ วันก็ได้ลงเรือชื่อ ลาภสมบูรณ์
ล่องลอยอยู่ในทะเล ๑๓/๑๔ วัน ก็กลับมา ได้ปลาน้อย เนื่องจากเนื้ออวนน้อย (เพิ่งรู้ว่าเถ้าแก่กับไต่ก๋งมีปัญหาเรื่องนี้หลังจากลงเรือ) หักค่าใช้จ่ายแล้วก็คุ้มทุนพอดี ผู้เขียนจึงไม่ได้ส่วนแบ่งอะไร ได้เพียง ๓๐๐ ก่อนออกเรือ และปลา ๑ เข่งหลังจากขึ้นเรือแล้วมาฝากที่บ้าน...เฮียๆ บอกว่าจะมาตามไปลงอีกเมื่อพร้อม ...แต่ผู้เขียนคอยไม่ได้ก็ไปเที่ยวที่อื่นเสียก่อน นี้เป็นความลับช่วงสั้นๆ ของชีวิตที่เคยเป็นชาวตังเก
๔. ผู้เขียนเรียน ๒ สถานศึกษาเสมอกว่าจะจบแต่ละระดับ เริ่มเรียนประถมโรงเรียนวัดคูขุด แต่มาจบป.๗ ที่โรงเรียนเทศบาล๓...เข้า ม.ศ.๑ ที่มหาวชิราวุธ แต่ไปจบม.ศ.๓ ที่สทิงพระวิทยา...เริ่มเรียนเทคนิคระดับปวช. แต่ไปจบสอบเทียบม.๖ ของกศน.. เรียนป.ตรีที่ มจร.นครฯ..แต่มาจบที่มจร.กรุงเทพฯ...เรียนป.โทที่ ม.มหิดล...แต่ไปจบ ม.เชียงใหม่
ใจหนึ่งก็อยากจะเรียนต่อ ป.เอก แต่ไม่ค่อยมั่นใจ เกรงว่าจะเรียน ๒ แห่งอีกจึงหยุดพักเพียงแค่นี้...นี้เป็นความลับประการที่ ๔
๕. ผู้เขียนเคยแบกกรดเดินตามยาวถนนรูปเดียวในภาคเหนือและภาคอิสาน ประมาณวันละ ๒๐-๓๐ กิโล.เมื่อประมาณ ๒๐ ปีก่อน... ในภาคเหนือก็เช่น เคยเดินจากเชียงใหม่ ผ่าน แม่ริม แม่แตง ถึงสามแยกแม่มาลัยก็เลี้ยวเข้าอำเภอปาย แม่ฮ่องสอน....เดินจากเชียงใหม่ผ่านลำพูน ถึง ลำปาง...(ใกล้ค่ำก็ขอปักกรดภายในวัด หรือบางครั้ง เค้าก็จัดกุฏิให้จำวัด)
ที่อิสานก็เคยเดินหลายจังหวัด เช่น เคยเดินจากสกลนครไปบ้านเชียง อุดรธานี..เดินจากสกลนครไปยัง ป่าปาก นครพนม...เดินจาก ธาตุพนมไปยังศรีสะเกษ...เป็นต้น นี้เป็นความลับประการสุดท้าย...
จบแล้ว ๕ ประการ จะ Tag ไปยังคนอื่นๆ ก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับใครมากนัก ก็ขออนุญาต Tag ต่อไปยังผู้ที่พอคุ้นเคยบ้างดังนี้ คือ
อันที่จริงคิดถึงอีกหลายๆ ท่านที่พอคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ท่านเหล่านั้น เป็นผู้กว้างขวาง ท่านคงมีผู้ Tag ไปแล้ว ก็ขออภัยด้วย มิใช่ว่าไม่นึกถึง...
ขำ ขำ ครับ ท่านอาจารย์ chaiwut ก็โดน tag
อาขารย์เคยเดินธุดงค์ผ่านบ้านผมด้วย ไม่แน่ใจว่าอาจารย์เคยเจอผมมั้ย ผมเคยใส่บาตรพระธุดงค์ท่านหนึ่ง ในป่า นานมาแล้ว...
.........?!?
ที่ท่านว่าเหมือนเคยเจอผม...ผมคิดว่าผมพอนึกออกรางๆนะครับ