ชีวิตที่พอเพียง : 213. เที่ยวแก่งกระจาน และอุทยานเขาพะเนินทุ่ง


วันที่ ๑๒ - ๑๔ ม.ค. ๕๐ เป็นวันที่พวกเราที่ทำงาน สคส. ให้รางวัลตัวเอง ที่ทำงานในช่วงปี ๒๕๔๙ ได้ผลดีน่าพอใจ เดิมเราว่าจะไป retreat กันที่แก่งกระจาน จ. เพชรบุรี ซึ่งผมเคยไปหนเดียวเมื่อกว่า ๓๐ ปีมาแล้ว และอยากไปอีก เพราะตอนหลังๆ ได้ข่าวว่าเป็นแหล่งดูนก ผมเป็นคนรักนก อยากไปดูนก แต่เอาเข้าจริงเราแค่ไป recreate ร่วมกัน

วันที่ ๑๒ ตอนเช้า ผมไปประชุมสภาสถาบันอาศรมศิลป์ประมาณชั่วโมงครึ่ง ได้ให้ความเห็นหลักๆ และเรียนรู้จาก ศ. ระพี สาคริก และจากคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา (จากคุณพารณ เรียนรู้ว่า วงการศึกษาไทยอ่อนแอด้านการจัดการ แม้คนในวงการศึกษาสอนเรื่องการบริหารการศึกษา แต่ระบบการศึกษาไทยอ่อนด้านการจัดการ) แล้วขอตัวออกมาก่อน ตามคณะที่ออกมาจาก สคส. แต่เช้า ไปเที่ยวสมุทรสงคราม โดยมีไกด์ท้องถิ่นช่วยอธิบายให้ความรู้ ผมเคยเที่ยวตามจุดเหล่านี้หมดแล้ว จึงตามไปกินอาหารเที่ยงด้วยกันที่ร้านแดง อยู่บนถนนเข้าดอนหอยหลอดถนนแรกที่ผ่าน มีป้ายบอกที่ริมถนนพระราม ๒ ว่าไปร้านแดงทางนี้ เข้าไปสักครึ่งกิโลก็ถึงร้าน อาหารทะเลสดใช้ได้ โดยเฉพาะปลาหมึกยำ และปลากระพงทอดราดน้ำปลา แล้วผมก็ขับรถเองควงสาวตรงไปแก่งกระจานคันทรี่คลับ ซึ่งเป็นที่พักที่เราจองไว้ ไปนอนพักผ่อน อ่านหนังสือ เขียนบันทึก เป็นการหย่อนใจ เปลี่ยนบรรยากาศ ผมเอาหนังสือ "พระราชา กำลังเพื่อความชนะอย่างสูงสุดทุกชนิด" รวมปาฐกถา ๕ ตอนของท่านพุทธทาส ที่หมอบัญชามอบให้เมื่อวันที่ ๙ ม.ค. และกำชับว่า "เล่มนี้ต้องอ่าน" มาอ่านด้วย

ตกเย็น เราชวนกันไปเที่ยวเขื่อนแก่งกระจาน มีคนไปเที่ยว ๒ คณะเท่านั้น คณะละ ๒ คน (เป็นหนุ่ม-สาว ควงกันเหมือนกันทั้ง ๒ คณะ แต่ต่างกันที่อายุ) คือเป็นสถานที่ที่สงบเงียบได้บรรยากาศธรรมชาติเต็มที่ และตะวันบ่ายเลย ๑๗ น. ไปแล้วถ่ายรูปได้สวย ยิ่งมีน้ำ มีภูเขา เป็นองค์ประกอบด้วย ก็ได้ครบสูตร

แม่ค้าที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ตระเวณขายของกินเล่นบอกว่าร้านอาหารชื่อวิโรจน์ อร่อย ให้ขับรถเลาะเขื่อนไป แล้วเลี้ยวขวา เราไปถึงตอนตะวันใกล้ลับฟ้า ที่ริมทะเลสาบเหนือเขื่อน ผมจึงได้ series ของภาพตะวันลับฟ้าเหนือทะเลสาบแก่งกระจาน เรากินข้าวต้มปลา ซึ่งอร่อยดี ผมสั่งกุ้งแม่น้ำตัวละครึ่งกิโลเผาตัวหนึ่ง เป็นกุ้งที่จับโดยการงมมาจากในทะเลสาบนั่นเอง

ผมเตรียมมาเที่ยวเขาพะเนินทุ่งอย่างเต็มที่ เตรียมกล้องมาถ่ายรูปทะเลหมอกและนก และกล้องส่องดูนกด้วย คณะใหญ่ของ สคส. มาโดยรถตู้ ๒ คัน ถึงที่พัก ๒ ทุ่ม

วันเสาร์ที่ ๑๓ ม.ค. เราออกจากที่พัก ตีห้าเศษๆ ด้วยรถตู้ ๒ คัน ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเศษๆ ก็ถึงด่านเข้าวนอุทยานแก่งกระจาน การเข้าอุทยานขลุกขลัก เสียเวลาไปครึ่งชั่วโมง เพราะ "หัวหน้าประพันธ์" บอกว่าให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ด่าน ว่าหัวหน้าประพันธ์จ่ายแล้ว เขาจะให้เข้าไปได้เลย แต่ที่ด่านบอกว่าหัวหน้าของเขาเป็นคนละคน พวกเราต้องเสียค่าธรรมเนียมก่อนจึงจะเข้าได้ ในที่สุดคุณนิดของ สกว. ชาวเพชรบุรี ต้องส่งภาษาเพชร จึงพอจะได้สัญญาณจากเจ้าหน้าที่ที่ด่านว่า ถ้าเราจองรถขึ้นเขาจะได้ราคาถูกกว่า และเราก็ต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียม

รถตู้แล่นขึ้นเขาลงเขาบนถนนลูกรัง ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่แค้มป์บ้านกร่าง เราจะเปลี่ยนเป็นรถปิ๊กอัพสำหรับปีนเขา ตามที่ตกลงกันเขาบอกว่าเป็นรถโฟร์วีล แต่เอาเข้าจริงก็เป็นแค่รถปิ๊กอัพธรรมดา ซึ่งปีนเขาบนถนนที่ขรุขระมากได้เก่ง ไปถึงจุดสูงสุดระยะทาง ๑๕ กม. แต่เราเลยลงเขาไป ๖ กม. ไปยังจุดดูทะเลหมอก ระยะทางขนาดนี้ ใช้เวลาเกือบชั่วโมง เราต้องข้ามห้วยถึง ๓ แห่ง

เราดูและถ่ายรูปทะเลหมอกที่ ๒ จุด คือจุดสูงสุดของภูเขา ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งแค้มป์พะเนินทุ่ง กับจุดที่เลยลงเขาไปอีก ๖ กม. ที่เรียกว่าจุดชมวิว ก.ม. ที่ ๓๗ จุดหลังเห็นทะเลหมอกสวยกว่า แต่เวลาก็ล่วงเข้าไปเกือบ ๙ น. หมอกโดนแดดหายไปมากแล้ว ถ้าต้องการดูทะเลหมอกให้สวยจริงๆ ต้องมานอนที่แค้มป์บ้านกร่าง หรือแค้มป์พะเนินทุ่ง โดยนอนเต๊นท์ที่เอามาเอง หรือเช่าเขาก็ได้ เขามีห้องน้ำเครื่องอำนวยความสะดวกดีมาก ถ้ามีรถปิ๊กอัพ หรือรถโฟร์วีล ก็ขับไปดูทะเลหมอกเองได้เลย แต่ต้องวางแผนเวลาขึ้น-ลงเขาให้ดี เขามีเวลาจำกัดเวลาขึ้นช่วงหนึ่ง เวลาลงช่วงหนึ่ง เพราะถนนแคบ รถสวนกันไม่ได้ ผมยังคิดว่าถ้ามีโอกาสผมจะมาเอง โดยเช่ารถโฟร์วีลมาเอง มานอนเต๊นท์ที่แค้มป์บ้านกร่าง

ผมนั่งรถด้านหน้า คู่กับคนขับ โชเฟอร์อายุ ๕๐ แต่หน้าเหมือนคนอายุ ๔๐ เป็นลูกจ้างประจำของกรมชลประทาน ตำแหน่งเจ้าหน้าที่อุทกวิทยา ทำงานมา ๒๙ ปี เงินเดือนเต็มขั้นที่เกือบ ๑๗,๐๐๐ คุยกันไปตลอดทาง ทำให้ผมได้รับความรู้เรื่องรถปิ๊กอัพสำหรับปีนเขา ว่ายี่ห้อที่เหมาะในแง่กำลังปีนเขาคือโตโยต้า กับมิตซูบิชิ แต่โตโยต้ากินน้ำมันกว่า ส่วนอิซูสุกำลังปีนเขาไม่ดี ผมลืมถามถึงนิสสัน โชเฟอร์สอนผมว่าการขับรถปีนเขาบนทางดินเช่นนี้ ต้องค่อยๆ ขับไปเรื่อยๆ ค่อยๆ ไต่ อย่าเร่งเครื่องโฉ่งฉ่างเวลาพบทางชันหรือทางเป็นร่องหรือหลุมบ่อ เพราะเครื่องล่างของรถจะพัง และล้อจะตะกุยถนน ทำให้ถนนยิ่งเสียหนักไปอีก รถคันที่ผมนั่งนี้เป็นรถมิตซูบิชิ เครื่องดีเซล เป็นรถเก่าที่โชเฟอร์เพิ่งไปดาวน์มาในราคาดาวน์ ๖๐,๐๐๐ และผ่อนส่งเดือนละ ๕,๐๐๐ อีก ๔๘ เดือน รถไต่เขาเก่งจริงตามที่โชเฟอร์บอก แต่ก็คงจะเป็นเพราะฝีมือขับประกอบด้วย โชเฟอร์มีหัวคิดดีทีเดียว บอกว่าตอนแรกคิดจะซื้อรถป้ายแดง แต่คำนวณดูแล้วกว่าจะหลุดหนี้ต้องใช้เวลา ๗ ปี โดยขับรถหาเงินส่งค่าผ่อนประจำเดือนอย่างเดียว ไม่มีเงินเหลือเลย ผมนึกในใจว่าทำไมระบบมันโหดร้ายกับคนจนเช่นนี้หนอ

ที่จริงโชเฟอร์เล่าเรื่องชีวิตครอบครัวที่ไม่ราบรื่นให้ผมฟังอีกมาก แต่ผมจะไม่นำมาบันทึกไว้ การที่เราคุยกันลึกไปจนโชเฟอร์เล่าชีวิตครอบครัวก็ผมเห็นซองบุหรี่ที่หน้ารถ ก็เลยเลียบเคียงถามเรื่องการสูบบุหรี่ ดื่มยาชูกำลัง และยาบ้า พบว่าโชเฟอร์มีวิธีคิดแบบคนที่เป็นผู้ใหญ่มาก คือใช้สิ่งมีพิษเหล่านี้เป็น ใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ไม่ตกเป็นทาส โชเฟอร์เล่าว่าเคยสูบยาบ้า แล้วเดินเก็บเห็ดโคนได้ทั้งคืน ขายเห็ดได้สามพันบาท แต่เห็ดโคนที่แก่งกระจานสู้ที่กาญจนบุรีไม่ได้ ของกาญจนบุรีหวานกว่า หอมกว่า และกรอบกว่า

เราไปดูทะเลหมอก ดูนก ดูลิง และดูป่า (เดินป่าระยะทางสัก ๑ กม.) ได้เห็นทั้งชะนีและค่าง ชะนีมาหากินใกล้ที่ทำการอุทยาน เพราะไม่มีคนรบกวน ส่วนนกได้เห็นนกแซงแซว นกพญาไฟสีแดง นกพญาไฟสีเหลือง และได้ยินเสียงนกโพระดกร้องโต้ตอบกันก้องป่า มีคนได้เห็นพญากระรอก ส่วนผมเห็นแต่รังพญากระรอก ที่จุดชมทะเลหมอก ความสงบเงียบของป่า ทำให้เราได้ยินชะนีร้องเรียกกันก้องป่า ไพเราะมาก ก่อนมาเที่ยวผมหลอกถามสาวๆ สคส. ว่าเสียงชะนีร้องเป็นอย่างไร ไม่มีใครหลงกลตอบ ตอนเดินป่าเราพบรอยเท้าช้าง เป็นรอยใหม่ๆ ที่ลำธาร และมีรอยช้างถูตัวกับต้นไม้ มีรอยโคลนติดที่ต้นไม้เหมือนที่ผมเห็นที่เขาใหญ่เมื่อเดือนที่แล้ว

ตอนเย็นคณะไปล่องเรือชมอ่างเก็บน้ำ แต่ผมกลับมาพักและพิมพ์บันทึกนี้ เรากินอาหารเย็นกันที่รีสอร์ท อาหารรสใช้ได้ ผมชอบทอดมันปลากราย และลาบปลากรายมาก หลังกินอาหารเสร็จ ผมไปเริ่มต้นการเล่นสนุกสนานของกลุ่มคนหนุ่มสาว แล้วผมกลับมานอน

วันอาทิตย์ที่ ๑๔ ม.ค. ผมออกไปวิ่งตอนฟ้าสาง คือเลย ๖.๓๐ น. ออกไปได้หน่อยเดียวก็กลับมาที่ห้องพัก ชวนหมออมราไปขับรถชมวิวในแก่งกระจานคันทรี่คลับกัน โดยขับรถลึกเข้าไปที่สนามกอล์ฟ ๒ ระยะทางถึง ๑๑ ก.ม. กระจานคันทรี่คลับมีเนื้อที่ถึง ๓๕,๐๐๐ ไร่ มีสนามกอล์ฟ ๒ สนาม จากที่ออกแบบไว้ ๓ สนาม มีอ่างเก็บน้ำ ๔ - ๕ อ่าง มีภูเขาลูกย่อมๆ หลายลูก เขาแบ่งที่ขายเป็นแปลงๆ แปลงละ ๓ ไร่ ผมจึงได้รูปพระอาทิตย์ขึ้น และรูปต้นไม้ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้าซึ่งงดงามเสมอ

ชะนี ที่บริเวณเรือนรับรองพิเศษ

ชะนี ระหว่างทางจากพะเนินทุ่งกลับแค้มป์บ้านกร่าง

ทะเลหมอก ที่จุดชมวิว กม. ๓๖

ทะเลหมอก ที่จุดชมวิว กม. ๓๖ จากอีกมุมกล้อง

ทะเลหมอก ที่จุดชมวิวพะเนินทุ่ง

ทางจากแค้มป์ขึ้นเขาไปดูทะเลหมอกต้องผ่านห้วยแบบนี้ ๓ แห่ง

นกแซงแซว ที่บริเวณเรือนรับรองพิเศษ

นกพญาไฟสีแดง

บัวผุด ดอกดารา

บัวผุด มีทั้งดอกโรยแห้งไปแล้ว ดอกบานเกือบโรย และดอกตูมกำลังผุดจากดิน

บัวผุด อยู่เป็นหย่อมๆ ในบริเวณที่มีว่านน้ำ

บ้านกร่าง ลานแค้มปิ้ง

ป่า ความงามตามธรรมชาติ

รูปหมู่ ที่จุดชมวิวพะเนินทุ่ง

อาทิตย์ใกล้อัสดงที่อ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน

อาทิตย์จวนลับยอดเขาเหนืออ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน

วิจารณ์ พานิช

หมายเลขบันทึก: 76524เขียนเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2007 09:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน 2015 10:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • ในที่สุดผมก็ได้ทราบว่า..ภาพเจ้าของบล็อกมาจากไหน
  • มาจากจุดชมวิวพะเนินทุ่ง นี่เองครับ
  • ภาพสวยมากครับ...
  • เรื่องเล่ายาวด้วย แล้วจะกลับมาอ่านอีกครั้งครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท