เรื่องเล่าบทที่หนึ่ง


เมื่อรู้ตัวว่าต้องไปเรียนเมืองนอก

 

ต้องยอมรับว่าคนไทยให้ความเชื่อมั่นกับคำว่านักเรียนนอก เลยกลายเป็นค่านิยมของเด็ก ๆ ที่ดิ้นรนขวนขวายอยากไปเรียนเมืองนอก โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปแล้วเราจะเจอกับอะไรและจะได้อะไรกลับมา??

 

เราก็เป็นคนหนึ่งในหลาย ๆ คนจำนวนนั้น อุตส่าห์ไปเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษทั้งฟังพูดอ่านเขียน หมดเงินไปไม่ใช่น้อย  ๆ แล้วยังต้องสอบชิงทุนแข่งกับคนอีกไม่รู้เท่าไหร่ แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้รู้ว่า   เฮ้ย เราได้ทุนไปเรียนเมืองนอกจริง ๆ แล้วเหรอเนี่ย ใครดีใจหรือไม่ดีใจไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ๆ แม่เคลื้อมของเราดีใจแน่นอน ก็เป็นแค่ลูกแม่ค้าขายปลาในตลาด ใครเลยจะรู้ว่ามันได้ไปเรียนถึงเมืองนอก

 

 

ได้ทุนมาแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะไปได้ง่าย ๆ มันมีขั้นตอนการสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยว่าคุณอยากไปเรียนอะไร เรียนที่ไหน มันคงคล้าย ๆ กับการเลือกว่าจะเข้าคณะอะไร มหาลัยไหน แต่ที่มันยากกว่าก็คือ อันนี้จะไปเมืองนอก ใครจะบอกเราได้สักกี่คนว่าประเทศไหนดี เมืองไหนน่าอยู่ มหาลัยไหนที่ควรเลือกไปเรียน แต่ในใจตอนนั้นคิดเพียงว่า เราจะไปเรียนที่อังกฤษ ใครถามว่าเพราะอะไร เราก็ตอบไปได้ไม่เต็มปากว่าทำไม อยากไปก็คืออยากไป แต่ถ้าคิดหาเหตุผล หนึ่งในนั้นก็คงเป็น เราไม่อยากไปประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เพราะแค่พูดอังกฤษให้รู้เรื่องอย่างเดียวก็ว่ายากแล้ว ถ้ายังต้องไปเรียนภาษาอื่นอีกคงไม่ไหว อีกอย่างประเทศอังกฤษเองก็เป็นประเทศในระดับแนวหน้าของโลกในด้านการศึกษา คงมีอะไรดีอยู่ไม่ใช่น้อย

 

ปัญหาหนึ่งก็คือ ถึงเราจะได้ทุนให้ไปเรียนเอกแต่ตัวเราเองยังไม่พร้อมที่จะเรียน  ปริญญาเอกในความคิดขณะนั้นเป็นการเรียนที่ต้องทุ่มเททั้งกำลังใจและกำลังกาย เราจึงตัดสินใจสมัครเรียนปริญญาโทก่อนแล้วไว้ค่อยคิดเรื่องเรียนเอกทีหลัง จึงสมัครเรียนไปทั้งหมดสามแห่งด้วยกัน และแล้ว University of Edinburgh คือที่ที่เราตัดสินใจเลือกไป แม้จะไม่อยู่ในประเทศอังกฤษแต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยของเมืองหลวงประเทศสก๊อตแลนด์ ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งของสหราชอาณาจักร (United Kingdom) เหตุผลที่เลือกไปที่นี่ก็คือ เมือง Edinburgh หรือที่คนไทยเรียกว่าเอดินเบอร์กนั้น เป็นเมืองที่สวยอันดับต้น ๆ ของสหราชอาณาจักรและของโลก เหตุผลพอจะฟังขึ้นมั้ย

 

ด้วยความที่ไม่เคยไปเมืองนอก เตรียมตัวไปครั้งแรกก็ไม่รู้หรอกว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เท่าที่ได้ยินมาก็คือมันหนาวนะและก็ไม่มีอะไรให้กินสักเท่าไหร่ เราเลยเตรียมเสื้อผ้ากันหนาวไปเยอะแยะและก็แน่นอน ของกิน น้ำพริก น้ำปลา พริกป่น อาหารแห้ง ผงทำอาหารสำเร็จรูปที่จำเป็นมากเพราะเราไม่เคยทำกับข้าวมาก่อนในชีวิต หรือแม้แต่ยาสระผม สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แป้ง ก็ต้องเตรียมไปเพราะไม่รู้ว่าเราจะไปอยู่อย่างไรจะไปหาซื้อที่ไหน ยาสามัญ เช่น พาราเซตามอล ยาธาตุน้ำขาว ยาแก้ปวดท้อง ยาแก้แพ้อากาศ และอีกสารพัดยา เพราะนี่คือครั้งแรกอะไรที่จัดหาไปได้เอาไปหมด แม้แต่ปากกา ดินสอ แผ่นซีดีก็ยังซื้อไปเป็นโหล ๆ

 

ในวันเดินทาง ปัญหาก็เกิดขึ้นที่สนามบินดอนเมือง เมื่อกระเป๋าที่ต้องโหลดลงเครื่องนั้นมีน้ำหนักเกินกว่าที่การบินไทยกำหนด การบินไทยให้แค่สามสิบกิโลกรัมแต่เราเอาไปทั้งหมดเกือบสี่สิบ นี่ยังไม่รวมของในเป้ที่เตรียมจะแบกหิ้วไปบนเครื่องด้วยตัวเองและโน๊ตบุ๊คอีกเครื่อง เราจึงต้องหาวิธีย้ายของจากกระเป๋าเดินทางมาในเป้และกระเป๋าโน๊ตบุ๊คเพื่อให้เอาของไปได้มากที่สุด ในคืนวันนั้นที่สนามบินดอนเมือง หลาย ๆ คนคงได้เห็นคนกลุ่มหนึ่งรื้อของทั้งหมดออกจากกระเป๋าและจัดกระเป๋าใหม่อีกหลายรอบ เพราะจัดกระเป๋ายังไงก็เกินสามสิบกิโลกรัมทุกที เป็นภาพที่นึกย้อนกลับไปและคุยกับครอบครัว เพื่อน ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็หัวเราะกันทุกครั้ง ในที่สุดเราก็สามารถจัดกระเป๋าสามสิบกิโลกรัมได้สำเร็จ พร้อมกับของในเป้ที่ต้องแบกขึ้นเครื่องไปเองอีกไม่ต่ำกว่าสามสิบกิโลกรัมเช่นกัน!!!

 

เมื่อถึงเวลาที่ต้องเดินเข้าไปขึ้นเครื่อง เป็นเวลาที่ใจหายมากที่สุดเวลาหนึ่งในชีวิต เพราะเราต้องเข้าไปคนเดียว ครอบครัวและเพื่อน ๆ ทำได้แค่โบกมือและบอกว่าโชคดี นอกจากจะใจหายแล้วเรายังต้องแบกสัมภาระกว่าสามสิบกิโลกรัมติดตัวตามลำพังคนเดียว มิหนำซ้ำ ครั้งนั้นคือครั้งแรกในชีวิตที่ต้องขึ้นเครื่องบิน มันช่างเป็นครั้งแรกในหลาย ๆ เรื่องเหลือเกิน ช่วงเวลาที่นั่งอยู่คนเดียวเพื่อขึ้นเครื่อง เป็นเวลาที่เราคิดถึงทุก ๆ คนมาก นั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตามลำพัง โทรหาใครก็ไม่ได้ รอบ ๆ ตัวก็ไม่มีใครให้คุยด้วย ยิ่งเป็นการบินไปต่างประเทศที่ส่วนใหญ่มีแต่คนต่างชาติเดินทาง แค่มองหาคนไทยที่เดินทางไปกับเรายังแทบไม่มี ไม่มีใครเลย แม้จะเป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากมาย เพราะความรู้สึกใจหายที่ต้องจากครอบครัวไปไกลขนาดนั้น และยังกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า เข้ามาแทนที่ความตื่นเต้นไปเกือบหมด ยังจำได้ดีว่าระหว่างนั่งเครื่องสิบสองชั่วโมง เรานั่งร้องไห้คนเดียวไปเกือบตลอดทาง เป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยายและหาไม่ได้ง่าย ๆ ในชีวิตของคนคนหนึ่ง

 

และแล้วก็มาถึงเอดินเบอร์ก เมืองหลวงของประเทศสก๊อตแลนด์

 

 

หมายเลขบันทึก: 76286เขียนเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2007 22:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม 2012 06:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ความสำเร็จไม่ได้โรยไว้ด้วยดอกกุหลาบ...

เจริญพร

  • ค่ะ สิ่งแรกคงเป็นเรื่องของการปรับตัวใช่ไหมค่ะ
  • อย่างน้อยก็อากาศ อาหาร และสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างไปจากบ้านเรา
  • มีกำลังใจมากฝากนะคะ
  • อ่านประวัติคุณแล้ว เก่งมากๆ เลยนะคะที่สามารถมาเรียนที่นี่ได้  คุณเป็นคนคุณภาพระดับประเทศนะคะ  ดิฉันภูมิใจในตัวคุณค่ะ

ขอบคุณหลวงพี่มหาชัยวุธกับคุณ Bright Lily ที่แวะมาเยี่ยมชมบล๊อกแรกในชีวิตนะคะ แล้วจะทยอยเขียนเรื่องเล่านักเรียนนอกบทต่อ ๆ ไปค่ะ

 

..ณิช.. 

อ่านแล้ว อยากรู้จังค่ะ ว่าจะเป็นยังงัยต่อไป การไปใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านต่างเมือง   คงจะลำบากเหมือนกันนะค่ะ

ปรางมีเพื่อนไปเรียนอยู่ออสเตเรีย   เพื่อบ่นอยู่เป็นประจำว่าคิดถึงอาหารไทย 

แล้วพี่ณิช คิดถึงอาหารไทย ไหมค่ะ ^-^

สวัสดีค่ะ เปิดตัววันแรกได้น่าสนใจมากเลยค่ะ

เรียนเก่งจังเลย ทำยังไง มีเคล็ดลับอะไรบ้าง เขียนเล่าให้ฟังต่อๆ ไปด้วยนะคะ

ที่สำคัญ อารมณ์ที่คุณณิชนันทน์เล่า เหมือนกันเลยนะคะ ยากจะบรรยายจริงๆ แต่คุณณัชนันทน์เล่าได้โดนใจเลยค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

^____^

ขอบคุณทุกคนที่แวะมาทักทาย และให้การต้อนรับเรื่องเล่าบทแรกของการเดินทาง ตอนนี้กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องเล่าบทต่อไป เพราะมีเรื่องราวหลายอย่างหลายมุมมองที่อยากจะเล่า ไว้รอติดตามกันนะคะ  

 

..ณิช.. 

ดีๆ จ้าๆ  น้องสาวสุดสวย

จากพี่ชายสุดหล่อ

  • ขออนุญาติแนะนำคุณณิชนันทน์ให้ลูกสาวนะครับ เผื่อเธอจะขอข้อมูลด้านการเรียนที่นี่บ้าง
  • เธอเรียน Biotech ที่ ABAC และมองอนาคตว่าจะต่อที่ไหนครับ
  • ยินดีค่ะ อยากรู้เรื่องอะไรถามมาได้นะคะ
  • Biotech มีที่ีให้เลือกเรียนเยอะมาก และมีหลายสาขาย่อยให้เลือก ฝากบอกน้องให้เลือกดี ๆ นะคะ เลือกเรื่องที่ตัวเองสนใจและอยากทำ จะได้เรียนอย่างมีความสุขค่ะ
..ณิช..
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท