ในหลายๆบันทึกของครูอ้อย ได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของครูอ้อยเอง
นายบอนอ่านแล้ว รู้เรื่องบ้าง มองไม่ออกบ้าง
เมื่อได้มาพบเจอครูอ้อยตัวเป็นๆ เมื่อ 1 ก.พ. 2550 ทำให้เข้าใจหลายอย่างชัดเจนมากขึ้น
ครูอ้อยเล่าให้ฟังว่า ช่วงนี้ครูอ้อยแข็งแรง ไม่เป็นหวัด แต่คนในครอบครัว นับตั้งแต่พ่อบ้าน กลับเป็นหวัดกันทุกคน เป็นหวัดกันบ่อยๆเสียด้วย
ครูอ้อยไม่เป็นหวัดอยู่คนเดียว!!!
ครูอ้อยทำงานหนัก ยิ่งทำงาน ยิ่งแข็งแรง
เท่าที่สังเกตดู ครูอ้อยนั้น ถือว่า ดูแลสุขภาพได้ดีมาก เช้า 1 ก.พ. อากาศเย็นๆ ลมหนาวๆ ครูอ้อยใส่เสื้อกันหนาว หาผ้ามาพันรอบๆคอ รักษาความอบอุ่น
แล้วพ่อบ้านและคนในครอบครัว ทำแบบครูอ้อยบ้างไหม ทำไมถึงขยันเป็นหวัดกันจัง??เรื่องการรักษาสุขภาพนั้น หลายคนรู้ว่า ควรทำอย่างไร แต่ไม่ค่อยทำกัน ด้วยหลายเหตุผลและสารพัดคำแก้ตัว “ ไม่มีเวลา, งานยุ่ง, คงไม่เป็นไรหรอกน่า, เรื่องเล็กน้อย” เลยไม่ใส่ใจ ละเลย
คงจะเหมือนกับการพูด ตักเตือนบ่อยๆ รับรู้รับฟังจนเคยชิน เลยไม่เกิดความกระตือรือร้น
ครูอ้อยทำให้ดูเป็นตัวอย่าง รักษาสุขภาพให้ดูเป็นตัวอย่าง แต่คนในครอบครัวก็ยังขยันเป็นหวัด
ความจริงเรื่องนี้ ครูอ้อยบ่น เอ๊ย พูดให้นายบอนฟังในช่วงเวลาเสี้ยววินาที แล้วก็บ่นเรื่องอื่นๆต่อ แต่ดูสีหน้าในตอนนั้นแล้ว คงคิดอะไรถึงคนในครอบครัวมั่งล่ะ
- ครูอ้อยดูแลตัวเองไม่ให้เป็นหวัดได้ แต่ดูแลคนในครอบครัวไม่ได้- ครูอ้อยคงจะบอก เตือน แต่คนในครอบครัวอาจไม่ยอมปรับพฤติกรรม ครูอ้อยคงปล่อยเลยตามเลยปิดท้ายบันทึกด้วยการมอบข้อคิดสะกิดใจถึงพ่อบ้านและคนในครอบครัวของครูอ้อยที่ขยันเป็นหวัด
1. รู้บ้างไหมว่า ครูอ้อย เป็นห่วง
2. แล้วคุณๆจะขยันเป็นหวัดไปอีกนานแค่ไหน
3. ถ้าช่วงหนึ่งครูอ้อยงานยุ่งมากๆ จนไม่ค่อยมีเวลาดูแลสุขภาพ แล้วติดหวัดจากคุณๆ จนครูอ้อยไม่สบาย
.... แล้วคุณๆไม่แย่หรือ....