ผมจึงมองเชื่อมโยงไปสู่ภาคส่วนอื่นของสังคมที่พยายามจะสร้างสังคมผาสุขขึ้น(อย่างน้อยก็เป็นแนวคิดที่สร้างกำลังใจกับคนช่างฝันแบบผม..แม้หลักการกับวิธีปฏิบัติหรือแผนปฏิบัติการไม่ได้สอดรับกันก็ตาม)...... ภาคสังคมพยายามสร้างสังคมแห่งสันติและพอเพียง.. พยายามสร้างวาทะกรรมอย่างหลากหลายและผุดขึ้นราวกับกลัวว่าหากใช้คำเก่าๆแล้วจะเป็นคนล้าสมัย และด้วยเจตคติเพื่อมุ่งสร้างสังคมอยู่เย็นเป็นสุข (คำนี้กำลังเป็นที่นิยมผมเองก็เอามาใช้บ่อยๆ) อันจำนำไปสู่การแก้ใขปัญหา อาชญากร ข่มขืน ยาเสพติด โสเภณีเด็ก พฤติกรรมการบริโภค หรืออื่นๆอีกมากมาย และได้สร้างมาตรการเชิงกฎหมายหรือนโยบายสาธารณะออกมามากมาย .......แล้ววันหนึ่ง.. ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์ จั่วหัวกันพลึบพลั่บ...ภาคธุรกิจโอดครวญถึงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เร่งเร้าให้แก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ เช่นผ่อนปรนหรือยกเลิกมาตรการหรือกฎหมายต่างๆเพื่อกระตุ้นการส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ....ผมไม่รู้ว่าป้าผมที่ทำนา กับน้าเขยที่ปลูกข้าวโพดอยู่ที่หมู่บ้านจะเห็นด้วยหรือป่าว... แต่เขารู้และเชื่อตามข่าวมาตลอดว่าการชุมนุม ขับไล่นายกทักษิณ ทำให้เศรษฐกิจประเทศตกต่ำแล้วก็จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ข้าวกับข้าวโพดราคาตก อาจไม่มีเงินใช้หนี้ ธกส.ในปีนี้ (แต่ขณะที่ผมเขียนบันทึกความคิดอันนี้ เวลาก็ล่วงเลย ข้าวก็เกี่ยวแล้ว ข้าวโพดก็เก็บไปนานแล้ว ..ไม่รู้ว่ามีเงินไปใช้หนี้ ธกส.หรือปล่าว ผมเองก็ไม่ได้ถามข่าวคราว) ญาติๆผมส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรและเรียนหนังสือมาน้อย แต่เขาก็ตั้งใจส่งลูกหลานให้เรียนสูงๆอยู่นะ ...อันนี้เป็นสิ่งที่ผมดีใจ ........ แต่ก็อีกแหละ....นโยบายบอกต้องปฏิรูปการศึกษา...วันหนึ่งข่าวทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ก็ฮือฮากับการจัดอันดับสถาบันการศึกษา....การแข่งขันคงเป็นยุทธศาสตร์ของการปฏิรูปอันดับต้นๆแน่ๆ ....เพื่อให้สถาบันที่ได้อันดับท้ายๆทำคะแนนตีตื้นและเพื่อให้เกิดการแข่งขันกันหรือไม่ก็เพื่อให้สถาบันที่ได้อันดับต้นๆได้ขึ้นค่าเล่าเรียนได้ และบอกกับสังคมว่าเพราะของเราคือเบอร์หนึ่ง ลูกของคุณจะเติบโตเป็นคนที่มีคุณค่าของสังคม.... สุดท้ายคนรวยได้เรียนดี คนเรียนดีแต่ยากจนก็จนใจ อัตราตำแหน่งงานกลับมีแต่ภาคธุรกิจที่เติบโต หลักสูตรที่มุ่งผลิตคนป้อนสู่ภาคธุรกิจก็เติบโต....เพื่อส่งเสริมให้คนได้รวยๆกันไป (โดยเชื่อว่าเงินเป็นเครื่องมือสร้างสุขผมเองยังเชื่อเลย)โดยลืมคำนึงถึงการสร้างคนให้ไปสอนและสร้างคน และวันหนึ่งจะไม่มีครูในประเทศไทยแล้วเมื่อนั้น การศึกษาก็เป็นเรื่องเดียวกันกับธุระกิจแล้วประเทศไทยก็จะจ้างครูมาจากประเทศเพื่อนบ้านเพราะว่าต้นทุนถูกกว่า การสร้างครูใช้เองในประเทศ หรืออาจเป็นไปได้ว่ารุ่นลูกรุ่นหลานของผมคงได้เรียนคุรุศาสตร์ในนามของวิชาหนึ่งในภาควิชาทางด้านธุรกิจ…...... ผมได้ยินมาบ่อยๆว่า.....ความหลากหลายสร้างความงดงาม...หรือในความงดงามนั้นย่อมมีความหลากหลาย ไม่ทราบว่าใช้กับถ้อยความที่ผมเขียนนี้ได้หรือปล่าว …. กระผมต้องขออภัยหากบทความดังกล่าวพาดพิงหรือทำให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจ... แต่ด้วยความอึดอัดใจแบบเด็กๆและมีความรู้อย่างจำกัดจำเขี่ย ต้องขออภัยและ ขอน้อมรับข้อเสนอแนะจากทุกๆท่านด้วยจิตคารวะครับ