"พอทีนะคุณ การุณผู้ชายเถิดหนา อย่าคิดเอาความโสภา คร่าหัวใจผู้ชายฯลฯ" หากใครเป็นคนเก่าๆ และนิยมชมชอบเพลง ผมคิดว่าเราน่าจะเคยได้ยินเนื้อหาข้างต้น เมื่อหันมามองตัวเรา เรื่องบางเรื่องเราทำๆๆๆๆ จนไม่รู้จักคำว่าพอ แต่เรื่องบางเรื่อง ปรากฏว่าพอเอาดื้อ
มาตรฐานความพออยู่ที่ใด พอหรือยังกับตำแหน่งนี้ ถ้าพอแล้วคนอื่นจะได้มาทำต่อ แต่ถ้ายังไม่พอก็ต้องทำต่อไป ตอนเด็กพ่อบอกว่า ลูกอย่านั่งขวางทางประตู มันไม่ดี ยิ่งลูกผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งไม่ดี คนจะขึ้นลงลำบาก ทีนี้ถ้าเรามีความพอนอกจากเราสบายใจแล้ว หน้าที่การงานนั้นๆ ก็พลอยรุดหน้าไปด้วย นอกจากตำแหน่ง ในด้านการเรียนล่ะ เราพอหรือยัง ผมก็ได้แต่นั่งใคร่ครวญ วันก่อนทราบว่า ปริญญาสูงสุดที่เรารู้ว่า Ph.D นั่นมันไม่ใช่ มันยังมีอะไรที่สูงกว่านั้นอีก (น่าจะบอกว่าลึกมากกว่าคำว่าสูง) นั้นย่อมแสดงว่า ต่อให้ลึกเพียงใดก็มีสิ่งที่ลึกกว่าสิ่งที่ลึกนั้น วันนี้ก็เลยมาคิดว่า "พอหรือยัง"
พอหรือยัง ตอนผมสอนเด็กปฐม ผมก็อยากรู้ว่า ระบบ วิธีการ บรรยากาศ ฯลฯ ของมัธยมเป็นอย่างไร เมื่อเข้ามาก็อยากรู้อีกว่า นอกจากสายสามัญแล้ว สายอาชีพเขาเป็นอย่างไร ก็เข้าไปซึมซับอีก จากนั้นก็คิดอีกว่า แล้วระดับอุดมศึกษาล่ะเป็นอย่างไร เมื่อเข้ามา มรภ. ก็อยากรู้อีกว่า ที่เป็น ม.ใหญ่ๆ ล่ะเขาเป็นอย่างไร (ยังไม่รู้) การจัดการเรียนการสอน วัฒนธรรมของคน บรรยากาศฯลฯ เขาเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่เคยใฝ่ฝันที่จะไปต่างประเทศ เพราะเข้าใจว่า ประเทศไทยแหละดีแล้ว วันก่อนหมอดูบอกว่า ผมจะได้ไปต่างประเทศ ผมก็ค้านในใจว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร เนอะว่าไปความอยากรู้นี่ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ยิ่งเขาบอกว่า "ช่องนี้ห้ามดู" ยิ่งอยากจะดูว่ามันเป็นอะไร แต่ผมว่าความอยากรู้ของผมน่าจะน้อยอยู่นะครับ โดยผมวัดตัวผมเองอย่างนี้ เรื่องบางเรื่องเพื่อนแย้มมา พอผมบอกว่า แล้วเป็นไงต่อ เพื่อนก็บอกว่า ไม่เล่าดีกว่า แล้วปล่อยทิ้งไป ผมก็บอกว่า ไม่เล่าก็ไม่เล่า ผมไม่เซ้าซี้ แต่เพื่อนผมบางคนเขาชอบที่จะรู้ให้ได้ ดังนั้นผมจึงเรียนไม่เก่ง เพราะไม่พยายามที่จะรู้ให้ได้
เคยได้ยินไหมครับ พอแล้ว พอๆๆๆ เดี๋ยวน้ำจะล้นปากโอ่ง พอๆๆๆ นั่นน้ำล้นแล้วเห็นไหม เดี๋ยวๆ ยังไม่พอ เพราะยังไม่เต็ม อย่างนี้เป็นต้น วันนี้จึงต้องมาคิดว่า นอนพอหรือยัง นอนมาหลายปีแล้วก็ไม่เห็นจะเรียนเก่งขึ้น กินพอหรือยัง กินมาหลายปีแล้วก็ไม่เห็นจะเต็มพุงสักที เล่นพอหรือยัง เล่นมาก็นานแต่ไม่เห็นจะสนุกสุดเหวี่ยงฯลฯ